รูปแบบทางกฎหมายในการระงับข้อพิพาททางการลงทุน
เมื่อมีข้อพิพาททางการลงทุนเกิดขึ้น คู่พิพาทมักจะพยายามทำให้ข้อพิพาทสิ้นสุดลงโดยอาจเจรจาตกลงกันเอง หรือมีคนกลางเข้าไปไกล่เกลี่ย หากไม่สามารถตกลงกันได้คู่พิพาทก็อาจต้องนำข้อพิพาทไปฟ้องคดีต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรืออาจดำเนินการได้ในหลายรูปแบบ ดังนี้
ก.การปรึกษาหารือหรือการเจรจา
เป็นการระงับข้อพิพาททางการทูต ซึ่งถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุด และมักจะใช้เป็นวิธีการแรกที่ใช้ในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นโดยที่คู่พิพาทยังคงมีอำนาจควบคุมและดำเนินการเกี่ยวกับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นได้ คู่พิพาทอาจจะยอมรับหรือไม่ยอมรับข้อเสนอในการระงับข้อพิพาทก็ได้ ซึ่งมีลักษณะเดียวกับการประนีประนอมยอมความกันระหว่างคู่พิพาท โดยทั้งสองฝ่ายอาจจะตกลงกันที่จะระงับข้อพิพาทที่มีอยู่โดยการที่ต่างฝ่ายต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ผลชี้ขาดที่ออกมาจะเป็นวิธีการที่ดีที่สุดสำหรับรัฐคู่พิพาท ทั้งยังประหยัดเวลา และค่าใช้จ่าย และยังรักษาไว้ซึ่งความสัมพันธ์อันดีต่อกันไปในภายหน้า
โดยมีลักษณะสำคัญที่ต้องมีการตกลงกันระหว่างคู่พิพาทที่จะยุติข้อพิพาทของตนโดยสมัครใจ โดยอาจเป็นการตกลงระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นแล้ว หรือตกลงกันไว้ล่วงหน้าเพื่อระงับข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตซึ่งจะพบได้ในความตกลงหรือสนธิสัญญาเพื่อการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนทั่วไป
ข.อนุญาโตตุลาการ
คือ การระงับข้อพิพาทโดยคู่พิพาทตกลงกันให้เสนอข้อพิพาทของตนต่อบุคคลที่สามที่เรียกว่า อนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นผู้ที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ชี้ขาดตัดสินโดยอาศัยพยานหลักฐาน ข้ออ้าง ข้อเถียงที่คู่พิพาทเสนอในระหว่างการพิจารณา มักจะใช้ในข้อพิพาทที่เกิดจากการค้าซึ่งต้องอาศัยผู้มีความรู้เชี่ยวชาญทางการค้าเป็นผู้ตัดสินข้อพิพาทที่เกิดขึ้นเป็นการเฉพาะเพื่อความสะดวกรวดเร็วและถูกต้อง ซึ่งคำชี้ขาดที่เกิดขึ้นจะผูกพันคู่พิพาททั้งสองฝ่ายด้วย อำนาจการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศจะขึ้นอยู่กับความยินยอมของคู่พิพาท ซึ่งอาจกำหนดไว้ในสนธิสัญญาว่า ถ้าเกิดข้อพิพาทขึ้นให้ระงับด้วยวิธีการอนุญาโตตุลาการ หรืออาจแสดงความยินยอมไว้ในสนธิสัญญาที่ทำขึ้นเป็นการเฉพาะ อนุญาโตตุลาการถือว่าตัวตุลาการทำหน้าที่โดยอิสระ บุคคลที่ได้รับเลือกอาจมาจากผู้ทรงคุณวุฒิตามกฎหมาย ประมุขของรัฐ และก็มาจัดตั้งเป็นองค์กร การคัดเลือกบุคคลมาทำหน้าที่ อนุญาโตตุลาการะหว่างประเทศ อาจเป็นไปตามที่คู่พิพาทกำหนดเลือกไว้ในสัญญา หรืออาจตกลงให้ใช้สถาบันอนุญาโตตุลาการที่มีอยู่ก็ได้ หน้าที่หลักของอนุญาโตตุลาการคือ การระงับข้อพิพาทบนพื้นฐานของกฎหมาย อย่างไรก็ตามในการพิจารณาคดีของอนุญาโตตุลาการ คู่พิพาทมีอิสระที่จะเลือกกฎหมายที่จะนำมาปรับใช้ในคดีได้ รวมทั้งหลักความยุติธรรม ความเหมาะสม และหลักกฎหมายทั่วไปด้วย คำพิพากษาของอนุญาโตตุลาการมีผลผูกพันคู่พิพาท และถือว่าคำพิพากษานั้นสิ้นสุดเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม อาจมีกรณีที่ต้องตีความคำพิพากษา อ้างความบกพร่อง วิธีพิจารณาที่ผิดขั้นตอน ภายหลังจากที่มีคำพิพากษาก็ได้
ค.ศาลภายในประเทศ
โดยทั่วไปแล้วศาล คือ องค์ที่ทำหน้าที่ในการระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นภายในรัฐ อำนาจของศาลภายในประเทศนั้นได้มาโดยผลบังคับตามกฎหมายทั้งในส่วนของเขตอำนาจ ประเภทคดี และหมายที่นำมาปรับใช้แก่คดี ในการลงทุนระหว่างประเทศนั้นตามหลักสากล คู่พิพาทมักไม่นำคดีขึ้นสู่ศาล ด้วยเหตุที่ว่า
(ก) ศาลมีขั้นตอนการพิจารณาคดีที่ยุ่งยากซับซ้อนและมีขั้นตอนมากทำให้เสียเวลา ซึ่งขัดต่อสภาพของธรกิจที่ต้องการความสะดวกรวดเร็ว
(ข) ศาลส่วนมากไม่มีประสบการณ์ในทางธุรกิจที่มีลักษณะซับซ้อน ศาลจะต้องอาศัยพยานผู้เชี่ยวชาญ ทำให้จำเป็นต้องใช้เวลาในการดำเนินคดีมากขึ้น
(ค) การฟ้องคดีต่อศาลต้องเสียค่าใช้จ่ายมาก คู่พิพาทต้องว่าจ้างทนายความที่มีความเชี่ยวชาญ มาดำเนินคดีทนตน
(ง) ศาลมีวิธีพิจารณาอันเปิดเผย ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าฟังการพิจารณาคดีได้ทำให้บุคคลภายนอกสามารถรู้ข้อเท็จจริงที่พิพาทกันได้ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อคู่พิพาท เพราะทำให้เสียชื่อเสียง และความลับทางธุรกิจต้องเสียไป
(จ) วิธีพิจารณาของศาลไม่สามารถรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่กรณีไว้ได้ เนื่องจากศาลมีวิธีพิจารณาที่ค่อนข้างเคร่งเครียด และเป็นทางการ จึงไม่เป็นผลดีระหว่างคู่พิพาทที่อยู่วงการเดียวกัน และต้องดำเนินธุรกิจด้วยกันอีกในอนาคต
การดำเนินคดีในศาลภายในประเทศในคดีธรกิจระหว่างประเทศนั้นมีความไม่เหมาะสมดังกล่าว รวมทั้งปัญหาในเรื่องภาษา วิธีการตลอดจนระบบกฎหมายที่ใช้ ถึงแม้จะมีทนายความที่มีความสามารถก็ยังอาจเกิดความไม่สะดวกได้
ง.ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ
ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่เรียกกันทั่วไปว่า ศาลโลก มีฐานะเป็นองค์หนึ่งของสหประชาชาติ ทำหน้าที่ในการระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศที่เกิดขึ้น รวมทั้งมีหน้าที่ในการวินิจฉัยตีความและให้คำปรึกษาประเด็นปัญหาข้อกฎหมาย แก่บรรดารัฐ และองค์การระหว่างประเทศที่ให้ความยอมรับอำนาจการตัดสินของศาลโลก สำหรับคดีที่จะนำขึ้นสู่ศาลโลกนั้น ต้องเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐเท่านั้น โดยรัฐอาจให้ความยินยอมไว้ล่วงหน้าว่าศาลมีเขตอำนาจในการพิจารณาข้อพิพาทที่เกิดขึ้นได้ ในส่วนข้อพิพาททางการลงทุนระหว่างประเทศ หากเป็นข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐผู้ส่งออกการลงทุนและรัฐผู้รับการลงทุนก็สามารถนำคดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลโลกได้ ถ้าหากข้อพิพาททางการลงทุนระหว่างประเทศที่เกิดขึ้นระหว่างรัฐกับเอกชนก็ไม่สามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้เลย แต่หากเอกชนได้รับความเสียหายจากการกระทำของรัฐ ต่อเมื่อไม่ได้รับความยุติธรรมจากการดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมภายในรัฐที่รับการลงทุน เอกชนผู้ลงทุนอาจร้องขอให้รัฐเจ้าของสัญชาติให้ความคุ้มครองทางการทูต ซึ่งจะทำให้กลายเป็นข้อพิพาทระหว่างรัฐกับรัฐ กล่าวคือ ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศมีขึ้นเพื่อระงับข้อพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างบุคคลระหว่างประเทศเท่านั้น
จ.ศูนย์ระหว่างประเทศเพื่อการระงับข้อพิพาททางการลงทุน ( The International Centre for Settle of Investment Disputes ICSID ) เป็นอีกสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นอนุญาโตตุลาการเพื่อการระงับข้อพิพาทที่เกี่ยวกับการลงทุน ก่อตั้งขึ้นโดยสมาชิกของธนาคารระหว่างประเทศเพื่อบูรณะและพัฒนา หรือที่เรียกกันว่า ธนาคารโลก ( World Bank ) กรณีพิพาทที่จะนำเข้าสู่การพิจารณาของศูนย์ระงับข้อพิพาท ICSID นี้ต้องเป็นกรณีพิพาททางกฎหมายที่กฎหมายเกี่ยวกับการลงทุนระหว่างประเทศ โดยที่คู่พิพาทฝ่ายหนึ่งเป็นรัฐ หรือองค์การของรัฐ และคู่พิพาทอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเอกชนคนชาติของรัฐภาคีอีกรัฐหนึ่ง
เขตอำนาจการพิจารณาของศูนย์ระงับข้อพิพาท ICSID นี้จะขึ้นอยู่กับความยินยอมของคู่พิพาทซึ่งจะต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรและไม่อาจเพิกถอนฝ่ายเดียวได้
ในทางปฏิบัติผู้ลงทุนต่างประเทศมักเรียกร้องให้รัฐบรรจุข้อความที่จะให้มีการเสนอข้อพิพาทไปยังศูนย์ระงับข้อพิพาทไว้ในสัญญาการลงทุน หรือลงทุน ซึ่งรัฐผู้รับการลงทุนจำเป็นต้องแสดงความสุจริตใจของรัฐอันจะทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดี
( THE WORLD BANK CONVENTION OF SETTLEMENT OF INVESTMENT DISPUTES BETWEEN STATE AND NATIONAL OF OTHER STATES 1965 )
(ชูศักดิ์ กุลวัฒนาพร , การเจรจาจัดทำความตกลงงการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุน , กองส่งเสริมเศรษฐกิจสัมพันธ์และความร่วมมือ กรมเศรษฐกิจ กระทรวงการต่างประเทศ)
ไม่มีความเห็น