23 มิ.ย. 2554 : เข้าร่วมงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ


หนูจำไว้นะลูก ไม่มีงานไหนต่ำ ถ้าทำด้วยใจสูง

วันนี้เป็นเวร ประจำอยู่ที่จุดหน้าศาลเจ้าจีน เป็นบริเวณที่นักเรียนส่วนใหญ่จะต้องข้ามถนนเพื่อไปโรงเรียน ครูเวรมีหน้าที่คอยดูแล กดสัญญาณไฟคนข้าม อำนวยความสะดวกให้แก่นักเรียน และผู้สัญจรบนท้องถนน

7.30-8.00 น. คุมนักเรียนชั้น ม.1/7 - ม.1/10 เข้าแถว เตรียมขึ้นรถเพื่อไปร่วมงานนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ "พระมหากษัตริย์นักปราชญ์และนักภาษาไทย" และ การเสวนา "เยาวชนยุคใหม่กับการใช้ภาษาไทย" ณ โรงละครกาดเธียเตอร์ อุทยานการค้ากาดสวนแก้ว

พวกเราไปถึงตั้งแต่ยังไม่ 9 โมง ถือว่าไปถึงเป็นโรงเรียนแรก ๆ เลยก็ว่าได้ (มีโรงเรียนที่เข้าร่วมงานทั้งสิ้น 10 โรง) ทำให้การเดินขบวนเข้าห้างไม่วุ่นวายนัก จะติดขัดก็แค่ หาทางขึ้นไปที่โรงละครไม่เจอ เพราะภายในห้างยังไม่เปิดให้บริการ พื้นที่ส่วนใหญ่จึงไม่ได้เปิดไฟ

พอไปถึงหน้าโรงละครกาดเธียเตอร์แล้ว รอสัก 5 นาที เจ้าหน้าที่ก็ประกาศเชิญให้เข้าไปนั่งในหอประชุม เพื่อรอฟังการเสวนาเรื่อง "เยาวชนยุคใหม่กับการใช้ภาษาไทย"

แต่กว่างานจะเริ่มจริง ๆ ก็เป็นเวลา 10 โมงกว่า ๆ แล้ว ระหว่างรองานเริ่ม เป็นไปไม่ได้เลยว่า เด็กนักเรียนชั้น ม. 1 จะอยู่เฉยกันได้

สิ่งที่น่าจดจำสำหรับฉันที่สุดคงเป็น การละเล่น "โยนแมลงสาบ" เพราะเจ้าแมลงสาบ เป็นสัตว์ที่ฉันกลัวมากที่สุด แต่ ณ จุดนี้ ฉันไม่สามารถแสดงความกลัวออกมาได้ ต้องข่มอาการไว้ และดุนักเรียน ไม่ให้เล่นแบบนี้อีก เพราะมันสกปรก มีแต่เชื้อโรค

หนักใจจริง ๆ ไม่รู้คราวหน้าจะเจอตัวอะไรอีก แต่ที่น่าหนักใจกว่านั้นคือ ไม่รู้ว่าเด็กพวกนี้ต้องการการเยียวยาจิตใจ หรือเพราะคึกคะนองตามวัยกันแน่


มีเรื่องเล่าให้อ่านอีกนิดหน่อยค่ะ ไม่รู้ว่าคนอื่นจะเคยเจอหรือเป็นแบบฉันรึเปล่า

การเดินทางไปชมนิทรรศการครั้งนี้ของพวกเราเป็นการเดินทางโดยรถโดยสารสองแถวค่ะ ครูจะนั่งด้านหน้าคู่กับคนขับรถ

หลังจากที่ฉันก้าวขึ้นไปนั่งบนรถเรียบร้อยแล้ว ฉันก็หันไปยกมือไหว้ สวัสดีคุณลุงคนขับ เป็นปกติ แต่ที่ฉันสังเกตเห็นคือ เด็ก ๆ บนรถคันข้างหน้าทำหน้าแปลกใจที่เห็นกริยาแบบนั้นของฉัน ฉันพอจะเดาออกค่ะว่า เด็ก ๆ กำลังคิดอะไรอยู่

ขากลับ ฉันก็ขึ้นรถคันเดิม

และรถคันเดิมกับคุณลุงคนขับคนเดิมก็พาฉันและเด็ก ๆ มาส่งจนถึงโรงอาหารโรงเรียนเลยค่ะ เพราะนี่เป็นเวลาเที่ยงกว่าแล้ว ทุกคนหิวข้าวกันมาก

ก่อนลงจากรถฉันยกมือไหว้ ขอบคุณคุณลุงคนขับอีกครั้ง แล้วก็เดินเข้าไปหาข้าวกลางวันทาน

เด็กกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มนึงเดินมานั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกับฉัน แล้วบทสนทนาก็เริ่มขึ้น

"ครูคะ ทำไมครูต้องไหว้คนขับรถด้วยคะ" "ครูบ้ารึเปล่าเนี่ย ครูเป็นครูนะครับ"

คำถามที่ฉันไม่เคยเตรียมคำตอบไว้เลย ฉันไม่รู้ว่าฉันควรจะพูดอย่างไรให้เด็กคิดได้และเข้าใจ เพราะสิ่งที่ฉันทำมันเป็นแค่เรื่องปกติ "เด็กควรจะต้องทำความเคารพผู้ที่อาวุโสกว่า" ไม่ถูกหรือไง

ฉันจึงตอบเด็กไปว่า "ประเทศของเราไม่ได้แบ่งคนที่ชนชั้นวรรณะ แต่นับถือกันที่ความอาวุโส แม้แต่นักการภารโรง ครูก็ยกมือไหว้ หากเค้าคนนั้นมีความอาวุโสกว่าครู" "ถ้าคุณพ่อของหนูมีอาชีพเป็นคนกวาดถนน ถ้าคุณแม่ของหนูมีอาชีพทำความสะอาดห้องน้ำ หนูอยากให้เพื่อนของหนูเคารพนับถือท่านด้วยหรือไม่ หรือให้มองพวกท่านเป็นแค่คนทำงานชั้นต่ำ" "หนูจำไว้นะลูก ไม่มีงานไหนต่ำ ถ้าทำด้วยใจสูง"

"คราวนี้ หนูเข้าใจหรือยังคะ ว่าทำไมครูถึงยกมือไหว้คุณลุงคนขับรถ"

__________________^ ^__________________

"ตัวอย่างที่ดี มีค่ามากกว่าคำสอน"

หมายเลขบันทึก: 446122เขียนเมื่อ 27 มิถุนายน 2011 10:41 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ปิดท้ายด้วยคำที่คุ้นเคยนะ ;)...

"ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน"

สอนได้ถูกต้องแล้วครับ

สิ่งที่เด็กคิดมันสะท้อนสภาพจิตใจของคนในสังคมของเรามากพอสมควร

เรานับถือกันที่ "วัตถุนิยม" "ยศถาบรรดาศักดิ์" กันมากขึ้น

ว่าที่คุณครู Logical สอนได้ดีแล้ว ชอบแล้วครับ ;)...

ขอบใจมากที่เป็น "ตัวอย่างที่ดี" ครับ

สวัสดีค่ะอาจารย์ Ongkuleemarn

สังคมทุกวันนี้ยังต้องการการเยียวยาอีกมาก

ขอบคุณตัวอย่างที่ดีที่ทำให้หนูได้เห็น ได้สัมผัสเช่นกันค่ะ

ขอบคุณค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท