วิธีทางสถิตินี้อาจแยกได้เป็น 2 สาขา คือ
1. สถิติพรรณนา (Descriptive Statistics) เป็นการวิเคราะห์สถิติในเบื้องต้นกล่าวคือเป็นวิธีการหาข้อสรุปจากข้อมูล อาจจะใช้เพื่อเป็นแนวทางในการวิเคราะห์ขั้นต่อไปได้ ในส่วนนี้เองที่จะต้องใช้ศิลปะมาช่วยในการวิเคราะห์และอธิบาย สื่อความหมายให้สังคมเข้าใจ เช่น การนำเสนอข้อมูลด้วยตาราง แผนภูมิ แผนภาพ หรือคำอธิบายการจัดเก็บข้อมูลต่าง ๆ อาจเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจำนวนหรือปริมาณก็ได้ นับเป็นการจัดข้อมูล เรื่องหรือเหตุการณ์ให้เป็นหมวดหมู่ เข้าใจง่าย ในทางการบริหารก็มีความจำเป็นที่จะต้องทำการสื่อสารให้ถูกต้อง ชัดเจน และกะทัดรัด สถิติที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์ และการบรรยายถึงลักษณะของข้อมูล ที่เก็บรวบรวม ได้แก่ การจัดกลุ่มข้อมูล การแจกแจงความถี่ การนำเสนอข้อมูล การหาค่ากลาง(ค่าเฉลี่ย) การวัดความกระจาย การวัดตำแหน่งที่ การวัดความเบ้ การวัดความโด่ง เป็นต้น
2. สถิติอนุมาน (Inferential Statistics) เป็นสถิติที่ศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลกลุ่มเล็กหรือกลุ่มย่อยที่ได้มาจากการสุ่มตัวอย่าง โดยตัวอย่าง หรือที่เรียกว่า sample นี้จะต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนและตรงกับความต้องการของผู้ใช้ข้อมูล แล้วนำผลที่ได้ไปอ้างอิงถึงข้อมูลส่วนใหญ่ที่สนใจ ในที่นี้เรียกว่าประชากร หรือ population การสรุปผลดังกล่าวต้องอาศัยหลักทฤษฎีความน่าจะเป็นเข้ามาเกี่ยวข้อง สถิติอนุมานที่สำคัญได้แก่ การประมาณค่าและการทดสอบสมมติฐาน เช่น ในการศึกษาค่าใช้จ่ายของนักศึกษาในสถาบันแห่งหนึ่ง อาจจะทำการโดยใช้สถิติอนุมานจากการสุ่มตัวอย่างนักศึกษาในสถาบันแห่งนี้มากลุ่มหนึ่งจากนักศึกษาที่สนใจทั้งหมดซึ่งเรียกว่าประชากร กระบวนการดังกล่าวจะต้องมีหลักการที่แน่นอนและตรวจสอบได้ เช่น เราสุ่มตัวอย่างนักศึกษามา จำนวน 1,000 คน จาก จำนวนนักศึกษา 5,000 คน วิเคราะห์หาค่าที่สนใจจากตัวอย่าง อาทิ ค่าเฉลี่ย แล้วนำผลที่ได้ไปอ้างอิงถึงค่าเฉลี่ยประชากร สมมติคำนวณค่าใช้จ่ายเฉลี่ยจากนักศึกษา 1,000 คน ได้ 120 บาทต่อวัน อาจจะสรุปว่านักศึกษาทั้ง 5,000 คนนั้นมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเท่ากับ 120 บาทต่อวันด้วย เหล่านี้เป็นต้น
ไม่มีความเห็น