บทความจากหนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันเสาร์ ที่ 30 กรกฏาคม 2554 ติดตามอ่านบทความแนวหน้าได้ที่ลิงก์ข้างล่างนี้ http://www.naewna.com/allnews.asp?ID=97&HL=0&no=1
2 สิงหาคม - คนทั้งโลกต้องเฝ้ามอง (บทเรียนจากความจริง กับดร.จีระ) |
มีเพื่อนผมเป็นเจ้าพ่อชื่อ Michael Hammer เคยพูดไว้ว่า "โลกเปลี่ยนเร็ว, ไม่แน่นอน และไม่สามารถคาดคะเนได้ถูก" ผมยังจำคำพูดเขาได้เสมอ ซึ่งปัจจุบันน่าจะเป็นจริงมากขึ้น เช่น * ผู้หญิงอายุ 44 เข้าสู่การเมือง 49 วัน ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย * มี ฮ.ตก 3 ลำพร้อมกันในประเทศไทย * หรือใครจะคิดว่ามหาอำนาจอย่างอเมริกา จะตกต่ำขนาดจะเบี้ยวหนี้คนทั้งโลก * ประเด็นเรื่องอเมริกาคือสิ่งทีผมจะกล่าวถึงในวันนี้ ประเด็นแรก คนไทยควรมองอะไรให้กว้าง อย่ามองแคบๆ เหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก กระทบเรามากมาย หลายคนบอกว่าโลกแบน หรือโลกที่เป็นแค่หมู่บ้าน ผมติดตามการเมืองในอเมริกามาตลอดและคาดไม่ถึงว่าจนถึง ขณะนี้ นักการเมืองในอเมริกายังทำตัวเป็นเด็กทะเลาะกัน ถ้าตกลงกันไม่ได้ผลกระทบต่อประเทศไทยจะมีมหาศาล (เรื่องขยายเพดานเงินกู้) ทะเลาะกันเพื่ออะไร * ทะเลาะกันเรื่องปรัชญาการเมือง * พรรคของโอบามา (ดิโมแคร็ด)เป็นฐานเสียงคนยากจน รัฐบาลแก้ปัญหาพยายามดูแลประชาชนคล้ายๆรัฐสวัสดิการ ปัจจุบันพรรคดิโมแคร็ดคุมสภาสูงเป็นประธานาธิบดี * พรรคลีพลับดิกัน เป็นพรรคฐานเสียงคนชั้นกลาง และภาคธุรกิจต้องการให้รัฐบาลมีบทบาทเล็กลง จึงไม่อยากให้รัฐเป็นหนี้มาก แต่ให้ภาคเอกชนเข้ามาดูแล ที่น่าสนใจคือช่วงก่อนๆ 2 พรรค ประนีประนอมกันหรืออาจจะเรียกว่าปรองดองก็ได้ตอนหลังๆคงดูการเมืองไทยมากก็ได้ใช้วิธีการรุนแรงไม่ยอมกันข้างใดข้างหนึ่ง * แถมยังกลุ่มขวาจัดของพรรครีพับลิกันที่ใช้ชื่อว่า tea party (อ่านบทความย้อมหลัง)เป็นพรรคที่ต่อต้านการใช้เงินของรัฐเกินตัวอย่างมากมาย บารัค โอบามา ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร * ประเด็นก็คือ พรรครีพับลิกันมีอำนาจก็ในสภาล่าง (Congress) ซึ่งรัฐธรรมนูญในอเมริกาให้อำนาจในการตัดสินใจเรื่องงบประมาณ ในวันที่ 2 สิงหานี้ ถ้า 2 พรรค ตกลงกันไม่ได้รัฐบาลอเมริกาก็จะไม่มีเงินมาใช้จ่ายตามที่รัฐบาลมีภาระอยู่ เช่นไม่สามรารถจะจ่ายดอกเบี้ย ตราสารหนี้ของสหรัฐจะทำให้ตราสารหนี้ของอเมริกากลายเป็นทรัพย์สินที่ด้อยคุณค่า ประเด็นคือ อเมริกาเป็นลูกหนี้รายใหญ่ของโลก โดยออกพันบัตรรัฐบาล และมีประเทศในโลกเช่น จีนหรือญี่ปุ่นเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นปัญหาอื่นๆจะตามมา * สิ่งแรกคือสหรัฐเสียเครดิตต่อประเทศในโลก * ความเสี่ยงสูงขึ้น (ดอกเบี้ยแพงขึ้น) เศรษฐกิจในโลกจะชะงักงันเฉียบพลัน * ลดค่าใช้จ่ายอื่นๆของรัฐบาลสหรัฐ เช่น เรื่องการทหาร หรือ นโยบายสุขภาพ(Medical Care) ซึ่งจะทำให้มีปัญหาภายในของสหรัฐมากขึ้น ทั้งเรื่องความมั่นคงระหว่างประเทศและปัญหาสังคม ผลกระทบที่จะเกิดในประเทศไทย * ตลาดหุ้นในโลกจะลดลง กระทบตลาดหุ้นไทยด้วย * ส่งออกของไทยไปประเทศอื่นจะลดลงอย่างเฉียบพลัน * GDP ของไทยจะลดลง แต่ก็ยังดีที่เศรษฐกิจโลกมีความสมดุลเพิ่มขึ้น * จีนและ ASEAN จะพยุงผลกระทบทางลบทางเศรษฐกิจให้น้อยลง บทเรียนก็คือประเทศอเมริกาใช้จ่ายเกินตัว ไม่ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง จึงมาเป็นประเด็นที่ 2 เรื่อง เมืองไทยในวันนี้ สอนให้รัฐบาลใหม่ใช้จ่ายอย่าเกินตัวโดยใช้สหรัฐเป็นบทเรียนราคาแพง * ข้อแรกคือเป็นสภาแน่ๆ และคงจะมี ครม. เร็วๆนี้ บรรยากาศการเสวนา เรื่อง การสร้างขีดความสามารถด้านการแข่งขันของภูเก็ต เพื่อรองรับประชาคมอาเซียน โดย คุณวิจิตร ณ ระนอง อดีตประธานคณะกรรมการสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย คุณสมประสงค์ โขมพัตต์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา , ศ.ดร.จีระ หงส์รดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ และ รศ. นิศา ชัชกุล รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ตดำเนินรายการโดย นายภูมิกิตติ์ รักแต่งาม อุปนายกสมาคมธุรกิจ การท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต จัดโดย คณะวิทยาการจัดการ และสำนักงานบัณฑิตศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต ร่วมกับ สมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดภูเก็ต เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 28 กรกฎาคม 2554 ณ โรงแรมรอยัลภูเก็ตมารีน่า * ครม.ยิ่งลักษณ์จะถูกกดดันจากสังคมมากขึ้น เช่น สัญญาเรื่องที่หาเสียงไว้ ต้องทำตามสัญญา วันนี้ผมจะขอยกตัวอย่าง นโยบายพรรคเพื่อไทย เรื่องค่าจ้างขั้นต่ำ 300 บาท เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ในความเห็นของผม การกำหนดอัตราค่าจ้าง 300 บาท อาจจะไม่มีการวิเคราะห์ วิจัยอย่างรอบคอบ ในขณะเดียวกัน ถ้าต้องมองอย่างยุทธศาสตร์ วิธีที่จะทำได้คือต้องมองว่า จากประชานิยมมาเป็นการสร้างทุนมนุษย์อย่าถาวร ซึ่งจะต้องทำดังต่อไปนี้ การเพิ่ม 300 บาท เป็นส่วนหนึ่งในของแผน 11 ซึ่งประกอบด้วย * เศรษฐกิจฐานความรู้ * การเรียนรู้ตลอดชีวิต * เศรษฐกิจสร้างสรรค์ * ความสามารถที่จะให้ธุรกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสากลและธุรกิจระหว่างประเทศ ดังนั้นการเพิ่ม 300 บาทจะ ต้องสอดคล้องกับแผน 11 ให้จงได้ นอกจากนั้น * รัฐบาลควรจะมีต้องมีกองทุนสัก 3-4 พันล้าน เพื่อมาพัฒนาศักยภาพของผู้ใช้แรงงานที่จะมาใช้เงิน 300 บาท ดังกล่าว * การบริหารกองทุนจะต้องทำอย่างมืออาชีพอย่างไร ใช้แนวร่วม -วิชาการ -NGO -สหภาพแรงงาน -หน่วยงานของรัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ -สภาอุตสาหกรรม หอการค้า ทั่วประเทศ -ปรึกษาองค์กรต่างประเทศเช่น ILO หรือ OECD กองทุนจะทำอะไร? * พัฒนาเรื่องภาษา * ปรับทัศนคติให้มีนวัตกรรมการเรียนรู้ * สอนให้คิดมากกว่าทำ * สอนให้ค้นหาตัวเองไม่ใช่แค่แบมือของเงิน * สอนเรื่องการเปิดเสรี อาเซียนว่ากระทบกับพวกเขาอย่างไร * เจรจาต่อรองภาคธุรกิจในเรื่องการลดหย่อนภาษีที่ไม่เป็นธรรม * มีการทดสอบเบื้องต้น * ระดมสมองเกิดธุรกิจใหม่ๆ ที่ใช้ความคิดสร้างสรรค์ โดยเฉพาะภาคอีสานและภาคเหนือ ไม่ใช่แค่ธุรกิจเดิมๆเน้นการใช้นวัตกรรมมากกว่าใช้เงินหรือการตลาด * ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีเพื่อธุรกิจให้ได้จริงๆ * มองการเมืองเพื่อความยั่งยืนไม่ใช่แค่ใช้เงินแล้วไปตายเอาวันหน้า ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศ [email protected] www.gotoknow.org/blog/chiraacademy แฟกซ์0-2273-0181 |
เห็นด้วยกับอาจารย์เป็นอย่างยิ่ง ในวิกฤต จะโอกาสอยู่เสมอ การมีเครือข่ายความมือ ทุนทางสังคม ทางทางวัฒนธรรม ที่อาจารย์นำเสนอสามารถนำมาปรับใช้ได้