อำเภออาจสามารถจัดงานวันสาธิตการปลูกข้าวโดยวิธีโยนกล้า
วันนี้(28 มิ.ย. 54)นายวัชเรนทร์ ศิริมงคล เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด เป็นประธานเปิดงานวันสาธิตวันโยนกล้าเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ที่บ้านกลอย หมู่ที่ 10 ตำบลหน่อม
นายฐานวัฒน์ ธนโชคชัยอนันท์ นายอำเภออาจสามารถ นำกลุ่มเกษตรกร กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประชาชนร่วมงาน โดยการสนับสนุนงบประมาณจากนายณรงค์ ขันแข็ง นายก อบต.หน่อม นายนิพนธ์ พละชัย เกษตรอำเภออาจสามารถ เพื่อสนองนโยบายการพัฒนาคุณภาพข้าวหอมมะลิจังหวัดร้อยเอ็ด ลดต้นทุนการผลิต เพิ่มผลผลิตข้าว เพื่อลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ในวันที่ 28 มิถุนายน 2554 จึงจัดงานวันสาธิตการปลูกข้าวโดยวิธีการ
“โยนกล้า มีการจัดนิทัศการการปลูกข้าวโดยวิธีโยนกล้า โดยนายวิชาญ เที่ยงธรรม ผอ.ศูนย์เมล็ดพันธุ์ข้าวร้อยเอ็ด โดยตำบลหน่อมดำเนินการมาแล้ว 3 ปี โดยวิธีการโยนกล้า ได้ผลดี ลดต้นทุนผลผลิตเพิ่มขึ้น ปีนี้มีเกษตรกรดำเนินการจาก 1 หมู่บ้าน เป็น 5 หมู่บ้านพื้นที่กว่า 5,000 ไร่
นายวัชเรนทร์ ศิริมงคล เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า จากข้อมูล กรมการข้าว ด้านงานวิชาการ โดย ศูนย์วิจัยข้าวปทุมธานีจึงได้เสนอทางเลือกใหม่แก่เกษตรกรปลูกข้าวอ้างอิงจากผลการศึกษาวิจัยการปลูกข้าวโดยวิธีการโยนกล้า (parachute) ของ นางนิตยา รื่นสุข นักวิชาการเกษตร 8ว และคณะ
ซึ่งพบว่าวิธีการดังกล่าวประหยัดเมล็ดพันธุ์ข้าวได้มาก เพราะใช้เพียง 3-4 กิโลกรัม/ไร่ เท่านั้น ขณะที่ชาวนาที่ปลูกข้าวโดยวิธีการหว่านน้ำตมจะใช้เมล็ดพันธุ์ 30-40 กิโลกรัม/ไร่ ทั้งที่ภาครัฐแนะนำอัตราเมล็ดพันธุ์ 15-20 กก./ไร่
ส่วนการปักดำจะใช้เมล็ดพันธุ์ 6-10 กิโลกรัม/ไร่ และเมื่อเปรียบเทียบผลผลิต พบว่า การหว่านน้ำตมได้ผลผลิต 775 กิโลกรัม/ไร่ การปักดำด้วยเครื่องปักดำได้ผลผลิต 875 กิโลกรัมต่อไร่ ขณะที่การปลูกโดยวิธีการโยนกล้าได้ผลผลิต 880 กิโลกรัม/ไร่ ที่ความชื้น 14%
เกษตรจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวว่า ข้อดีของการปลูกข้าวโดยวิธีการโยนกล้า ช่วยลดต้นทุนการผลิตของชาวนาในด้านของเมล็ดพันธุ์ ซึ่งปัจจุบันมีราคาแพงขึ้น กิโลกรัมละ 22-25 บาท และเป็นทางเลือกให้ชาวนานำไปปฏิบัติ เพื่อแก้ปัญหาการระบาดของข้าววัชพืช
ในกรณีที่ชาวนาต้องการปลูกโดยวิธีการปักดำด้วยเครื่องปักดำเพื่อควบคุมและลดการระบาดของข้าววัชพืช แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากเป็นนาหล่ม รถดำนาเข้าไม่ได้ ซึ่งทั้งการทำนาดำ
และการโยนกล้าจะใช้ระดับน้ำเป็นตัวควบคุมการงอกของข้าววัชพืชเหมือนกัน แต่ถ้ายังมีข้าววัชพืชงอกขึ้นมาได้ ชาวนาก็สามารถเห็นและแยกแยะได้อย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มปลูก
ต่างกับนาหว่านน้ำตมซึ่งจะเห็นข้าววัชพืชชัดเจนในช่วงข้าวแตกกอและออกรวง ขณะเดียวกันการปลูกข้าวแบบโยนกล้านี้แปลงนาข้าวจะมีความโปร่งโล่ง
ซึ่งจะลดการระบาดของโรคแมลงศัตรูข้าวอันนำไปสู่การลดการใช้สารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูข้าวได้
วัชรินทร์ เขจรวงศ์/รายงาน
โทร.085-7567108