ล้างผักอย่างไรให้สะอาดน่ากิน


“…หนอนที่อยู่ในผลไม้ส่วนใหญ่มักเป็นหนอนผีเสื้อ หรือที่แทรกอยู่ในไม้ไผ่(รถด่วน) ในยอดมะพร้าว ในต้นสาคู(มีมากแถบสี่จังหวัดภาคใต้จนถึงอินโดนีเซีย ชอบขึ้นในที่ลุ่มน้ำจืด ตรงข้ามกับต้นจากที่ชอบน้ำกร่อย) ชาวพื้นที่ (ก็ชาวบ้านที่มีที่พำนักอาศัยบริเวณที่มีพืชชนิดอยุ่) มีลักษณะเป็นตัวด้วงมากกว่า นิยมสรรหามารับประทานกัน จะมีโปรทีนสูง คอเรสเตอรอลไม่น้อย รสชาติ หอมมัน ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน …”

ล้างผักอย่างไรให้สะอาดน่ากิน

....มีคำถามหนึ่งคำถามที่ถามกันเล่นๆ ว่า “เมื่อกัดกินชมพู่ 1 คำ แล้วเจอหนอนกี่ตัว น่ากลัวและสยึมกึ๋ยที่สุด ?” … ก. 4 ตัว  ข. 1 ตัว ค. 1 ส่วน 2 ตัว (ครึ่งตัว) ง. 1 ส่วน 4 ตัว (หางของหนอน) … ถ้าไปถามน้องเล็กๆ คงต้องตอบ ก. 4 ตัวแน่ๆ แต่ถ้าเป็นเราๆ ก็คงตอบ ค. หรือ ง. แหงๆ เพราะยิ่งเจอเหลือน้อยเท่าไรก็แปลว่าเราได้กลืนกินไปเรียบร้อยแล้วนั่นเอง แต่ไม่ต้องกลัวเพราะมีผู้รู้ได้ให้ข้อมูลมาว่า “…หนอนที่อยู่ในผลไม้ส่วนใหญ่มักเป็นหนอนผีเสื้อ หรือที่แทรกอยู่ในไม้ไผ่(รถด่วน) ในยอดมะพร้าว ในต้นสาคู(มีมากแถบสี่จังหวัดภาคใต้จนถึงอินโดนีเซีย ชอบขึ้นในที่ลุ่มน้ำจืด ตรงข้ามกับต้นจากที่ชอบน้ำกร่อย) ชาวพื้นที่ (ก็ชาวบ้านที่มีที่พำนักอาศัยบริเวณที่มีพืชชนิดอยุ่) มีลักษณะเป็นตัวด้วงมากกว่า นิยมสรรหามารับประทานกัน จะมีโปรทีนสูง คอเรสเตอรอลไม่น้อย รสชาติ หอมมัน ไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน  …” อ่านถึงตอนนี้ก็สบายใจได้นะครับรับประทานหนอนไปแล้วไม่เป็นอันตรายและสบายใจที่ผลไม้นั้นมีการใช้ยาฆ่าแมลงน้อยมากจนหนอนสามารถยังมีชีวิตอยู่ได้ แต่อย่างไรก็ตามการที่จะรับประทานผักและผลไม้ก็ควรที่จะไม่เฉพาะแต่ล้างแค่ผิวและเปลือกนอก แต่ควรล้างนอกล้างในให้เอี่ยมอ่องเลยนะครับ

ได้คนคว้ามาว่า “ล้างผักอย่างไรให้สะอาดน่ากิน” จากแหล่งความรู้ต่างๆ โดยมีข้อแนะนำดังนี้

  • วารสารกุลสตรี ฉบับที่ 972 ประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2554 คอลัมน์ Health เรื่อง ยังไงก็ต้องกินผักนะ
    • ปลอกเปลือกหรือลอกเปลือกชั้นนอกของผักสดหรือผลไม้ออก เพราะลดสารเคมีที่เกาะตามผิวได้ 92 เปอร์เซ็นต์ จากนั้นแกะเป็นกลีบ แกะใบออกจากต้น หรือตัดส่วนขอบรอบนอกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดหลายๆ ครั้ง
    • คลี่ใบ ถูเบาๆ หรือล้างด้วยการใช้น้ำก๊อกไหลผ่านผักสดนานอย่างน้อย 2 นาที หรือใช้สารละลายอื่นๆช่วยดังนี้
      1. ใช้น้ำเกลือ (เกลือ 2 ช้อนโต๊ะพูนต่อน้ำ 4 ลิตร)
      2. ใช้น้ำส้มสายชู (น้ำสมสายชู ครึ่งถ้วยต่อน้ำ 4 ลิตร)
      3. ใช้น้ำโซดา (โซเดียมไบคาร์บอเนต 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร)
      4. ใช้น้ำยาล้างผัก ตามวิธีผู้ผลิตแนะนำ

ล้างด้วยน้ำข้างต้น แล้วจึงนำผักสดมาล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง

  • ผักที่มีลักษณะเป็นหัว ผล หรือ ผลไม้ที่กินทั้งเปลือก ให้ล้างด้วยน้ำผสมด่างทับทิม (ประมาณ 10-20 เกร็ด) + น้ำส้มสายชู (1 ช้อนโต๊ะ) + หยดสารไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 20 หยด แช่นาน 5 นาที จากนั้นใช้มือถูเบาๆ ที่ผิวของผล แล้วล้างด้วยนำสะอาดอีก 1-2 ครั้ง
  • วิธีการล้างผักให้สะอาดเพื่อลดปริมาณสารพิษ จากเว็บ http://pirun.ku.ac.th/~b4913113/page4_2.htm

1. ลอกหรือปอกเปลือก แล้วแช่น้ำสะอาดนาน 5-10 นาที จากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 27-72

2. แช่น้ำปูนใส นาน 10นาทีจากนั้นล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 34-52

3. การใช้ความร้อน ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 48-50

4. แช่น้ำด่างทับทิม นาน 10 นาที (ด่างทับทิม 20-30 เกล็ด) ผสมน้ำ 4 ลิตร) ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 35-43

5. ล้างด้วยน้ำไหลจากก๊อก นาน 2 นาที ลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 25-39

6. แช่น้ำซาวข้าว นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38

7. แช่น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น ( น้ำส้มสายชูหรือเกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำ 4 ลิตร) และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 29-38

8. แช่น้ำยาล้างผัก นาน 10 นาที และล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งลดปริมาณสารพิษตกค้างได้ร้อยละ 22-36

…คนรักสุขภาพทั้งหลาย คงได้วิธีการล้างผักที่ถูกใจและสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จากหลายๆ วิธีที่นำเสนอมานะครับ หากมีวิธีอื่นๆ ที่ใช้ในการล้างผักและผลไม้ที่น่าสนใจก็ช่วยกันนำเสนอและแลกเปลี่ยนกันนะครับ โดยเฉพาะแยกออกเป็นตามสถานการณ์และประสบการณ์ที่เคยใช้ก็น่าสนใจนะครับ…

หมายเลขบันทึก: 447651เขียนเมื่อ 5 กรกฎาคม 2011 23:34 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 19:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท