เทคนิคการป้องกันและแก้ไขอารมณ์ขุ่นมัว


เทคนิคการป้องกันและแก้ไขอารมณ์ขุ่นมัว
เทคนิคการป้องกันและแก้ไขอารมณ์ขุ่นมัว

โดยธรรมชาติแล้วน้ำมีความใสอยู่ในตัว จะขุ่นมัวก็ต่อเมื่อเจือปนด้วยสิ่งต่างๆ เช่น ฝุ่น โคลน สี การป้องกันการขุ่นมัวของน้ำทำได้โดยการป้องกันไม่ให้สิ่งเจือเข้ามาปน เช่น
-การใส่ปล่องเป็นขอบของบ่อน้ำเพื่อป้องกันดินเจอปนลงในบ่อน้ำ
-การใช้ท่อส่งน้ำประปาเพื่อป้องกันไม่ให้อะไรเจือปนระหว่างส่ง น้ำ-ไปยังผู้ใช้ตามบ้านเรือน
-การเก็บน้ำไว้ในขวดเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นตกลงไปในน้ำ
 


แต่ถ้าน้ำที่เราต้องการใช้นั้นมีสิ่งเจือปนอยู่ก่อนแล้ว ก็มีแนวทางในการแก้ไขให้น้ำขุ่นกลับมาเป็นน้ำใสได้เหมือนเดิมด้วยวิธีการต่างๆ เช่น
 

เจือจางน้ำขุ่นด้วยการเติมน้ำใสลงไป
ถ้าเราไม่ต้องการน้ำใสร้อยเปอร์เซ็นต์ แค่เพียงใสระดับหนึ่งก็พอแล้ว เราสามารถเติมน้ำใสลงไปเพื่อให้มีปริมาณมากกว่าน้ำที่ขุ่นอยู่ก็สามารถช่วยให้น้ำใสขึ้นมาในระดับหนึ่งได้
 

รอให้น้ำขุ่นตกตะกอน
สิ่งเจือปนในน้ำบางอย่างไม่สามารถละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำได้ จะทำได้แค่เพียงปะปนกับน้ำเท่านั้น ถ้าทิ้งไว้สักระยะหนึ่งสิ่งเจือปนก็จะตกตะกอนลงไปอยู่ข้างล่างได้ เมื่อถึงเวลานั้นก็ค่อยๆเทหรือตักเอาส่วนที่เป็นน้ำใสออกมาได้ แต่การใช้วิธีนี้อาจจะต้องเสียน้ำที่อยู่ติดกับตะกอนไปบ้าง
 

กรองสิ่งเจือปนออกจากน้ำ
สิ่งเจอปนบางอย่างที่ละลายเป็นเนื้อเดียวกับน้ำไปเรียบร้อยแล้ว ไม่สามารถทำให้ตกตะกอนได้ อาจจะต้องใช้วิธีการกรองสิ่งเจือปนออกจากน้ำ เช่น กรองด้วยตะแกรง กระดาษ ผ้า ถ่าน สารเคมี ฯลฯ เหมือนกับเครื่องกรองน้ำที่มีใช้อยู่ตามบ้านเรือนที่สามารถกรองสิ่งเจือปนชนิดต่างๆได้
 
 


จิตใจคนไม่ต่างอะไรจากน้ำตามธรรมชาติที่แรกๆก็ใสเพราะไม่มีอะไรมาเจือปน คนเกิดมาใหม่ๆก็มีจิตใจสะอาดปราศจากอารมณ์ขุ่นมัว เพราะไม่มีดีไม่มีชั่ว แต่เนื่องจากคนต้องอยู่ปะปนกับคนอื่นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ บางครั้งก็สามารถป้องกันไม่ให้อารมณ์ขุ่นมัวได้ แต่บางครั้งก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น จึงขอแนะนำเทคนิคการป้องกันและแก้ไขอารมณ์ขุ่นมัวให้กลับมาอารมณ์เป็นปกติดังต่อไปนี้


 

ป้องกันอารมณ์ขุ่นมัวโดยการหลีกเลี่ยงสิ่งยั่วยุทางอารมณ์
การป้องกันไม่ให้อารมณ์ขุ่นมัว จะต้องสร้างเกราะป้องกันจิตใจ เพื่อไม่ให้สิ่งยั่วยุทางอารมณ์เข้ามาทำร้ายจิตใจได้ เช่น การสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์โดยใช้หลักธรรมคำสั่งสอนทางศาสนา การหลีกเลี่ยงกับความเสี่ยงต่อสิ่งยั่วยุทางอารมณ์โดยการไม่ยั่วยุคนอื่นก่อน นอกจากนี้ จะต้องไม่สะสมตะกอนทางอารมณ์ เพราะบางครั้งการรับเอาสิ่งที่ไม่ดีเข้ามาในจิตใจ สิ่งนั้นอาจจะยังไม่ทำให้อารมณ์ขุ่นมัวทันที แต่ถ้ารับมาเรื่อยๆ สะสมตะกอนทางอารมณ์ไว้มากเกินไป วันหนึ่งเมื่ออารมณ์ถูกเขย่า ตะกอนที่สะสมไว้นั้น จะทำให้อารมณ์ขุ่นมัวได้
 
เราจะเห็นว่าคนที่เก็บกด มักจะไม่ค่อยแสดงอารมณ์ให้ใครเห็นบ่อยๆ เพราะเขามักจะเก็บไว้ทีละเล็กทีละน้อย แต่เมื่อวันหนึ่งสิ่งที่เก็บกดไว้มากจนเก็บและกดไว้ไม่ไหวแล้ว เขาก็จะปล่อยให้เชื้อเพลิงระเบิดออกมา กลายเป็นระเบิดทางอารมณ์ที่อันตรายทั้งต่อตัวเองและคนรอบข้าง
 
 

สกัดการกระจายและนำเอาสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ออกจากใจให้เร็วที่สุด
ถ้าเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับสิ่งยั่วยุทางอารมณ์ได้ สิ่งยั่วยุสามารถทะลุเข้าไปในพื้นที่ชั้นในของจิตใจเราซึ่งจะก่อให้เกิดอารมณ์ขุ่นมัวได้ ถ้าสิ่งยั่วยุนั้นเพิ่งเข้ามาให้รีบเอาออกจากจิตใจทันที เพราะถ้าทิ้งไว้นาน สิ่งยั่วยุทางอารมณ์บางอย่างสามารถขยายตัวไปสู่การสร้างความขุ่นมัวทางอารมณ์ได้ เหมือนกับการที่เม็ดสีตกลงในน้ำ ถ้าทิ้งไว้นานเม็ดสีจะละลายเพิ่มมากขึ้นๆ จนสามารถทำให้น้ำใสกลายเป็นน้ำขุ่นได้
 
จะเห็นว่าคนที่เป็นสามีภรรยากัน ถ้าทะเลาะกันและปล่อยให้เวลาผ่านไปยิ่งนานเท่าไหร่ โอกาสที่ใครคนใดคนหนึ่งจะเป็นฝ่ายง้อหรือเข้ามาขอโทษหรือทำดีก่อน จะเป็นเรื่องยากขึ้นเรื่อยๆตามระยะเวลาที่ผ่านไป แต่รีบขอโทษหรือทำดีกับอีกฝ่ายหนึ่งก่อน อารมณ์ที่ยังไม่แพร่กระจายไปทั่วทั้งจิตใจ อาจจะให้อภัยได้ง่ายกว่าอารมณ์ที่ถูกละลายไปทั่วทั้งจิตใจแล้ว
 
 

ทำอารมณ์ให้นิ่งก่อนแล้วค่อยหาสิ่งแปลกปลอมที่ตกลงในบ่อน้ำอารมณ์
บางครั้งจิตใจของคนเราถูกกระทบจากสภาพแวดล้อมหรือบุคคลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เหมือนทำเหรียญบาทหล่นหาย(ตกลงในน้ำที่มีโคลนตม) จงอย่าตกใจกระโดดตามเหรียญบาทที่ตกลงไปในน้ำ เพราะจะทำให้น้ำที่มีโคลนอยู่ขุ่นมากขึ้น และจะทำให้ไม่สามารถมองเห็นเหรียญที่เพิ่งตกลงไป ควรทำใจให้เย็น รอคอยน้ำส่วนที่ขุ่นเนื่องจากแรงกระแทกของเหรียญที่ตกลงไปจางหายไปก่อน เพราะเราสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของเหรียญได้ และสามารถหยิบขึ้นมาได้โดยไม่ยาก
 
จะเห็นว่าเวลาคนเราหงุดหงิด โศกเศร้า เสียใจ เรามักจะทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ออก เหมือนคนที่เพิ่งสูญเสียคนรักไป จะคิดและทำอะไรไม่เป็นเลยโดยเฉพาะในวันแรกที่คนรักจากเราไป จะต้องให้เวลาผ่านไปสักสองสามวัน(ในช่วงงานศพ) จึงค่อยๆทำใจได้ เพราะความขุ่นมัวทางอารมณ์เริ่มจางหายไปแล้ว และสติค่อยๆกลับคืนมาสู่สภาพจิตใจที่ปกติมากยิ่งขึ้น

 
 

เจือจางอารมณ์ขุ่นด้วยการเติมอารมณ์ดีให้มากขึ้น

ถ้าใครคิดว่าการนำเอาสิ่งยั่วยุอารมณ์ออกจากจิตใจหรือการปล่อยให้อารมณ์ตกตะกอนเป็นเรื่องที่ยาก อีกวิธีหนึ่งคือการเติมอารมณ์ดีเพิ่มลงไปในจิตใจ เพื่อละลายความขุ่นมัวให้เจือจางลง ยิ่งสัดส่วนของอารมณ์ดีมีมากกว่าอารมณ์ขุ่นมัว ยิ่งจะทำให้อารมณ์ที่ขุ่นมัวจางหายไปมากขึ้นเท่านั้น
 
คนที่อารมณ์ไม่ดี ถ้าพยายามดูตลก ดูหนัง ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือที่ทำให้จิตใจคิดเชิงบวก ก็จะช่วยให้ละลายอารมณ์ขุ่นมัวได้ หรือพยายามพูดคุยกับคนอื่นๆที่อารมณ์ดีหรือมีทัศนคติเชิงบวก ยิ่งได้คุยในเรื่องดีๆมากขึ้น ยิ่งจะช่วยให้อารมณ์ขุ่นมัวเล็กๆน้อยๆ จางหายไปได้ง่ายและเร็วขึ้นได้ ใครอยู่ในครอบครัวแล้วคนในครอบครัวมีปัญหากัน ขอให้ออกไปเจอะเจอกับผู้คนที่เขาเป็นคนปกติหรือไปพบเจอผู้คนที่เป็นคนอารมณ์ดีก็จะช่วยลดอารมณ์ที่ไม่ดีลงได้บ้าง ถึงแม้ว่าอารมณ์นั้นยังคงอยู่ แต่ถ้าจิตใจของเราถูกครอบครองด้วยอารมณ์ดีมากกว่า อารมณ์ไม่ดีก็จะถูกบดบัง และอาจจะถูกลืมไปได้ในที่สุด
 
 

หาเครื่องกรองสิ่งเจือปนออกจากอารมณ์
เนื่องจากคนเรามีหลายอารมณ์ แม้อารมณ์ไม่ดีก็ยังมีหลายรูปแบบ อารมณ์ไม่ดีบางอย่างต้องกรองสิ่งแปลกปลอมในอารมณ์ออกด้วยข้อมูลข้อเท็จจริง อารมณ์ไม่ดีบางอย่างต้องกรองออกด้วยสติ อารมณ์ไม่ดีบางอย่างต้องกรองออกด้วยสมาธิ อารมณ์ไม่ดีบางอย่างต้องกรองออกด้วยปัญญา
 
คนบางคนที่อารมณ์ไม่ดีเพราะเครียดหรือกังวลจากปัญหาชีวิตที่ยังมาไม่ถึง จำเป็นต้องกรองออกด้วยการหาข้อมูลข้อเท็จจริงมาอธิบายเพื่อให้คลายกังวล คนบางคนที่เครียดเพราะปัญหาหนี้สิน จำเป็นต้องกรองออกด้วยการวิเคราะห์สาเหตุของปัญหาและหาแนวทางป้องกันแก้ไข คนบางคนที่อารมณ์ขุ่นมัวเพราะคำพูดของคนอื่น อาจจะต้องใช้สติปัญญาในการกรองเพื่อคัดแยกสิ่งที่ไม่จริงออกไป ไม่ปล่อยให้หลุดเข้าไปถึงจิตใจส่วนลึกของชีวิตได้ ปัญหาชีวิตบางอย่างเกิดจากหลายสาเหตุเป็นปัญหาที่สลับซับซ้อน อาจจะต้องใช้เครื่องกรองหลายชั้นทั้งข้อมูลข้อเท็จจริง สติ สมาธิ และปัญญา เหมือนกับเครื่องกรองน้ำที่ต้องกรองด้วยไส้กรองหลายชั้นจึงจะทำให้น้ำไม่สะอาดกลายมาเป็นน้ำสะอาดที่สามารถดื่มได้
 
 


สรุป การบริหารอารมณ์เพื่อรักษาให้อารมณ์สดชื่นและสดใสอยู่เสมอ จำเป็นต้องทำทั้งการป้องกันและการแก้ไข เพราะบางอย่างป้องกันได้ บางอย่างป้องกันไม่ได้ เมื่อแก้ไขไม่ได้ก็ต้องเตรียมรับมือกับการแก้ไข ซึ่งก็มีหลายวิธีดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ขอให้เลือกใช้ให้เหมาะสมกับอารมณ์ ใครคิดว่าวิธีไหนเหมาะกับตนเองก็เลือกใช้วิธีนั้น
หรือถ้าเลือกใช้วิธีใดวิธีหนึ่งแล้วไม่ได้ผลก็ลองปรับเปลี่ยนวิธีอื่นๆหรือวิธีใหม่ๆที่ไม่ได้กล่าวไว้ในที่นี้ก็ได้
 
 
 

วันที่เขียน
4 ตุลาคม 50
สถานที่ บ้านในสวนยางที่ระยอง
 
มูลเหตุจูงใจในการเขียน มีความคิดเรื่องการทำน้ำขุ่นให้กลายเป็นน้ำใสแว๊บขึ้นมา จึงอยากจะนำมาเปรียบเทียบกับการทำอารมณ์ที่ขุ่นมัวให้กลับมาเป็นปกติ

 


ขอบคุณที่มาจาก



คำสำคัญ (Tags): #บริหาร 5
หมายเลขบันทึก: 445234เขียนเมื่อ 21 มิถุนายน 2011 19:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

กำลังกรองน้ำขุ่นในใจพอดีค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท