ภาพถ่ายในอินเดีย...ที่งามที่สุด
เดือนหน้าก็จะครบ 4 ปี ที่ผมและครอบครัวมาใช้ชีวิตอยู่ในนิวเดลี อินเดีย ประเทศที่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งความเหลือเชื่อ เป็นดินแดนพุทธภูมิ เป็นดินแดนแห่งขุมปัญญาของโลก เป็นดินแดนแห่งไอที เป็นดินแดนแห่งคริกเก็ต เป็นดินแดนแห่งความทรงจำด้วยเรื่องราวต่างๆ มากมาย อินเดียเป็นประเทศที่น่าถ่ายภาพมากที่สุดเพราะมีองค์ประกอบของการถ่ายภาพที่ดีก็คือ สวยด้วยแสง แรงด้วยสี ดีด้วยเรื่อง ซึ่งอินเดียมีครบทั้ง 3 ประการ ผมถ่ายภาพไว้มากมายด้วยความประทับใจในทัศนียภาพแห่งวิถีชีวิตภารตะที่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่มีเสน่ห์และมหัศจรรย์ มีสีสันที่บาดตาบาดใจและความหลากหลาย แต่มีภาพเดียวที่ผมประทับใจมากที่สุด เป็นภาพที่สะท้อนชีวิตได้ดีที่สุด มีข้อมูลข้อคิดชีวิตมากมายจากภาพเดียว คือภาพนี้
ผมมองเห็นอะไรในภาพนี้ ภาพนี้ผมถ่ายที่ตลาดเสื้อผ้าที่มีชื่อแห่งหนึ่งในเดลี ตลาดสโรชินี วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมไปเหยียบย่างบนพื้นบาทวิถีแห่งนี้ อากาศร้อนระอุคลุกเคล้ากับฝุ่นและสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบบริเวณนั้น...ตามปรกติ ผู้คนเดินขวักไขว่ไปมาทั้งบนบาทวิถีและบนถนน จนแทบจะเป็นพื้นที่เดียวกัน มองไปข้างถนน ผมเห็นป้ายรถประจำทางแห่งหนึ่ง ผู้คนยืนรอรถ หญิง 2 คนนั่งกับพื้น ดูผ่านๆ ก็รู้ว่าเธอมีอาชีพอะไรคือผู้ขอ(ทาน) ดูผิวพรรณและการแต่งกายของเธอและสีสันของเสื้อผ้าประดับกาย ผมก็เข้าใจในวิถีชีวิตที่น่าตื่นตาตื่นใจนี้ ผมมองเห็นความน่าสนใจในสิ่งที่เห็นนั้น มันอาจจะต่างจากคนอื่นที่เห็นครั้งแรกแล้วอาจจะแทบไม่อยากหันกลับมามองเป็นครั้งที่สอง แต่ผมเพ่งพินิศด้วยความสนใจ หญิงสาวคนหนึ่งในสองคนลุกขึ้นยืนหันหลังบิดขี้เกียจ ในขณะที่อีกคนถามเงยหน้ามองราวกับจะบอกว่า....... ผมไม่รู้ว่าเธอทั้งสองสนทนาอะไรกันแต่จากสภาพบรรยากาศตลาดในวันนั้น ก็พอจะบอกถึงความรู้สึกเหนื่อยหน่ายของเธอทั้งสองได้ เป็นอย่างดี วันนี้คงได้รายได้ไม่ค่อยดี ภาพที่ปรากฏทางใจ ทำให้ผมต้องรีบยกกล้องคู่ใจกดชัตเตอร์บันทึกวิถีแห่งความประทับใจนี้ได้ทันพอดี ภาพเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาทีแล้วก็แปรเปลี่ยนไป อาจจะแทบไม่ทันสังเกตเห็น เป็นเวลาเกือบ 4 ปีแล้วที่ผมถ่ายภาพนี้ ผมถ่ายภาพในอินเดียไว้มากมาย มีภาพที่สวยงามและงามสำหรับผมจำนวนไม่น้อยไม่วาจะเป็นภาพผู้คน ภาพทิวทัศน์ ภาพโบราณสถานต่างๆ แต่หากคัดออกมา ผมพบว่าภาพที่ผมเห็นว่างามที่สุดก็คือภาพนี้
งามด้วยสีสันของเสื้อผ้า เสน่ห์ของผู้อยู่ในภาพและเรื่องราวที่อยู่ในภาพ ทำไมภาพเพียงภาพเดียว มีความหมายอะไรกับผมมากนัก
ภาพนี้เป็นภาพสะท้อนวิถีชีวิตข้างท้องถนนได้ดีด้วยสีสันที่สดใสและตรงข้าม
ผมมองเห็นความขัดแย้งที่อยู่ในทุกอณูของดินแดนแห่งนี้ มันเป็นความไม่งามในความงาม ความขาวบริสุทธิ์ในความหมองหม่นดำมืดและ ในความอะไรไม่รู้ร้อยแปดพันอย่างแต่ก็อยู่ด้วยกันได้มาตั้งหลายพันปีแล้ว
ผมมองเห็นความยึดมั่นของคน ในชาติกำเนิดและเพทเจ้าของตนและยอมรับอยู่ในวรรณะที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด
ผมมองเห็นความยากจนและโอกาสที่มีอยู่ในความไม่มีนั้นมากมายมหาศาล และเป็นเช่นนั้นเอง
ผมมองเห็นความวิจิตรของจิตมนุษย์ แม้จะยากจนเพียงใด ก็มีความต้องการที่จะสวยงามเช่นคนอื่น และนี่คือความงามที่ทำให้ภาพนี้ งามที่สุดครับ
"ในความทุกข์ย่อมมีความสุขแอบซ่อนตัวอยู่เสมอ ขึ้นกับว่า เราจะมองเห็นมันหรือไม่"
สบายดีนะครับท่าน ;)...
ขอให้เล่าตั้งแต่ต้นเลยนะครับว่า ไปทำไม ทำอะไร อะไรเป็นแรงจูงใจ ที่ไหน สภาพชีวิตรอบบ้านเป็นอย่างไร
4 ปีไม่น้อยเลย
ผมอยู่ 2.4 ปีครับ ที่เมืองปูเณ่ รัฐมหาราษฏร์ครับ
สวัสดีครับ ผมสบายดี ขอบคุณครับที่แวะมาทักทายกัน
อินเดียเป็นประเทศหนึ่งที่ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าทั้งความสุขและทุกข์ สวรรค์และนรกอยู่ใกล้กันมาก ซึ่งในความเป็นจริงทุกประเทศคงมีลักษณะที่ว่านี้เหมือนกัน(ไม่ว่าทางใดทางหนึ่ง)
เห็นด้วยครับว่าขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นหรือไม่....สาธุครับ
อจ.วิรัตน์ครับ ประทับใจครับกับภิขาจารประหลาด เป็นเรื่องที่เกิดได้ก็เฉพาะอินเดียครับเพราะโครงสร้างสังคมยังคงมีอยู่เช่นสมัยก่อนพุทธกาล ความมีคุณค่าจึงไม่ได้อยุ่ที่วรรณะแต่อยู่ที่ "ปัญญา" จัณฑาลหลายคนจึงสามารถหลุดพ้นออกจากกรงขังทางสังคมและแสดงถึงอิสระภาพของปัญญาให้ชาวโลกเห็นได้ เช่นท่านอัมเบดการ์เป็นต้น แต่ก็เป็นโครงสร้างทางสังคมของอินเดียที่ยังคงอยุ่ต่อไปอีกนานครับเพราะในความหลากหลายก็มีข้อดีเหมือนกัน ทำให้ส่วนหัวและส่วนกลางเดินไปข้างหน้าได้โดยส่วนท้ายตามไป....ผมอยู่อินเดียมา 4 ปี นานพอ ดังที่ผมได้เขียนในหนังสือ"อินเดีย ขุมทรัพย์ใต้กองขยะ" ต้องมองใต้กองขยะจนเห็นขุมทรัพย์ ดังนั้นภาพที่ผมเห้นจึงงามที่สุดเพราะมีคุณค่าแฝงอยู่ด้วยครับ
อจ.โภณครับ ขอบคุณครับที่แวะมาทักทายกัน 4 ปี นานไหม ถือว่านานพอดพแล้วครับ ที่จะได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่เหลือเชื่อและหลากหลายของอินเดีย ผมไม่ค่อยได้ใส่รายละเอียดในประวัตนัก จึงทำให้ไม่เห้นภาพว่าผมไปทำอะไรที่อินเดีย...สำหรับ อจ.โสภณนะครับ ผมเป็นข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่ไปประจำการอยู่ ณ สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงนิวเดลี ในตำแหน่งอัครราชทูต (ซึ่งหากคนทั่วไปใช้เรียกกันว่า"ทูต" ก็ให้เข้าใจนะครับว่าเป็นการเรียกนักการทูตทุกคนอย่างไม่เป้นทางการ เป็นการให้เกียรติกัน..ทั้งนี้ ทูตในความหมายจริงๆ คือ เอกอัครราชทูต...มีคนเดียวในแต่ละสถานเอกอัครราชทูตครับ) 4 ปี ผมเคยไปแวะปูเน่ครับ ไปเยี่ยมนักเรียนไทยที่นั่นและได้เขียนบันทึกไว้ด้วย เป็นเมืองที่น่าอยู่ครับ เหมาะสำหรับนักเรียนไทยไปเริ่มต้นผจญภัยการศึกษาในต่างแดนที่นั้นครับ
เรื่องราวของผม ส่วนหนึ่งก็อยู่ในบันทึกโกทูโน นะครับ จึงได้มี Blog to Book เรียน ดู รู้ เล่น ผจญภัยไปในโลกกว้างกับนักการทูต 1 เล่ม ซึ่งสมาชิกโหลดไปอ่านได้ครับ
สวัสดีค่ะพี่โยคี
นานมากแล้วไม่ค่อยได้สนทนากัน
แต่มาพบบันทึกเกี่ยวกับอินเดีย
ก็ทำให้ระลึกถึงทั้งอินเดียและคนอยู่อินเดีย
ภาพเดียวกัน ก็แล้วแต่ใจคนมอง
ว่าจะรังสรรค์ไปในทางใด
บางคนเล่าเรื่องอินเดียด้วยความรังเกียจ
บางคนเล่าถึงอินเดียอย่ามีคุณค่า
ในตัวโยคีน้อย มองเห็นคุณค่า ของอินเดียเสมอ
ขอบคุณที่ครั้งหนึ่ง ได้รับการสนับสนุนให้ไปเรียนรู้ชีวิตของอินเดียค่ะ
ภาพสวยงาม ชัดเจน และได้ความรู้สึกมากค่ะ
โยคีน้อย หากผ่านอินเดียมาได้ อยู่ที่ไหนก็สามารถมองเห็นคุณค่าของที่นั้นและเห็นขุมทรัพย์ที่แฝงอยู่ได้เสมอ
สอบผ่านแล้ว