คนดีศรีอยุธยา โดย เสนีย์ เสาวพงศ์


กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี

          โต  น้อย เล็ก = เป็นลูกศิษย์ร่วมอาจารย์เดียวกัน ปฏิญาณตนเป็นพี่น้องนับถือกันตามอายุ มีความสามารถ ถ่อมตัว ต่างแยกย้าย รวบรวมผู้คนฝึกปรือศิลปะการป้องกันตัวและเพลงดาบ เจตจำนงอันแรงกล้าที่จะขับไล่พม่า  กู้กรุงศรีอยุธยาคืนมา 

          พะยอม   =  หญิงสาวบ้านแตกที่ฉลาด เข้มแข็ง กล้าหาญ  เพื่อเขาและกรุงศรีอยุธยาเธอพร้อมเสมอ

          ลำพู ทับทิม คล้อย  = หญิงสาวชาวบ้านที่กล้าหาญจับดาบ ฝึกศิลปะการต่อสู้เพื่อปกป้องตัวเอง พ้องเพื่อนและเพื่อกรุงศรีอยุธยา

          เด็ก ๆ   =  ถูกฝึกให้มีส่วนร่วมที่เหมาะสม  คู่ควรต่อวัย

          หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตกก็เกิดความระส่ำระสายไปทั่ว ข้าวยาก หมากไม่มีขาย สิ่งที่มีค่าถูกพม่ายึดเอาไปหมด อยู่กันอย่างอดอยาก ยากแค้น ความจริงใจแทบไม่มีให้กัน บ้างรวมกันเป็นชุมนุมปล้นกันและกันเพื่อความอยู่รอด บางคนยอมเป็นสมุนให้กับพม่า กดขี่ขมเหงกันเองต่างๆ นาๆ  ชีวิตในช่วงนั้นเป็นสิ่งที่รักษาไว้ได้อยากที่สุด  ผู้หญิงยังเป็นส้นตีนช้าง  รอรับและเลื่อนลอย

          “กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี” ฉันใดก็ฉันนั้น ได้มีคนดีมีฝีมือคือชุมนุมเจ้าตากรวบรวมผู้คนตีป้อมค่ายของพวกพม่า กู้กรุงศรีอยุธยาคืนกับมา โดยมีกำลังของชาวบ้านหลายกลุ่มเข้าร่วมโดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มของโต  น้อย เล็ก ที่มีผู้หญิงร่วมจับดาบเป็นกองหนุนที่เข้มแข็ง  เด็ดเดี่ยวและโดดเด่น  

          “คนไร้สมบัติยอมไม่กลัวจน  คนอ่อนน้อมย่อมไม่มีใครข่มเหง”

          “เราไม่ได้มุ่งสร้างคนเด่น  เราเพียงแต่จะไม่ให้มีคนด้อย”

          “เมื่อทำอะไรดีไม่ได้  เพียงแต่ไม่ทำชั่วเสียอย่างก็พอนับว่าดีได้”

          “น้ำที่ขุ่นยังมีเวลาตกตะกอน”         

         “ ในดีก็มีชั่ว  ในชั่วก็มีดี”

          “พรุ่งนี้จะต้องมาถึงอย่างแน่นอน  ก่อนฟ้าสางมันย่อมมืดสนิท”

          “ไม่มีประโยชน์อันใดหรอกที่คนจะรู้ความบริสุทธิ์และความถูกต้องของเราเมื่อตายไปแล้ว”

          “เทียนนั้นถึงจะให้แสงสว่าง  แต่ถ้าเปลวเทียนมันเอียงมันก็มีเงา ปัญญาของคนถึงจะใสอย่างไร ถ้ามีความลำเอียงแล้ว  มันก็จะมีส่วนที่มืด”         

“ถ้าเราจน บางทีมีญาติก็เหมือนคนอื่น”

“เองพูดขึ้นทำให้ข้านึกได้ว่า ทำไมปล่อยผู้หญิงไว้ลำพังในเมื่อผู้หญิงก็ช่วยงานผู้ชายได้ทุกอย่างทำไมการรบทัพจับศึกจึงไม่มีใครนึกถึงผู้หญิงที่อาจจะทำอะไรได้หลายอย่างในการรบหรือเสริมการรบ ทำให้มีกำลังเพิ่มขึ้นมาอีกในเวลาที่เรามีกำลังน้อย เมื่อได้ผู้หญิงมาสมทบกำลังก็จะเพิ่มมากขึ้น ”

“อาวุธนั้นให้ใช้เป็นสิ่งสุดท้าย เอาชนะกันด้วยปัญญาตอนจบ เมื่อไม่มีทางแล้วจึงใช้อาวุธเป็นเครื่องมือของปัญญาแต่ปัญญาจะต้องถืออาวุธอยู่ด้วยตราบใดที่ฝ่ายอธรรมยังถืออาวุธอยู่”

“ไม่ดีหรอก ถ้าคนเราคิดเหมือนกันทุกอย่างมันก็ไม่มีประโยชน์อะไรที่ทำให้เห็นความสำคัญระหว่างคนสองคนเพราะคนหนึ่งจะสูญหายกลายเป็นคนเพียงคนเดียว”

“คนเราถ้าแพ้ทางใจแล้วมันร้ายยิ่งกว่าแพ้ทางกาย มันแพ้อย่างราบคาบเลยทีเดียว”

 

                                        ******************

หมายเลขบันทึก: 452919เขียนเมื่อ 8 สิงหาคม 2011 08:37 น. ()แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2013 08:19 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

...ยุคสิ้นดิ้น..รัด..ตะ.นะ..โก..สิน.. หักพล้าพัดจับ..ได้..ด้วยเข่า....เหล่าย่ายาย..จับกระบอง..ครองตัว..ลงหลุมเอย....(ยายธี..เจ้าค่ะ..อ้ะๆๆๆ)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท