Ka-Poom
พุทธะ-ทาสี
บ้านต้นกล้า-เกื้อรัก
เป็นสมาชิกตั้งแต่: 14 กุมภาพันธ์ 2549 11:50
เข้าระบบเมื่อ: 16 มิถุนายน 2554 21:24
|
ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ...คนหนึ่ง...คนนี้...
ไม่น่าจะมีพลังอำนาจที่จะปลุกพลังให้กับผมได้เลย...
ย้อนเวลาชีวิตของผมไปสองปี...
ผมถลาไปทักทายผู้หญิงคนนี้...รู้ภายหลังว่า..มีชื่อเสียงร่ำลือด้าน R2R...
ด้วยอารมณ์บ้าน ๆ ...ประสาหมออนามัยบ้านนอกคนหนึ่ง
มหกรรม R2R ครั้งที่ 2 คุยกันครั้งแรกไม่นาน....รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะใสกังวานยิ่งนัก
เหมือนการเปิดใจที่บริสุทธิ์มอบให้ผม...ฝ่าฟันความหวาดกลัวที่อยู่ในใจ...
ผมไปนั่งท้าย ๆ นั่งฟัง...ผู้หญิงคนนี้...กับเวทีที่ปลอดโปร่ง...กับคนมุ่งมั่นผ่านประสบการณ์ R2R
และแล้วผู้หญิงคนนี้...ก็ฝังชิปใส่สมองของผม...
ตอนนั้น R2R ของผม ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะสมองเท่านั้น แต่มันต้องบังเกิดขึ้นในใจของผม
กาลเวลาล่วงเลย....
มหกรรม R2R ครั้งที่ 3 คุยกันครั้งที่สองไม่นาน....รอยยิ้ม...เสียงหัวเราะใสกังวานยิ่งนัก แต่มันไม่เหมือนเดิม....มันคงยังก้องในใจของผมกับความคิดสร้างสรรค์อันบรรเจิด
ผมไปนั่งเกาะเวทีเช่นเคย...เวทีความสุขจาก R2R ผ่าน 6 สาว... ซุปเปอร์ Fa
ผู้หญิงคนนี้...จำผมได้ครับ...โยนไมค์ให้...ผมพูดอย่างติด ๆ ขัด ๆ
และแล้วผู้หญิงคนนี้...ก็ฝังชิปใส่สมองของผม...
ตอนนั้น R2R ของผม ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะสมองเท่านั้น แต่มันต้องบังเกิดขึ้นในใจของผม และมันไม่เหมือนเดิม เพราะ R2R อยู่ในลมหายใจของผม
ทั้งลมหายใจเข้า...ลมหายใจออก
กาลเวลาล่วงเลย....(อีกแล้ว)
ผู้หญิงนี้...ชักชวนให้ผมขึ้นบนเวที R2R ครั้งที่ 4
อยู่ในห้องที่ผู้หญิงคนนี้...เป็นผู้ดำเนินรายการ...รักเหนือรักสู่การทำ R2R ด้วยปัญญา
พร้อมกับกัลยาณมิตรผู้มีพลังในการขับเคลื่อน R2R ด้วยปัญญา อีกสี่ท่าน
ผมและครอบครัวภูมิใจในชีวิตอย่างที่สุด...
หมออนามัยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ออกแรงให้โลกเคลื่อนไหว
และมีหน้าที่เล็ก ๆ ที่จะเปลี่ยนโลกของพวกเราครับ
ผมภูมิใจที่มีคนสนใจในแง่มุมดี ๆ ชีวิตของผม...R2R ของผม
การสนับสนุนให้ อสม. และเครือข่ายสุขภาพของผม...ได้ร่วมออกแรงเคลื่อนไหวโลกผ่าน R2R
และมีคุณหมอฟันท่านหนึ่ง...สนใจเรื่อง...ทงอี...ที่ผมเล่า...
และภูมิใจมาก ๆ สำหรับได้ใส่เสื้อ gotoknow ขึ้นเวที หลังจากที่ใส่เสื้อตัวนี้ ...
เมื่อตอนถ่ายปกลงวารสารหมออนามัย....
ผู้หญิงคนนี้...คือ อาจารย์ ดร.นิภาพร ลครวงศ์ หรือ อาจารย์กะปุ๋ม
อาจารย์ทรงพลังยิ่งนัก...ทราบมาภายหลังว่า ...
อาจารย์เป็นผู้ดำเนินรายการ ถึง 2 เวที ...ซึ่งต้องใช้พลังมากมายนัก
(ผม...แค่พูดคนเดียวก็เหน็ดเหนื่อยล้ามากครับ)
และยิ่งทราบภายหลังว่า...อาจารย์มีแผลที่เท้า...ผมยิ่งกังวลยิ่งนัก
อาจารย์เพียงแค่บอกว่า...ขออนุญาตใส่รองเท้าแตะ
ทั้งที่พวกเราทุกคนก่อนหน้านั้น...ไม่ได้สังเกตเท้าอาจารย์เลย...
ผมได้สัมผัสชีวิตและวิญญาณใกล้ ๆ ของอาจารย์
แค่เพียงผ่านการอุ้มกระเป๋าของอาจารย์ เพราะพออาจารย์ทำหน้าที่เสร็จ อาจารย์ก็ปลีกวิเวก (ไปที่ระลึกของท่านพุทธทาส...น่าจะถูกนะครับ)
เลยฝากกระเป๋าใบนี้ให้พี่อุ้มบุญ...
(พี่อุ้มบุญ...เป็นกัลยาณมิตรใน gotoknow... และเป็นผู้ขับเคลื่อนงาน R2R เช่นกัน
ผมและพี่เจอกัน...ครั้งแรก....ขอบคุณ gotoknow ที่ทำให้พวกเรามาเจอกัน...)
✿อุ้มบุญ ✿ทำความสุขให้เป็นงาน
โรงพยาบาลป่าติ้ว
เป็นสมาชิกตั้งแต่: 20 มกราคม 2552 21:54
เข้าระบบเมื่อ: 22 กรกฎาคม 2554 07:59
|
โชคดีที่พี่อุ้มบุญจะไปทานข้าวเย็น
บังเอิญเจอผมที่ห้องน้ำ...เลยฝากผมนำไปฝากต่อที่ล็อบบี้โรงแรม
อาจารย์ได้ฝังชิป...ผ่านไออุ่นจากกระเป๋าอาจารย์สู่อ้อมกอดในใจของผมอีกแล้ว....
รอยเท้าเล็ก ๆ ของผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ...R2R คูณ 4 คนนี้
ผมสำนึกรู้คุณยิ่งนัก...เพราะชีวิตของผม...คงจะไม่มีโอกาสที่ได้ขึ้นเวทีที่ทรงเกียรติและยิ่งใหญ่อย่างเวทีนี้ หรือเวทีไหน ๆ อีกแน่...
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมจดจำและไม่ลืมเลือนว่า...
เมื่อได้ฝังชิป...และทานผลไม้ต้องห้าม...ที่อาจารย์ประทานให้ผมแล้ว...
ผมต้องแบ่งปันให้คนอื่น ๆ ต่อ...
เพราะคนในโลกของเรามี 2 พวก คือ
หนึ่งคนที่ออกแรงหมุนโลก กับคนที่อยู่บนโลกที่กำลังหมุน
ผมเคยตั้งคำถามในใจเสมอว่า...
หมออนามัยคนหนึ่ง...จะทำอะไรให้กับโลกได้บ้าง ?
ก่อนหน้านั้น ผมไม่รู้...
แต่ ณ เวลานี้ ...เมื่อผมได้ฝังชิป...และทานผลไม้ต้องห้ามจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้
รอยเท้าของผมข้างหน้า...
ต้องเป็นส่วนหนึ่งที่จะออกแรงหมุนโลก....
บันทึกนี้เป็นบันทึกที่ทำให้ข้าพเจ้าได้อ่าน...โดยที่ไม่ต้องรอวันที่ตายไปแล้ว
คนเรานั้นมักเอ่ยถึงกันในยามที่เราหมดลมหายใจไปแล้ว แต่ตอนที่ยังดำรงอยู่เรานั้นต่าง "มุทิตาจิต" กันน้อยมาก ใจนั้นอาจชื่นชมแต่น้อยนักที่จะแสดงออกมาให้บุคคลนั้นรู้
คุณทิมดาบไม่ได้เพียงแค่ชื่นชมและแสดงมุทิตาจิต คือ แสดงออกซึ่งจิตแห่งความดีงาม ชื่นชม เท่านั้นแต่คุณทิมดาบลงมือร่วมก้าวย่างไปพร้อมกับสิ่งที่ใจเขาสัมผัสได้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงอีกท่านหนึ่งคือ พี่โอ หรือพี่สมหญิง อุ้มบุญ ทั้งสองท่านนี้คือ คนต้นแบบในหัวใจของข้าพเจ้า ที่กล้าก้าวร่วมทุกข์และสุข ร่วมฝันและสานฝันให้เป็นจริง บนเส้นทางของคนทำงาน
ข้าพเจ้าฝันแบบเล็กๆ...ในโลกใบเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยศานติ อันเป็นศานติที่มีอยู่ในหัวใจของทุกคน ความมีศานตินี้ ทำให้โลกเรานั้นเย็นขึ้น อันเป็นความเย็นที่เปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นใจ ความเสีลสละ และการละออกจากความเห็นแก่ตัว
ผู้ที่มีความหวาดกลัว...ในจิตใจจะเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว อันเป็นความเห็นแก่ตัวที่นำพาตนเองไปสู่ที่ปลอดภัย แต่...ผู้ที่มีศานติในใจเขาจะกล้านำพาตนเองก้าวผ่านห้วงแห่งความหวาดกลัวและความเห็นแก่ตัวนั้นได้
เมื่อคืน...(๒๑ กค) ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับพี่สมหญิง อุ้มบุญ ถึงหัวใจของผู้มีความเสียสละ กล้าก้าวออกมาจากความหวาดกลัวอย่างเบิกบาน สละออกจากห่วงที่พันธการไว้คือลูกๆ...และสามี มาร่วมทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่ปรารถนาอยากให้ผู้คนได้ออกมาจากบ่วงอันร้อยรัดในการงาน มาสู่ความตื่นรู้และเบิกบานในวิถีแห่งการงานอย่างมีพลัง
คุณทิมดาบ ...ข้าพเจ้าได้เจอเมื่อหลายปีก่อน คือความโชคดีของข้าพเจ้าที่ได้เจอ ไม่น่าเชื่อว่าในซอกมุมเล็กๆ ที่ดูว่างเปล่าจะมีชายหนุ่มที่กล้าคิดกล้าฝันกล้านำพาตนเองทะยานออกจากความคุ้นชินไปสู่มิติของความงามแห่งชีวิต ทำสิ่งต่างๆ อย่างมีพลัง ในสามชั่วโมงที่เรานั่นสุนทรียสนทนาถึงเรื่องเล่าเล็กๆ ข้าพเจ้ารู้สึกภูมิใจที่ได้นั่งเคียงข้างชายหนุ่มคนนี้ เสียดายว่าข้าพเจ้าพลาดโอกาสที่จะได้เจอทิมดาบตัวจริงกับความสดใสของเขา ทิมดาบตัวจริงคือ...ผู้ที่จะเติบกล้าในวันข้างหน้าที่ทุกวันนี้เขาได้รับการฝังชิพความงดงามจากพ่อและแม่ของเขา...
หลายวันมาแล้วข้าพเจ้ารู้สภาพร่างกายตนเองเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นฝีอักเสบที่ข้อเท้าทั้งสองข้างที่มีอาการบวมมาเดือนกว่า ขาดอีกไม่กี่วันก็ครบสองเดือน และอาการที่ถูกลมพิษรุมเร้าเอาเมื่อตอนวันที่นอนอยู่สุราษฎร์ธานี อีกทั้งอาการวิงเวียนศีรษะคล้ายโลกหมุนโคลงเคลงอยู่ตลอดเวลา แต่นั้นการดำรงอยู่ได้ก็เนื่องด้วยจิตที่มีพลังแห่งความงดงามและการมองโลกตามความเป็นจริง
ท่ามกลางการเรียนรู้ ข้าพเจ้าได้พบกัลยาณมิตรมากมายที่คอยเกื้อหนุน
พี่กุ้งจากศูนย์มะเร็งและพี่แป๋ว-หัวหน้าพยาบาล และรอง ผอ.ศูนย์มะเร็ง เมตตาช่วยดูแผลที่เท้า เราคุยกันขำขำกับพี่กุ้งว่า ขอปฏิเสธยาปฏิชีวนะ เพราะนั่นน่ะคือการฆ่า เราปรารถนาที่จะฆ่าแม้แต่เชื้อโรคที่รุมเร้าอยู่นี่...
พี่กุ้งบอกให้รอที่สนามบินก่อนระหว่างที่โทรให้เพื่อนนำยาที่ดีอย่างยิ่งที่ใช้กับผู้ป่วยมะเร็งและได้มาจากอเมริกาเพื่อหวังให้ข้าพเจ้าได้ใช้ แต่ข้าพเจ้าชอบวิถีแนวธรรมชาติที่พี่กุ้งแนะนำมากกว่า ... โชคดีที่อยู่ระหว่างการอุปฐากหลวงปู่ ผู้ซึ่งเป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์ระหว่างเดินทางกลับจากกรุงเทพ ทุกอย่างที่เกิดกับข้าพเจ้านั้นเพียงเล็กน้อยแต่การได้อุปฐากทดแทนพระคุณในความเมตตาของท่านที่มีต่อสรรพสิ่งต่างๆ ในทุกภพนี่สิคือ สิ่งสำคัญและเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่มาก
การที่พระผู้เปี่ยมด้วยเมตตา ท่านเคลื่อนไปที่ไหน ที่นั่นจะเกิดเป็นพลังแห่งกำลังใจ
ดังนั้นการได้อุปฐากท่านแม้เพียงน้อยนิด แต่สำหรับหัวใจของข้าพเจ้านั้นยิ่งใหญ่นัก
ค่ำคืนนี้ แม่ได้อนุญาตให้ข้าพเจ้าได้บ่มเพาะจิตใจตนเองให้แกร่งกล้าในบ้านหลังเล็กๆ ที่หลวงปู่อนุญาตให้มาสร้างอยู่ คือ รางวัลของความอดทนตลอดชีวิตที่ผ่านมา อันเป็นความอดทนต่อความทุกข์ทั้งแบบหยาบ - กลาง - ละเอียด...
เมื่อตอนเย็น...
หญิง-วรรณพร จาก สวรส.ถามไถ่ถึงการเดินทาง และข้อความสั้นจากพี่ติ๊ก-สุฤดี "R2R รักแล้วรักเลยค๊า"...ทำให้ข้าพเจ้าชุ่มฉ่ำในใจ ได้โทรทักทายคุณก้อย-สิรินยาถามถึงแผ่นเพลงภาวนา สำหรับข้าพเจ้าแล้วนี่คือ ความเป็นกัลยาณมิตรที่ร่วมทำงาน พิสูจน์หนทางกันมาหลายปี
หลายคนถามข้าพเจ้าว่าเหนื่อยไหม...ข้าพเจ้าตอบว่า "เหนื่อยแต่อดทนเอา"...
ทำไมต้องอดทน..."ก็เพราะว่าเรายังมีชีวิตอยู่" การมีชีวิตอยู่คือ บทเรียนที่เราต้องเรียนรู้ทุกอย่างที่เข้ามาสัมพันธ์ในชีวิตหรือชีวิตเราไปสัมพันธ์ หากถามว่าตอนนี้ข้าพเจ้าตายได้หรือยัง ข้าพเจ้ายืดอกและตอบได้ว่า "พร้อมตาย" แล้ว เพราะได้ทำให้จิตของแม่เป็นจิตแห่งความเป็นผู้มีดวงตาเห็นธรรม
และข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าได้ตายไปแล้วอยู่ตลอดเวลา...
ขอบพระคุณในบันทึกของคุณทิมดาบ ที่เขียนขึ้นมาได้โดยไม่ต้องรอวันที่ข้าพเจ้าสิ้นลมไปแล้ว
ขอบคุณรอยยิ้มที่สัมผัสได้...
ปล.เสื้อตัวเดิม คงใช่ตัวโปรด อิอิ ...ปลื้มผู้หญิงตัวเล็กคนนี้เช่นกันค่ะคุณทิมดาบ
สวัสดีค่ะ
ได้คุณค่าทั้งบันทึกและเม้นท์ของ ดร.กะปุ๋มค่ะ
ยายรอทานขนมค่ะ
๐๘๒๑๗๘๗๑๔๐ โทรแล้วไม่มีคนรับก็ไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะยายไม่ติดโทรศัพท์ รอยายโทรกลับแล้วกันค่ะ หากได้ยินก็จะรับทันที
ขอขอบคุณในความห่วงใยค่ะ
ดิฉันประทับใจบันทึกนี้มากจริงๆ สำหรับ
ขอบคุณ และขอเป็นกำลังใจสำหรับคนดีๆ เช่นคุณค่ะ
(ดิฉันตามมาอ่านสืบเนื่องจากบันทึกของคุณ Ka-Poom)
พี่ทิมดาบค่ะ
อาร์มก็จะเป็นส่วนหนึ่งที่จะออกแรงหมุนโลกนี้เช่นกันค่ะ
ประทับใจบันทึกนี้ค่ะ
เสื้อตัวโปรดค่ะพี่หนูรี กะปุ๋มมีเสื้อไม่กี่ตัวเองค่ะ ...555
เป็นความลับที่อยู่ในใจ
เป็นความลับที่อยู่ข้างใน...
ใช่มันเป็นความรู้สึกเล็กๆที่อยู่ลึกๆข้างใน
เป็นความรู้สึกชื่นชมที่บรรยายไม่ได้
เพราะมันก่อเกิดอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ
ทั้งสามท่าน(ดร.กะปุ๋ม คุณโอและน้องทิมดาบ)
เป็นแรงบันดาลใจให้มีไฟในการทำสิ่งดีๆแก่สังคม
ทำให้รู้สึกเหมือนมีคนเดินอยู่เคียงข้างโดยตลอด
ทำให้ไม่รู้สึกอ้างว้าง และหวาดกลัว กับอุปสรรคข้างหน้า
แม้จะเพิ่งรู้จักกันแต่รู้สึกว่าใช่,,,,
อยากอัฟรูปกับเขาบ้างแต่ยังไม่มีเวลาทดลองทำเลย...ยุ่งมากช่วงนี้
ชอบคำพูดของกะปุ๋ม
ข้าพเจ้าได้พูดคุยกับพี่สมหญิง อุ้มบุญ ถึงหัวใจของผู้มีความเสียสละ กล้าก้าวออกมาจากความหวาดกลัวอย่างเบิกบาน สละออกจากห่วงที่พันธการไว้
พี่แก้วยังมีกับดัก ห่วงพันธนาการมากมาย จะต้องฝึกตัวเองต่อไป...ให้สามารถก้าวออกมาจากบางสิ่งบางอย่าง อย่างเบิกบาน
ขอบพระคุณอาจารย์ใบไม้ร้องเพลง....ที่ทำให้ผมกลับมาอ่านบันทึกนี้อีกรอบ... เป็นกำลังใจที่ดีและงดงามของชีวิตผม เมื่อผมหลงทาง...หรือไม่มีทางไป....คงต้องกลับมาอ่านอีกรอบแน่นอนครับ