พบ-พราก-จาก-เจอ (1)... เราจะคิดถึงอาจารย์


"...เสียงฮือและเสียงโห่พร้อมสีหน้าหวั่นวิตกของนักศึกษาที่ได้รู้ว่าผมพูดภาษาจีนไม่ได้ในคาบแรก ...รอยยิ้มและท่าทางเคอะเขินของนักศึกษาในชั่วโมง"รำวงมาตรฐานและประเพณีลอยกระทง" ...เสียงหัวเราะและคำร้ายๆ(ที่ผมไม่อาจเข้าใจเพราะเป็นภาษาจีน)ที่นักศึกษาใช้แซวหรือว่าเพื่อนๆในการแข่งขันตอบปัญหาและเล่นเกม ...ทำนองเพลงเพี้ยนๆและเสียงร้องผิดคีย์ตอนฝึกร้องเพลงไทย ...ทั้งหมดนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันอีกในเทอมต่อไป "

          เมื่อเดือนกันยายน 2553 ที่ผ่านมา ผมได้รับโอกาสสำคัญอีกครั้งหนึ่งในชีวิต นั่นคือ การเดินทางมาเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับนักศึกษาชาวจีน ณ นครคุนหมิง มณฑลยูน นาน สาธารณรัฐประชาชนจีน แม้ครั้งนี้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมมาเยือนเมืองนี้ ความตื่นเต้นและความประหม่ากลับมิได้ลดน้อยลงไป ส่วนหนึ่งอาจเพราะบทบาทและหน้าที่ที่ได้รับตามคำสั่ง...แต่ทั้งหมดนั้นก็ไม่เท่ากับการที่ผมจะต้องมาอยู่ในคุนหมิง ตามลำพังโดยที่พูดภาษาจีนไม่ได้แม้เพียงคำเดียว

          แต่เพราะ"ชีวิต คือ ชีวิต" (อารมณ์ประมาณเพลง life&learn ที่คุณป้ากมลาร้องอย่างไรก็อย่างนั้น) ผมมาไกลขนาดนี้แล้วจะให้เสียชื่อไม่ได้ "เราก็ศิษย์มีครู" จะมาประหม่าเพราะเครื่องมือทาง"ภาษา"ไม่พร้อม เห็นจะไม่ควร กว่าสองปีที่ได้สั่งสมประสบการณ์สอนเด็กต่างชาติ(ชาวจีน-ชาวเวียดนาม)ที่ลำปาง แล้วไหนจะ KM ที่เป็นผู้ร่วมถอดบทเรียนวิธีการสอนภาษาไทยให้กับชาวต่างชาติอีก คงพอจะทำให้หน้าที่ครั้งนี้ล่วงสำเร็จได้อยู่บ้างดอก...ว่าแล้วก็เตรียมการสอนเพื่อพร้อมรับมือกับนักศึกษาในวันแรกครับ (...ยินเสียงปี่พาทย์ทำเพลงเชิด-แล้วม่านนั้นก็ถูกเลื่อนลงมาปิด)  

          ใครคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า"เวลาผ่านไป ไวเหมือนโกหก"ผมไม่รู้ว่าการโกหกเทียบได้กับความเร็วหรือไม่ แต่ต้องยอมรับครับว่า เวลานั้นผ่านไปอย่างรวดเร็วจริงๆ เพราะไม่น่าเชื่อว่า เหลืออีกเพียงแค่ 2 สัปดาห์ผมก็จะได้กลับบ้านแล้ว ...กว่า 2 ภาคการศึกษาที่ผมมาทำงานในฐานะครูสอนภาษาไทย(เพียงคนเดียว)ของมหาวิทยาลัยยูนนานนอร์มอล ทำให้ตอนนี้ผมมีลูกศิษย์ชาวจีนกว่า 230 คน แต่ที่ทำให้ผมต้องตระหนักในเวลาที่กำลังจะผ่านไปนั้นก็คือ "เรื่องราวต่างๆมากมายที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ณ นครคุนหมิง" ที่นับจากนี้จะไม่มีให้ผมได้รู้ ได้เห็น ได้ทดลอง และได้ร่วมเรียนรู้...อีกแล้ว

          ...เสียงฮือและเสียงโห่พร้อมสีหน้าหวั่นวิตกของนักศึกษาที่ได้รู้ว่าผมพูดภาษาจีนไม่ได้ในคาบแรก ...รอยยิ้มและท่าทางเคอะเขินของนักศึกษาในชั่วโมง"รำวงมาตรฐานและประเพณีลอยกระทง" ...เสียงหัวเราะและคำร้ายๆ(ที่ผมไม่อาจเข้าใจเพราะเป็นภาษาจีน)ที่นักศึกษาใช้แซวหรือว่าเพื่อนๆในการแข่งขันตอบปัญหาและเล่นเกม ...ทำนองเพลงเพี้ยนๆและเสียงร้องผิดคีย์ตอนฝึกร้องเพลงไทย ...ทั้งหมดนี้ผมจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสมันอีกในเทอมต่อไป 

          แม้จะต้องเป็นอย่างนั้น ผมก็ไม่นึกเสียดายความคุ้นชินนี้ ด้วยเพราะเวลาที่ผ่านมาก็ให้ประสบการณ์ที่ทำผมรู้สึก"อิ่มเอม"ในหัวใจมากเพียงพอแล้ว ลูกศิษย์ของผมอาจยังใช้ภาษาไทยได้ไม่เก่งนักเมื่อเทียบกับคนอื่นๆ และผมไม่รู้หรอกครับว่า ครูไทยที่เขาพูดภาษาจีนหรือภาษาอังกฤษได้ดีนั้น เขาสอนภาษาไทยให้กับนศ.ชาวจีนกันอย่างไร แต่ ณ วันนี้ ทุกครั้งที่ลูกศิษย์เจอผม เขาจะยกมือไหว้และกล่าวคำสวัสดี(ครับ/ค่ะ อาจารย์)พร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้า บางคนที่ภาษาไทยดีหน่อยก็จะถามสารทุกข์สุขดิบผมอีกด้วย ว่างเมื่อไหร่ก็จะชวนกันมาทำอาหารจีนเลี้ยงผมที่ห้องพัก ครั้งใดที่ผมไม่สบายเขาก็จะเป็นห่วงเป็นใย ระดมเพื่อนๆมาหอบผมไปโรงพยาบาล(อันนี้แค่เกือบนะครับ โชคดีว่าหายป่วยเสียก่อน ไม่อย่างนั้นต้องโดนหามไปแน่ๆ เพราะเขาบุกมาที่ห้องถึง 8 คน) ช่วงไหนเป็นวันหยุดยาวก็จะชักชวนผมไปเที่ยวที่บ้าน หรือไปพักต่างอากาศต่างเมืองกัน ...

          ผมไม่รู้ว่าพวกเขาเป็นแบบนี้กันตั้งแต่เมื่อไหร่ และที่แน่ๆมันแทบไม่ได้อยู่ในตำราที่ผมใช้สอนพวกเขาเลย สันนิษฐานเอาเองว่า คงมาจากเรื่องราวใน"สังคมแบบไทยๆ"ที่ผมเพียรเอามาเล่าให้เขาได้รู้...เรื่องแล้วเรื่องเล่า...เพื่อเตรียมให้เขาพร้อมที่สุดก่อนที่จะมาเรียนในบ้านเรา ...ความเป็นไทยคงค่อยๆไหลผ่าน..."จากครูแล้วซึมซับสู่ลูกศิษย์"...วันนี้หลายคนจึงเป็นศิษย์"งอก"ดังที่ผมนึกฝันไว้ และแม้ว่าอีกหลายคนยังคง"งงงัน"กับทิศทางของชีวิต แต่กระนั้นผมก็ยังเชื่อในความงอกงามของมนุษย์ ...ทุกชีวิตย่อมต้อง"งอก"ไปตามทิศทางที่เขาได้เลือกได้ตัดสินใจ ...ตอนนี้เมื่อเวลาของ"ครู"อย่างผมได้หมดลงตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย แต่ผมก็ยังหวังและยังคงรอคอยให้ถึงเวลาที่ต้นกล้าน้อยๆเหล่านี้ได้หยั่งรากลงดินอย่างแข็งแรง เพื่อจะยืนต้นระบัดใบเป็นไม้ใหญ่ให้ความชุ่มชื่นต่อแผ่นดินในเวลาข้างหน้า

          "พวกเราจะคิดถึงอาจารย์มากๆ..." เป็นคำพูดของนักศึกษาคนหนึ่งที่พูดกับผมหลังจากที่ได้แจ้งให้ทั้งห้องรู้ว่า นี่เป็นภาคเรียนสุดท้ายและวันสุดท้ายที่ผมจะได้สอนพวกเขา ...รูปประโยคอาจดูแปลกๆ แต่กลับทำให้ผมรู้สึก "ปลื้มใจ" เวลากว่า 8 แปดเดือนที่ได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ในฐานะ"ครู"วันนี้เป็นวันที่ผมมีความสุขที่สุดครับ

 

พบเพื่อพราก...จากเพื่อเจอ

Kunming 11-06-19

         

หมายเลขบันทึก: 444901เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 17:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (27)

น่าสนุกนะครับ สอนหนังสือที่ต่างประเทศ ผมก็มีเพื่อนชาวเวียดนามเหมือนกันตั้ง46คนแน่ะ (ในรุ่นมี 48คน เวียดนาม 46 ไทย 2 คน) แต่ตอนนี้เพื่อนผมกลับประเทศไปหมดแล้วครับ เพราะเขามาเรียนปริญญาโทกับผมแค่ 1 ปี

สวัสดีค่ะ

ขอชื่นชมความเป็นครูสูงมากค่ะ แม้พูดภาษาจีนไม่ได้ แต่ก็สอนให้นศ. จีนเข้าใจ พูดได้

ถอดบทเรียนเก่งจัง...อยากเขียนเก่งอย่างนี้บ้างจัง จะได้เขียนเล่าเรื่องเกี่ยวกัยเด็กๆที่ดูแล

หวังว่าอาจารย์คงไม่เจอเหมือนคุณโน๊ตนะคะ

ผมคิดถึงอาจารย์มากๆ ครับ

ขอให้อาจารย์มีความสุข

สวัสดีครับ

การพบเป็นสัญญาณของการจาก

การพลัดพรากเป็นสัญญาณการคืนหา

ไม่มีงานเลี้ยงใดไม่เลิกลา

ไปแล้วมามาแล้วไปก็คล้ายกัน

นะครับ

โห..คุณภู่กัน มีเพื่อนชาวเวียดนามตั้ง 46 คน แบบนี้เวลาเรียนต้องได้แนวคิดใหม่ๆจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับชาวเวียดนามแน่ๆเลยครับ

 

ขอบคุณพี่แดงมากครับผม ที่คอยแวะมาให้กำลังใจอยู่เสมอมา ผมเองอาจจะโชคดีกว่าคุณโน้ทเขาหน่อยครับ ตรงที่ไม่ค่อยได้ไปเข้าห้องส้วมในที่สาธารณะ (อันนั้นเจอมาแค่ครั้งเดียวครับผม...ไม่ได้เจองูใหญ่อะไรหรอกครับ เพียงแค่ต้องกลั้นหายใจเท่านั้นเอง ฮ่าๆ) ส่วนที่มหาวิทยาลัยซึ่งมี 2 แห่งคือ ม.ซือต้าเดิมที่อยู่ในเมือง ต้องขอชมเขาครับว่าบริหารจัดการได้ดี หรืออาจเป็นเพราะผมเข้าแต่ตึกนานาชาติก็ไม่รู้นะครับ (ตึกอื่นยังมิบังอาจ..) ในส่วนม.ซือต้าที่สร้างใหม่(เฉิงก้ง) นั้นยิ่งหายห่วงครับ ทุกตึกมีแม่บ้านทำความสะอาดกันทุกๆชั่วโมง ... มานึกๆดูแล้ว ผมว่าหากมาจีนแล้วไม่ได้เห็นบ้าง...เท่ากับว่าไม่ถึงนะครับ (ฮ่าๆ)

สวัสดีครับ คุณหมออดิเรก

ผมเองก็เพิ่งจะมีเวลาว่างมาเข้ามาเขียนบันทึกก็ในวันอาทิตย์ช่วงบ่ายๆนี้เองครับ ทั้งที่จริงแล้วอยากเขียนบันทึกนี้ให้เสร็จตั้งแต่วันศุกร์...แต่ข้อสอบที่นอนกองรออยู่ เลยต้องเร่งจัดการให้เสร็จก่อนน่ะครับ

ขอบพระคุณครูกายครับผม สำหรับคำชมและดอกไม้ ผมเองก็เป็นเพียงคนหนึ่งที่ตั้งใจทำงานเหมือนกับครูหลายๆคนใน g2k แห่งนี้นั่นแหละครับผม

เห็นท่านอ.โสภณ คราวไรก็ให้นึกละอายแก่ใจตัวเอง ด้วยเพราะสอนภาษาไทยแต่กลับแต่งกลอนได้ไม่คล่องแคล่วอย่างท่านอาจารย์ที่พอจะหยิบจับอะไรขึ้นมาก็ออกมาเป็นกลอนได้ง่ายและงามเหลือเกิน...ขอบคุณท่านอาจารย์มากครับผมที่เข้ามาแล้วยังฝากกลอนไว้ให้ได้อ่านด้วย

มีหลานสาว ไปเรียนที่จีนอยู่ ณ วันนี้(เพิ่งไป มีนา 54)

คุยทาง facebook  ว่าหนาวๆๆๆๆ ทุกวัน

 

ส่งชวนชม มาให้ชมอีก  มีหลายสี หลายแบบมากค่ะ

ขอบคุณท่านอ.นงเยาว์ ครับที่เอาชวนชมมาฝาก เห็นลักษณะดอกแบบนี้แล้วก็อึ้งจริงๆครับ ไม่คิดว่าชวนชมจะพัฒนาไปได้ขนาดนี้ อย่างรูปแรกหากเป็นสีขาว จะต้องเหมือนดอกพุดแน่ๆเลยครับ กลับไปจะลองศึกษาเพิ่มครับผม

ปล. เมืองคุนหมิงที่ผมอยู่นี้ ได้ชื่อว่าเมืองพักตากอากาศ(นครแห่งฤดูใบไม้ผลิ) อุณหภูมิเฉลี่ย 18 องศา (ทั้งปี) ทำให้อยู่สบายไม่หนาวมากเท่าไหร่ครับ (ที่ผ่านมาหนาวสุดที่ผมเคยเจอคือ 0 องศา แต่มีแค่วันเดียวนะครับ ตอนนั้นหิมะตกด้วย..ได้เจอหิมะสักที ฮ่าๆ)

พบ พราก จาก เจอ ... เมื่อก่อนก็ทำใจไม่ค่อยได้นะคะ อาจารย์

เห็นคุนหมิงแล้ว นึกถึง เหล่าซือ สมัยไปเรียนภาษาที่ไต้หวัน ค่ะ

ชื่นชม และส่งกำลังใจคุณครูเพื่อศิษย์ ด้วยจิตคารวะ สุขสันต์นะคะ

  • อาจาย์หนานวัฒน์ครับ
  • ยินดีต้อนรับกลับสู่เมืองไทย
  • เย้ๆๆๆ
  • ดีใจที่อาจารย์ได้ไปสอนภาษาไทย
  • อยากไปบ้าง
  • 555
  • เอา ลูกศิษย์ สว มาเยี่ยม

ขอบคุณคุณ Poo มากครับผม ที่เข้ามาให้กำลังใจ ไว้มีโอกาศค่อยมากคุยกันเรื่องหนังสือต่อนะครับผม

ผมก็นึกว่าลูกศิษย์ สส ของผมจะวิ้งสุดแล้ว มาเจอลูกศิษย์ สว ของท่านอาจารย์ขจิตแล้ว ต้องยกธงยอมแพ้ครับผม (ฮ่าๆ)

ปล. มีทุนลุ่มน้ำโขงสำหรับให้อาจารย์มาสอนภาษาอังกฤษที่จีนได้ครับผม

  • มีรายละเอียดทุนนี้ไหมครับ
  • ทุนลุ่มน้ำโขงสำหรับให้อาจารย์มาสอนภาษาอังกฤษที่จีนได้ครับผม
  • รุ่นนี้น่ารักสุดๆ
  • สวัสดีค่ะ
  • เก่งจังค่ะอาจารย์
  • พูดจีนไม่ได้แต่สอนเด็กจีนได้
  • ความเป็นครูนี้เอง ที่สามารถถ่ายทอดการเรียนรู้ได้ด้วยความจริงใจจากครูนะคะ

สวัสดีครับคุณครูลำดวน

อาจเพราะผมเองอยู่ใกล้ชิดครูมาตลอดชีวิต "ความรัก ความจริงใจ ความมุ่งมั่น และความหวังดี" ที่ผมสัมผัสได้จากครูในดวงใจท่านแล้วท่านเล่าที่คอยเคี่ยว(บางทีก็มีเฆี่ยนบ้าง...ฮ่าๆ)ฝึกผมมา ทำให้ผมใช้เป็นเคล็ดลับในการสอนเด็กๆในวันนี้ครับผม

ขอบคุณพี่อรพรรณมากครับผม ที่แวะเข้ามาให้ดอกไม้...เข้าไปอ่าน"ลูกไม้ไกลต้น"แล้ว ทำให้นึกถึงตัวเองเหมือนกันนะครับ

สวัสดีค่ะ

วันนี้ตั้งใจมาเยี่ยมค่ะ หลังจากห่างหายไป  เพราะไม่ทราบจะเขียนอะไรค่ะ และจะมาติดตามอีกนะคะ

ยินดีครับที่ครูคิมแวะเข้ามา ผมเองก็ตั้งตารออ่านบันทึกของครูคิมอยู่เช่นกันครับผม

สวัสดีค่ะ

อาจารย์ตื่นเช้าจังนะคะ  พี่คิมตื่นมาสางงานให้โรงเรียนแต่เช้าเหมือนกันค่ะ แต่ไม่นอนดึก  อากาศที่คุนหมิงคงสบายนะคะ  ทานไข่พะโล้ เป็ด และมันเทศปิ้งเผื่อด้วยนะคะ

ต้องบอกว่า ผมตื่นช้ากว่าครูคิมครับ...แต่ที่เรามาเจอกันพอดี เพราะเวลาที่เดินต่างกันไป 1 ชม. ครับผม

ขอบคุณ..ครูหนานวัฒน์ที่ให้คำแนะนำดีดีเป็นวิทยาทาน..พีจะพยายามต่อไป

อ้อ..มีโอกาสเมื่อไหร่จะฝากลูกชายเป็นลูกศิษย์อีกคนนะ..คณะมนุษย์นะค่ะ

ขอให้มีความสุขกับสิ่งที่ทำต่อไปนะคะ......จากใจของคนไทยด้วยกัน...

ยินดีครับพี่อรพรรณ ถือว่าช่วยกันเรียนช่วยกันรู้ดีกว่าครับผม

อย่างผมเนี่ย พยายามจะไปให้ไกลต้นที่สุด แต่พอเวลานั้นมาถึงจริงๆ

รู้ตัวอีกที...ก็หล่นอยู่แถวๆใต้ต้นนั่นแหละครับ...ฮ่าๆ

  • แล้วลูกศิษย์จะรู้ไหมเนี่ย    ว่าครูหนานวัฒน์ก็   "คิดถึงลูกศิษย์มากๆ"  เช่นกัน บันทึกนี้ยืนยันได้...

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท