กีฬาของการวางแผน
ทิ้งช่วงเรื่องของคริกเก็ตไปบ้างเพื่อให้ผู้อ่านไม่สำลักข้อมูล:) มาอ่านกันต่อจากตอนที่ 9 ครับเรื่องกีฬาแห่งการวางแผน ว่าคริกเก็ตจะทำให้สมองมีรอยหยักได้มากเพียงใด
นอกจากผู้ตีและผู้ขว้างแล้ว ยังมีเรื่องของผู้เล่นที่ยืนอยู่ตามจุดต่างๆ ในสนาม Fielder ซึ่งยิ่งดูเกมคริกเก็ตมากเท่าใด ก็ยิ่งรู้สึกตรงกับที่เคยมีคนบอกผมว่าคริกเก็ตมีลักษณะการเล่นเหมือนหมากรุกคือต้องวางแผนการเดินหมากทุกครั้ง ผมก็ยิ่งเห็นด้วย เพราะแม้แต่การวางคนตามจุดต่างๆ ในสนาม ก็ต้องวางแผนว่าจะให้ยืนตรงไหน จึงจะล้อมทิศทางของลูกที่ผู้ตีจะตีได้ เรียกว่าตีลูกออกมาทิศไหน ก็จะต้องมีคนยืนรับหรือวิ่งไปรับลูกได้หมด เพราะลูกสามารถลอยออกมาได้ 360 องศาจากจุดที่ตี ทำอย่างไรจึงจะใช้คน 9 คนยืนให้ครอบคลุมคอยดักลูกทั้ง 360 องศาได้ เป็นเรื่องที่ต้องใช้สมองและวางแผนล่วงหน้าที่ดี ในขณะเดียวกันในทางตรงกันข้าง ก็เป็นความสามารถของผู้ตีด้วยที่จะตีให้ลูกลอยออกไปในทิศที่ไม่มีผู้เล่นทีมตรงข้ามยืนดักอยู่
ผู้ที่ทำหน้าที่กำกับจุดยืนของทีมตรงนี้มักจะได้แก่ผู้ขว้างและผู้รักษาวิกเก็ต (ซึ่งมักจะเป็นกัปตันทีม)และการขว้างลูกก็มักจะสอดคล้องกับการวางคนยืนตามจุดต่างๆ เช่นหากจะขว้างลูกไม่แรง ก็มักจะวางคนอยู่วงรอบในไม่ไกลจากลานพิช pitch แต่หากจะขว้างลูกแรง ก็จะวางคนยืนอยู่รอบวงที่กว้างออกไปหรือติดเส้นขอบสนามเลย เป็นต้น ปรากฏว่าหลายครั้งหากวางคนถูก จะสามารถรับลูกจากผู้ตีได้ทันทีทำให้กำจัดผู้ตีไปได้อย่างได้ผล
พวก Fielder ที่ยืนตามจุดต่างๆ ในสนามนี้ ไม่ใช่ว่าไม่มีบทบาทหรือมีความสำคัญน้อยเพราะเราจะเห็นแต่ยืนและวิ่งรับลูกอย่างเดียว แต่พอดูคริกเก็ตรู้เรื่องก็พบว่า Fielder สำคัญมากเพราะต้องยืนให้ถูกที่ รับลูกให้ได้อย่างแม่นยำ ทั้งลูกแรงและลูกที่มีความเร็ว ยกเว้นลูกที่ลอยโด่งออกนอกสนามไปเลย Fielder จะทำอย่างไรก็ได้ให้ลูกที่ตกกระทบพื้นแล้วไม่ให้ออกนอกสนาม Fielder จึงต้องว่องไว วิ่งให้ทันลูกที่ตีออกมา บางครั้งก็เห็นการพุ่งตัวไถลไปกับพื้นเพื่อจะหยุดลูกที่วิ่งออกมาในทิศที่คาดคิดไม่ถึง แต่หลายครั้งที่เราเห็นว่าผู้รับลูกรับลูกพลาดอย่างน่าเสียดายทำให้ลูกกลิ้งออกนอกสนามกลายเป็นลูกที่ฝ่ายตีได้ 4 คะแนนโดยไม่ต้องรันส์หรือบางครั้งก็รับลูกโด่งจากผู้ตีพลาดทำให้แทนที่จะมีผลให้ผู้ตีถูกปรับออก ก็เปิดโอกาสให้ฝ่ายผู้ตีได้รันส์เพิ่มอย่างน้อย 2 รันส์ Fielder จึงต้องใช้สติจรดจ่อกับเกมส์เป็นอย่างมาก สายตาต้องไว วิ่งเร็วและที่สำคัญมือและข้อมือต้องแข็งแรง
คริกเก็ตจึงเสมือนการต่อสู้ของ 2 ฝ่าย ฝ่ายแรกขว้าง 1 คน และมีคนคอยดักทางลูกอีก 10 คน สู้กับฝ่ายตีที่มีสองคนที่จะมีหน้าที่ตีไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งรับได้
ระยะเวลาของการแข่งขัน
รูปแบบคริกเก็ตพัฒนาไปมาก จากเดิมที่เล่นกันหลายวัน 4-5 วัน ปรับมาเป็นการแข่งขัน 1 วัน และกำหนดการขว้างไม่เกิน 50 โอเวอร์ (หมายถึงทีมละ 50 โอเวอร์) หรือรูปแบบล่าสุดคือการแข่งขันอาชีพพรีเมียร์ลี๊คหรือ IPL 20/20 ก็จะกำหนดไว้ที่ 20 โอเวอร์ (ทีมละ 20 โอเวอร์) เป็นต้น เมื่อครบโอเวอร์ที่กำหนดของแต่ละทีมซึ่งถือว่าเป็น 1 อินนิ่ง inning ทีมคู่ตอ่สู้ก็จะผลัดกันขว้างโดยอีกทีมจะเป็นฝ่ายตีบ้าง เมื่อครบโอเวอร์ที่กำหนดหรือคะแนนไล่ทันกัน ทีมใดมีคะแนน runs มากกว่าก็เป็นฝ่ายชนะไป
การแข่งขันคริกเก็ตจึงใช้เวลาเล่นไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับใครทำคะแนนได้มากน้อยเพียงใด ในอินนิ่ง inning แรกนั้นจะเล่นจนครบ 20 โอเวอร์ ถ้าฝ่ายตีทำคะแนนได้ดี มีผู้ตีถูกปรับออกน้อยหรือไม่มีเลยก็ใช้เวลานาน แต่หากฝ่ายขว้างขว้างได้ดี กำจัดนักตีของทีมคู่ต่อสู้ได้ดี ก็อาจจะใช้เวลาไม่นานเพราะหมดคนตี ส่วนใน inning หลังนั้น ก็อาจเล่นไม่ครบ 20 โอเวอร์หากทีมที่เล่นทีหลังสามารถทำคะแนนไล่ทันทีมแรก การแข่งขันก็จบเร็ว เช่นครึ่งหลังเล่นเพียง 15 โอเวอร์ก็ทำคะแนนไล่ทันแล้ว เกมก็จบทันที ไม่ต้องเล่นให้ครบ 20 โอเวอร์ ระยะเวลาของ 20 โอเวอร์ส่วนใหญ่อยู่ที่ประมาณ 1 ชม. -1.30 ชม.รวมทั้งหมดก็ประมาณไม่เกิน 3 ชม ซึ่งถือว่าเร็วทันใจคนดู
เป็นอย่างไรบ้างครับ ก็เป็นการอธิบายโดยย่อๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมและพอจะเข้าใจคริกเก็ตในเบื้องต้น ทั้งนี้วิธีที่จะเข้าใจคริกเกตก็คือการอ่านกฏการเล่นให้เข้าใจและดูการแข่งขันไปด้วย ดูสักพักก็จะพอเข้าใจและสนุกกับการแข่งขัน ในปัจจุบันมีการถ่ายทอดกีฬาคริกเก็ตทางโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมของต่างประเทศหลายช่อง เช่นช่องกีฬา S-MAX ผู้สนใจจะเรียนรู้คริกเกตสามารถชมการถ่ายทอดดังกล่าวก็จะทำความเข้าใจในกีฬานี้ได้ไม่ยาก...โชคดีนะครับ
มารับความรู้เพิ่มเติมค่ะ.
ท่านพลเดชครับ
สัปดาห์ก่อน ผมเห็นเด็กกำลังเหวี่ยง Bat ในที่โล่งริมถนนเจริญกรุง ใกล้โรงแรมรามาดา พลาซ่า (โรงแรมแม่น้ำ)
นึกถึงบันทึกของท่านขึ้นมาทันทีครับ
น้าจ้าครับ
หากสนใจ แม้จะไม่ได้เล่นเอง แต่อาจสนับสนุนให้คนหัดเล่นได้นะครับ
สำหรับผม เริ่มสะสมข้อมูลเกี่ยวกับคริกเก้ต เช่นนิตยสาร หนังสือ วีดีโอ เอาไว้ให้มากที่สุด ในไม่ช้าคงหาซื้ออุปกรณ์มาเก็บไว้ด้วย
คงไม่ต่างจากการปลูกต้นไม้สักต้นหนึ่งครับ เริ่มจากการเรียนรู้ และไปสุ่การนำเมล็ดมาปลูกลงดิน ดูแล รดน้ำพรวนดิน วันหนึ่งต้นคงเติบใหญ่ได้.....
ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกันครับ