เส้นทางสู่ความสำเร็จ ข้อที่ 5


Start with the right attitude, be gratitude and ready to serve others. จงเริ่มต้นด้วยท้ศนคติที่ดี มีความรู้สึกสำนึกคุณ และมีใจที่พร้อมให้บริการผู้อื่น

          รากฐานชีวิตของเรานั้นเริ่มจากการมีทัศนคติที่ดีนะครับ ทรรศนะ มุมมองที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่างๆ รอบข้างตัวเรานั้นเป็นสิ่งสำคัญครับ ....จะเห็นได้ว่าคนสองคนถึงแม้จะได้พบ ได้ีเห็นสิ่งเดียวกัน แต่การรับรู้ในเหตุการณ์นั้นๆ ก็อาจแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน คนหนึ่งอาจจะรู้สึกไม่พอใจ หรือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ในขณะที่อีกคนหนึ่งอาจจะรู้สึกเฉยๆ หรือขุ่นเคืองใจเพียงเล็กน้อย ..... ที่เป็นเช่นนั้น ก็เพราะทัศนคติของแต่ละท่านนั้นต่างกันครับ เคยได้ยินไหมครับคำกล่าวที่ว่า Attitude is the  beginning of everything ...จริงๆ นะครับ "สิ่งที่กำกับอยู่ในใจ" นี้มันช่างมีพลังมากมายเหลือเกิน  บางครั้งคนๆ นี้อุตสาห์พูดกับเราดีๆ แต่บังเอิญว่าทัศนคติที่เรามีต่อเขานั้น "มันไม่เอาไหน" ยิ่งฟังเขาพูดไปๆ ก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจ ...เคยเป็นเช่นนี้บางไหมครับ ....ฟังไปก็จับผิดไป โดยที่เราเองก็ "ไม่รู้ตัว"

         ผมเองเติบโตมาในสภาวะแวดล้อมที่ค่อนข้างเจ้าระเบียบ และเคร่งครัด ครั้นพอมาทำงาน ก็ต้องมารับผิดชอบเรื่องการวางแผน และการบริหารคุณภาพ ก็เลยยิ่งทำให้ผมกลายเป็น "Mr. Perfect!" "Mr. Zero Defect!" เข้าไปอีก ...ผมกลายเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญด้านการ "จับผิด" ไปโดยไม่รุ้ตัว ใครทำอะไรผิดพลาด มักจะไม่คลาดไปจากสายตาของผมได้ ผมทำสิ่งเหล่านี้จนเคยชิน ....จนการมองของผม detect (ตรวจจับ) ได้แต่สิ่งที่ไม่ดี โดยที่ตัวผมเองก็ไม่รู้ตัว ผมกลายเป็นผู้ที่ไว (sensitive) กับสิ่งที่ไม่ดี กลายเป็นผู้ที่มองไม่เห็นสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นตลอดเวลาในชีวิตประจำวัน นอกจากนั้นยังเป็นพวกที่ "รับ" ไปโดยปริยาย รับไปอย่างเคยชิน  โดยไม่รู้สึกสำนึกใดๆ (Take it for grant) มองไปว่าแต่ละคนมีหน้าที่ทำให้เรา เขาก็ทำหน้าที่ของเขาไป ไม่เห็นความจำเป็นใดๆ ว่าทำไมเราต้องไปขอบอกขอบใจเขาด้วย เรียกได้ว่าขาด "ทัศนคติของการสำนึกคุณ หรือ Attitude of Gratitude" ไปครับ

        ปัจจุบันเราพูดกันเรื่อง Service-minded หรือจิตสึกนึกให้บริการ กันค่อนข้างบ่อย Serviced-minded นั้นมาจากใจที่เปี่ยมไปด้วยเมตตาครับ สิ่งนี้ไม่ได้อยู่ระดับของความคิดแต่เป็นเรื่องของจิตใจครับ ความคิดกับจิตใจเป็นคนละส่วนกัน ส่วนหนึ่งมาจาก Head อีกส่วนหนึ่งเป็น Heart ครับ ...ผมประทับใจเรื่องเล่าเรื่องหนึ่ง (จำไม่ได้แล้วครับว่าผู้เล่าเป็นใคร) เขาเล่าว่า ....ในการไปทัวร์สวรรค์และนรก สิ่งที่น่าประหลาดใจก็คือ สภาพทั่วไปคลายกันมาก ผู้ที่ได้ไปเยี่ยมนรกและสวรรค์ในช่วงเวลารับประทานอาหารบอกว่า อุปกรณ์ต่างๆ ก็คล้ายกัน ช้อนที่ใช้ตักอาหารก็คล้ายๆ กับที่เราใช้อยู่ จะต่างกันก็ตรงที่ยาวกว่ามาก ยาวประมาณหนึ่งเมตรเห็นจะได้ แต่สิ่งที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ก็คือคนในนรกนั้นผอมโซ ในขณะที่ผู้ที่อยู่ในสวรรค์อิ่มหมีพีมัน ความแตกต่างอยู่ตรงที่ในนรกนั้นแต่ละคนพยายามตักอาหารมาใส่ปากตัวเอง (ด้วยช้อนที่ยาวหนึ่งเมตร) ในขณะที่บนสวรรค์นั้นต่างคนต่างตักอาหารให้แก่กันและกันครับ !!

(ป.ล. ต้องขออภัยทุกๆ ท่านด้วยครับที่ครั้งแรกตัวหนังสือค่อนข้างเล็กมากทำให้ท่านอ่านยาก คราวนี้ใช้ Tahoma 12 ตามที่แนะนำมาแล้วครับ อ่านแล้วสบายตาจริงๆ ขอบคุณครับ ...ประพนธ์)

หมายเลขบันทึก: 45005เขียนเมื่อ 17 สิงหาคม 2006 08:00 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 15:39 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (12)
     อาจารย์ครับตัวอีกษรตัวเล็กจังเลยครับ
     มาติดตามเก็บเกี่ยวครับผม ยังไม่แลกนะครับ ค่อยกลับมาอีกรอบในช่วงเย็น ๆ

ทัศนคติสำคัญมากจริงๆครับ และทัศนคติก็กำหนดการกระทำของเราด้วย

การปรับทัศนคติเพื่อการมองโลกในแง่บวก เป็นเรื่องที่ต้องฝึก และใช้เวลาเหมือนกัน

เมื่อก่อนเหมือนอาจารย์ครับช่วงแรกๆ คือหาจุดดำในกระดาษขาวได้ไวกว่าคนอื่น

แต่ทบทวนตัวเองบ่อยๆ ก็มองว่า มันน่าจะทุกข์มากกว่าสุข เปลี่ยนคนอื่นนี่เปลี่ยนยาก เปลี่ยนทัศนคติมุมมองของเราดีกว่า ง่ายกว่ากันเยอะเลยครับ

ขอบคุณครับอาจารย์

เมื่อคืนทานข้าวกับหนุ่มสาว สคส. กับ Blogger ที่อยู่ที่ปาย ๒ คน  ยังพูดถึงอาจารย์บ่อยครั้งในวงสนทนา ไม่ทราบว่าอาจารย์จะจามหรือเปล่า??? 

ขอขอบคุณอาจารย์ประพนธ์...                            

  • ขอแสดงความชื่นชมเรื่องช้อนส้อมที่อาจารย์เล่ามาครับ...
    (1). คนในสวรรค์มีความสุขกับการให้
    (2). คนในนรก(เรื่องที่เล่า)กอบโกย > เลยผอมเลย

เรื่องนี้คงจะคล้ายกับคำกล่าวที่ว่า "Big bite lives no long."...

  • "กินคำใหญ่ อยู่ไม่นาน" > ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย คือ กินมากโรคมาก หรือโกงมากวอดวายไว 
  • เข้าทำนอง "โลภมาก ลาภหาย"

เรียนเสนอให้ลองใช้แบบอักษร Tahoma ขนาด 12... อาจารย์ iS ท่านแนะนำไว้ > ทดลองดูแล้ว ตัวอักษรอ่านง่าย > ขอขอบพระคุณ

  • อ่านบันทึกอาจารย์แล้วเหมือนส่องกระจกเห็นตัวเองในอดีต
  • แต่จากการเรียนรู้จากชีวิตคนรอบข้าง โลกทั่วไป และกำไรจากการอ่านหนังสือ สอนให้เราเองต้องปรับทัศนคติใหม่
  • พยายามมองหาผ้าขาวของในตัวคน ไม่มองหาจุดดำ
  • รู้สึกว่ากาลเวลา ณ ปัจจุบันนี้ มีสิ่งสวยงามแฝงอยู่ทั่วไปค่ะ

 

อาจารย์ค่ะ ดิฉันคิดว่า การที่คนเรามีทัศนคติที่ไม่ดีต่อคนอื่น หรือชอบมองโลกในแง่ร้าย ประเภทชอบติติงหาแต่ข้อเสียของคนนั้น คงไม่ใช่แค่ทัศนคติอย่างเดียว แต่คงขึ้นอยู่กับการพัฒนาของจิตตามที่ปัญญามีก็เป็นได้ค่ะ

เห็นด้วยกับอาจารย์ ที่ว่าคนเราต้องมีทัศนคติที่ดีก่อนมองสิ่งต่างๆ เป็นของสวยงาม ใจจะไม่เป็นทุกข์เลยมีความสุข เพราะจากประสบการณ์ตัวเอง ที่บ้านพี่สาวจะชอบเลี้ยงแมวและรักแมวมากเลย แมวจะเป็นเจ้าของบ้านครองพื้นที่หมด เก้าอี้โยกที่เราชอบนอน คุณแมวเธอก็ครองหมด นอนหลังทีวีบ้าง ตู้เย็นบ้างตามใจทุกอย่าง  ส่วนตัวเองจะไม่ค่อยชอบแมวเท่าไรนัก เพราะขนแมวจะร่วงตามพื้นเป็นภาระเราอีก ใหม่ๆ จะเถียงกันเรื่องแมวตลอด จะทะเลาะกันก็หลายครั้งแต่พอเราปรับวิธีคิดใหม่ว่า  คิดว่าถ้าเป็นความสุขของพี่สาวเรา เราก็น่าจะยินดีด้วย และคิดว่ามีแมวอยู่ก็ดีทำให้ไม่มีหนูในบ้านเลย  จากการมองทางลบเป็นทางบวก มันก็ไม่มีเรื่อง พี่สาวก็ไม่ต้องมาอารมณ์เสียกับเรา ที่เราบ่นว่าแมวของเค้า  ส่วนใจเราสงบเย็นมีความสุข ไม่ร้อนหลุ่ม เพราะเวลาคนเรามีโทสะความโกรธ ใจมันจะร้อนไปหมด อยากให้ทุกคนทำได้รับรองมีความสุขแน่นอน คนรอบข้างก็มีความสุขด้วย

มีผู้รู้ท่านหนึ่งเคยถามว่า หากรู้ว่าพรุ่งนี้เราจะตาย เราจะทำอะไร ยังจะทำเหมือนอย่างที่เราทำอยู่แบบทุกวันนี้ไหม ถ้าคำตอบว่า ใช่ มันก็หมายถึงคุณรู้คำตอบแล้วว่า เราเกิดมาทำไม แต่ถ้า ไม่ใช่ แล้วคุณกำลังทำอะไรอยู่....

อาจารย์คะ ติดตามมาถึงข้อที่ 5 แล้วตัวอักษรเล็กมากคะ  แต่ก็พยายามอ่าน พูดถึงตนเองในข้อนี้เป็นคนมองโลกในแง่ดีมาก ๆ จำได้ว่าตอนเป็นสาว เพื่อน ๆ คุยกันในหมู่ผู้หญิง เรานั่งเฉย ๆ เพื่อนหันมามองแล้วบอกว่าไม่เห็นด้วยก็อย่าไปเล่าคนอื่นฟังละ เรารู้สึกเอ๋อไปเลยเพราะเราไม่มีความคิดอะไรประเภทนั้นอยู่แล้ว และอีกเรื่องหนึ่งมีพี่คนหนึ่งเขาคิดว่าเราไม่พอใจเขา ทั้งๆที่เราไม่เคยคิดเช่นนั้น ยัง งงๆ ว่าเขารู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไรเพราะสนิทกันมาก ตอนนั้นเราคิดว่าเราคงมีความรู้สึกอะไรที่ช้ามากจริง ๆ มาสมัยนี้ก็รู้ได้ว่าเพราะเรามองอะไรในแง่ดีต่างหาก

น่าสนใจ กับเรื่องเล่าทัวร์สวรรค์และนรก ได้ข้อคิดดีมากครับ

พ.ท. ณัฐพงศ์ บัวทอง

อาจารย์ประพนธ์ ที่เคารพ

ขอรบกวนสักหน่อยครับผมดาวน์โหลดโปรแกรม free mind ไม่ได้ลองจาก nectecแล้วครับ รบกวนช่วยบอกวิธีหรือมีแผ่นข้อมูลขานหรือป่าวครับในท้องตลาด

                                           ขอบคุณครับ

                                     พ.ท. ณัฐพงศ์ บัวทอง

เพิ่งเข้ามาครั้งแรก ดีใจจังเลยที่ได้เข้ามาอ่านบทความดีๆ อย่างนี้

ทำให้ได้แง่คิดหลายอย่าง อย่างไม่น่าเชื่อ

อะไรที่เราเคยมองข้ามไปในชีวิตกลับมองเห็นได้อย่างง่ายดาย

ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้ชีวิตของหนูมีความหมายมากขึ้น

ด้วยความยินดีครับ คุณ yumiko แวะเข้ามาเยือนอีกนะครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท