ชั่วแค่เวลาเพียงหนึ่งเดือน ผู้เขียนได้พบกับการจากไปของผู้คนที่รู้จักใกล้ชิดถึงสามราย ต่างกรรม ต่างวาระ เป็นการย้ำให้เห็นถึงสิ่งที่มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายต้องได้รับไม่มีการยกเว้น เป็นความจริงที่รุนแรง กระแทก กระทบใจให้รู้สึก ให้คิดพิจารณา
ผู้จากไปทั้งสามท่าน จากไปด้วยสาเหตุต่างๆกัน ทุกท่านล้วนเป็นคนดี ทุกครั้งที่ได้ทราบข่าวการจากไปของผู้คนที่รู้จัก รวมทั้งเหล่าทหาร-ตำรวจที่เสียชีวิตในการปฏิบัติหน้าที่ ก็จะสวดมนต์ยาวๆทั้งเพื่อสงบใจตนเอง และอุทิศส่วนกุศลให้ผู้จากไป ไปดี ไปสู่สุคติ แผ่เมตตาให้กับครอบครัวที่ยังอยู่เบื้องหลัง และ ยังเป็นการเจริญมรณสติแก่ตนเองอีกด้วย
ผู้เขียนได้อ่านหนังสือเรื่อง “ตายไม่มี” ที่พระศรีญาณโสภณ หรือท่าน ปิยโสภณ เขียนขึ้นเพื่อให้คนกล้าต่อสู้กับความเป็นจริง กล้าหาญต่อสัจธรรม ต่อธรรมชาติ ไม่มองความตายว่าเป็นเรื่องโหดร้ายที่มาพรากคนที่เรารักให้จากไปอย่างไม่มีวันจะได้พบหน้ากันอีก จึงขอคัดข้อคิด ข้อความบางตอนมาฝาก...
“...สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอนให้พิจารณามรณสติเพื่อบรรเทาความเมาในชีวิต เมาในเวลา ในความประมาท ก็เพราะต้องการให้คนมีสติตื่นตัว ให้รู้ว่า ความตายอยู่แค่ปลายจมูกเท่านั้น เรารู้วันเวลาเกิดได้ แต่เวลาตายรู้ไม่ได้และไม่มีทางจะรู้ด้วยหากไม่เจริญมรณสติเป็นประจำ
การเจริญมรณสติ คือ นึกถึงความตายบ่อยๆ อย่างนี้จะสอนใจให้กล้าเผชิญความจริงได้ไม่ยาก
ขณะที่เราเศร้าโศกเสียใจกับการสูญเสียพลัดพรากไปของจิตดวงนี้ อาจมีจิตอีกหลายร้อยดวงในต่างมิติ ที่รอคอยสัมผัสรอยยิ้มของชีวิตน้อยๆในมิติใหม่ของเขา
การมา การไป เป็นเพียงการเปลี่ยนขั้วของความรู้สึก สุดแต่ว่าเราจะอยู่มิติใดของการเดินทาง...
...ถ้าเปรียบร่างกายเหมือนเรือ การตายอาจจะเป็นเหมือนคนสละเรือที่กำลังจะจมน้ำ แล้วรีบขึ้นฝั่งให้ปลอดภัย หรือเมื่อมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น เราย่อมช่วยเหลือเอาชีวิตของคนไว้ก่อน มากกว่าจะรักษาเครื่องยนต์กลไกซึ่งใช้ไม่ได้แล้ว
เช่นเดียวกับ ผู้รักษาชีวิต ย่อมเห็นว่าดวงจิตสำคัญกว่าร่างกายที่ใช้การไม่ได้แล้ว จึงแยกออกจากกันไปก่อน แล้วรวมกันในเสี้ยวแห่งมิติใหม่ภายหลัง ซึ่งเราสมมุติสภาวะนี้ว่า เกิด ...
...สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตรัสสอนให้เราทำความดี เพื่อให้คุณค่าของชีวิตเราเป็นอมตะ คือ ไม่ตาย เพื่อทดแทนสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ของสังขารร่างกาย เพราะตัวชีวิตตายได้ แต่คุณค่าของชีวิตทำให้เป็นอมตะได้...”
พระไพศาลวิสาโล กล่าวไว้ในบทความ “เผชิญความตายด้วยใจสงบ” ตอนหนึ่งว่า “...เพราะเราทุกคนล้วนต้องตาย ไม่ช้าก็เร็ว ที่สำคัญคือ ตายได้เพียงครั้งเดียว เราจึงต้องเตรียมตัวตายให้ดีที่สุด การเตรียมตัวเพื่อที่จะตายดียังเกี่ยวเนื่องกับการมีชีวิตอยู่ ดังคำกล่าวที่ว่า เราอยู่อย่างไร ก็ตายอย่างนั้น เพราะเราเป็นผู้กำหนดสภาพการตายของเราเอง...
...การหมั่นทำความดี สร้างกุศลอยู่เสมอ เมื่อเผชิญกับความตายย่อมมีความอุ่นใจและมั่นใจได้ว่าได้ไปสุคติ
การหมั่นพิจารณาความตาย การทำกรรมดี และ การฝึกสติ เป็นสิ่งที่บุคคลพึงตระเตรียมอย่างสม่ำเสมอและอย่างเนิ่นๆ ....”
ขอบุญกุศลที่ท่านผู้จากไปทั้งหลายได้ทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสเตือนตนสู่ การเจริญมรณสติ อยู่เสมอ จงมีส่วนนำพาให้ดวงวิญญาณของท่านทั้งหลายได้ไปสู่สุคติด้วยเทอญ.
ขอบคุณข้อคิดดีๆค่ะ...ยิ่งอายุมากขึ้น(อย่างพี่ใหญ่)..ยิ่งประจักษ์ชัดในความไม่เที่ยงแท้และสัจจธรรมเหล่านี้..พวกเราจึงควรย้อนมาพิจารณาตนเอง..เพื่อฝึกเตรียมความพร้อมของสติและจิตในการละวางสังขารและสรรพสิ่ง..ก่อนที่ทุกอย่างจะทิ้งเราไปก่อนจะทันรู้ตัวทั่วพร้อม..
ขอบคุณเรื่องราวดีๆที่นำมาแบ่งปันให้แง่คิดที่ดี ขอบคุณค่ะพี่นุช
พี่ใหญ่มาร่วมรำลึกถึง น้องหนานเกียรติ ด้วยบันทึกจากใจอีกหนึ่งเรื่องค่ะ :
เฌวา ลูกยอดปรารถนาของพ่อหนานเกียรติ-แม่กวาง :
http://www.gotoknow.org/blog/nongnarts/450291
ภาพประทับใจ จากไฟล์น้องคิม นพวรรณ
....สาธุ..เจ้าค่ะ...เข้าร่วม..เจริญสติ..กับสะพานบุญ..และเข้าถึงซึ่งทางสายกลาง..ทุก..ตัวตนที่ยังชีวิตอยู่..เห็นแจ้งใน..อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา.....กับ..ธรรมที่คุณนุช...แนะมาในบล้อกนี้.(ผลแห่งการวิปสนาภาวนาการเจริญมรณสติ).เจ้าค่ะ....ยายธี
การจากไปก่อนวัยอันควร ของน้องหนานเกียรติ
ทำให้เราเศร้าซึมไปทั้งบ้านgotoknow
เราที่ยังมีชีวิต ต้องทำความดี สะสมความดี...
และต้องมีสติรู้ตน...นะคะ
- ขอบพระคุณมากค่ะ
- "เราอยู่อย่างไร ก็ตายอย่างนั้น"
- เป็นถ้อยคำที่ลึกซึ้งมากค่ะ
สวัสดีค่ะ พี่นุช
ได้คิดตาม ทบทวน...แล้วเกิดสติเตือนตนเองจริงๆค่ะ...
ขอบพระคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ'คุณนายดอกเตอร์'
มีเวลาได้อ่านและชื่นชมบันทึกที่มีคุณค่าค่ะ
ขอบคุณมากค่ะ
ความตายเป็นขั้นตอนหนึ่ง ของการทำชีวิตให้สมบูรณ์ ซึ่งจะต้อง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เช่นเดียวกัน
วันนี้เป็นทีของเขา วันหน้าอาจเป็นทีของเรา ถ้าเราคิดอย่างนี้แล้ว ชีวิตเราอาจไม่ประมาท เมื่อเราไม่ประมาท เราจะตั้งคำถามว่า ชีวิตที่เหลือ เราจะทำอย่างไรให้คุ้มค่าที่สุด…
ขอบคุณครับ...