KM หนุนเสริมบริการปฐมภูมิ ตอน 3 จับพลังใส่แก้วเปล่า!!!


ทำอย่างเราทีมจึงสื่อสาร "ความมุ่งมั่นจากใจจริง" ให้ท่านรองเลขารับทราบ โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดความคิดจากทีมเรา ซึ่งเรามิได้มีความตั้งใจเช่นนั้น เป็นความสัตย์

อาจารย์ ดร.ประพนธ์  ผาสุขยืด ท่านผู้อำนวยการ สคส. ย้ำเสมอว่า KM ต้องมีเป้า ต้องมีโจทย์ และต้องเนียนกับงาน  สามประเด็นนี้ที่ทำให้ "KM แนวที่ สคส.หนุน" นั้นไม่รุ่มร่าม แต่มีชีวิตผูกโยงผู้คน และนำไปใช้ได้ทันที

 

ทีม สปสช. ซึ่งทำหน้าที่ "หนุน" บริการปฐมภูมินั้น แต่ละคนคร่ำหวอดกับ Primary care หรือ การดูแลสุขภาพเพื่อประชาชน โดยประชาชน ของประชาชน อายุงานก่อนมาทำงานกับ สปสช. เฉลี่ยทำงานด้านชุมชนมากว่า 25 ปี ตั้งแต่ยุคฉายหนัง สร้างส้วม ปั้นโอ่ง

 

แต่ "คนหลักๆ" เหล่านี้จะเกษียณอายุจากสปสช. ไปพร้อมกัน หรือเกือบพร้อมกัน ที่แน่คือ อีกสิบปีต่อจากนี้ ทุกคนจะไปหมด เพราะเกษียณอายุ

 

โจทย์หลัก ของ KM ครั้งนี้ คือ แต่ละคน ทำอะไร กับใคร อย่างไร จึงเกิดการเปลี่ยนแปลงวิธีคิด-วิธีทำงาน ซึ่งส่งผลให้สุขภาพประชาชนทั้งในชนบทและในเมือง ดีขึ้น...โจทย์ประมาณนี้ครับ

 

เป้าหมาย ที่ระบุไว้ในโครงการคือ เพื่อรวบรวม "ความรู้ฝังลึก" tacit K อย่างเป็นระบบ เพื่อสั่งสมเป็นความรู้องค์กร และจัดทำข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย ตามจังหวะและโอกาสอันควร...

 

ผมคลุกวงสนทนา dialogue,The World Cafe' แลกในโต๊ะอาหาร ฯลฯ ตลอดทั้งวัน สัมผัสได้ถึง "พลัง" อันมหาศาลและต่อเนื่องไม่สิ้นสุดนี้

 

โบราณว่า ฝนจะตก ข้าวจะเดือด คนจะคลอด ห้ามกันไม่ได้ ครั้งนี้ คนเขาจะอาสาจริงจังหนุนปฐมภูมิอย่างถูกจังหวะ  อย่างถูกคน ถูกเรื่อง ก็ห้ามไม่ได้เช่นกัน

 

ผมหารือผู้เข้าร่วมทุกท่าน ขยับเป้ารอง มาเป็นเป้าหลัก คือ ดันข้อเสนอทางนโยบาย สปสช. เลย เป็นข้อเสนอแบบ commitment คือ คนกลุ่มนี้จะสกัดโอกาส และจุดแข็งออกมาเป็นประเด็นยุทธศาสตร์ และนำ จุดแข็ง-จุดอ่อนมาออกแบบแผนปฏิบัติการ โดยวิเคราะห์ภาคีหุ้นส่วนและการจัดวางความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนนั้นๆ

 

แต่ในวันแรก ผู้บริหารระดับท่านรองเลขา สปสช. ท่านติดประชุมสำคัญ ทำอย่างเราทีมจึงสื่อสาร "ความมุ่งมั่นจากใจจริง" ให้ท่านรองเลขารับทราบ โดยไม่รู้สึกว่าถูกยัดเยียดความคิดจากทีมเรา ซึ่งเรามิได้มีความตั้งใจเช่นนั้น เป็นความสัตย์

 

ทีมจึงแบ่งประเด็นนำเสนอ อย่างจริงใจ จริงจัง เผยทั้ง commitment และตัวอย่างจริงที่เกิดในพื้นที่ แต่ผมต้องสรุปเหตุการรืที่เกิดขึ้นวันแรกให้ท่านรองเลขารับทราบ ผมคิดไม่ตกว่าจะถ่ายทอด "พลัง" ด้านดีของพวกเรา ซึ่งสั่งสมมาหลายสิบปี และคลิ๊กแล้วในวันนี้อย่างไร

จนวันถัดมา ท่านรองเลขา ผู้ทรงคุณวุฒิ อาจารย์ทุกท่านมาถึงห้องประชุม ถึงคิวผมต้องสรุปภาพรวมวันแรกแล้ว ในห้านาทีข้างหน้า ผมเห็นแก้วน้ำเปล่าเบื้องหน้า จึงนำแก้วเปล่าที่ไม่ว่างเปล่าใบนั้น มาอธิบายปรากฏการณ์แห่งพลังให้ท่านรองเลขา กรุณาชักชวนเราเปิด "ตาที่สาม" ให้สัมผัสถึงพลังแห่งความมุ่งมั่นของผู้คนที่พร้อม ททท. ทำทันที

และแล้วการประชุมหารือ นำ mode sensing มาเติมความหมายสิ่งที่เห็น ได้ยิน แล้วคิด

 

ดีกว่า ตรงกว่า ครบกว่า การอ่านเอกสารวิชาการ เอกสารนโยบายเป็นร้อยหน้า เพราะรู้ว่ามีผู้พร้อมลงมือ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #sensing#พลัง#เห็น
หมายเลขบันทึก: 443802เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2011 10:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:46 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท