มะอึกขึก...ในความทรงจำ (คลื่นวงแรกที่กระจายไปบนท้องน้ำ เกิดจากเธอ)


บุคคลที่ใครๆต่างหวาดผวา ชนิดที่เล่ากันต่อๆมาว่า แม่ค้าหน้าโรงเรียนลงขันกันจะจ้างอาจารย์ให้งดมาอุดหนุนที่ร้าน เหตุเพราะว่าวันใดก็ตามที่อาจารย์ไปซื้อของ วันนั้นทั้งวันจะไม่มีนักเรียนคนใดกล้าเข้าไปซื้อของที่ร้านนั้น และที่ผมเคยเห็นมากับตาก็คือ พวกรุ่นพี่จอมเซี้ยวทั้งหลายเมื่อเห็นอาจารย์ครั้งใดก็จะใส่เกียร์หมาทันที...บางคนกำลังต่อยกันอยู่ใครจับแยกก็ไม่ได้ ลองตะโกนว่า "ซิตี้ฮันเตอร์มา" เท่านั้นแหละ...วิ่งกันป่าราบ แตกฮือกันไปคนละทิศคนละทาง ทั้งคนต่อยและคนมุง...(ฮ่าๆ)

          หากอดีตคือรากฐานของปัจจุบัน "มะอึกขึก" หรือ "กลุ่มทักษะชีวิต" ของโรงเรียนพะเยาพิทยาคม ก็คือ ฐานรากสำคัญในชีวิตของผม เพราะตลอดระยะเวลา 3 ปี ในชีวิตเด็กมัธยมปลาย การทำกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆและน้องๆในนามกลุ่ม "มะอึกขึก" ได้เปลี่ยนโลกที่แสนจะจำเจของผมให้สว่างสดใส ทั้งยังเปิดมุมมองที่มีต่อคนและสิ่งรอบข้างให้ชัดเจนและรอบด้านมากยิ่งขึ้น และนี่เป็นเรื่องเล่าที่ผมจะนำมาแบ่งปันในบล็อกนี้เป็นเรื่องแรกครับ

          จุดเริ่มต้นของการทำกิจกรรมเกิดจากแนวคิดของท่านอาจารย์อิศรา นราวุฒิกุล ที่ต้องการให้มีการขับเคลื่อนงานด้านการป้องกันยาเสพย์ติด เอดส์ และการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยมี "เด็กเป็นผู้คิดและลงมือทำ" ส่วนผู้ใหญ่จะเป็นผู้ให้การสนับสนุน มาถึงตรงนี้เพื่อเป็นการเพิ่มอรรถรสของเรื่องราวความเป็นมาผมขอเล่าถึงท่านอาจารย์อิศราสักเล็กน้อยครับ

          อาจารย์อิศรา นราวุฒิกุล ท่านเป็นอาจารย์หัวหน้าฝ่ายปกครองผู้ได้รับฉายานามว่า"ซิตี้ฮันเตอร์"(ชื่อนี้มาจากการ์ตูนญี่ปุ่นแนวตำรวจจับผู้ร้าย พระเอกจะใส่แว่นดำชอบทำมาดเท่ห์ โดยจะมีผู้ช่วยสาวสวยคอยอยู่ข้างๆตลอดเวลา..ฮ่าๆ) ภาพของอาจารย์ก่อนที่ผมจะได้รู้จักนั้น คือ บุคคลที่ใครๆต่างหวาดผวา ชนิดที่เล่ากันต่อๆมาว่า แม่ค้าหน้าโรงเรียนลงขันกันจะจ้างอาจารย์ให้งดมาอุดหนุนที่ร้าน เหตุเพราะว่าวันใดก็ตามที่อาจารย์ไปซื้อของ วันนั้นทั้งวันจะไม่มีนักเรียนคนใดกล้าเข้าไปซื้อของที่ร้าน และที่ผมเคยเห็นมากับตาก็คือ พวกรุ่นพี่จอมเซี้ยวทั้งหลายเมื่อเห็นอาจารย์ครั้งใดก็จะวิ่งหนีอาจารย์แบบที่เรียกว่าใส่เกียร์หมากันเลยทีเดียว...บางคนกำลังต่อยกันอยู่ใครจับแยกก็ไม่ได้ ลองตะโกนว่า "ซิตี้ฮันเตอร์มา" เท่านั้นแหละ...วิ่งกันป่าราบ แตกฮือกันไปคนละทิศคนละทาง ทั้งคนต่อยและคนมุง...(ฮ่าๆ)

          ทั้งนี้อาจเป็นเพราะบุคคลิกส่วนตัวของท่านอาจารย์ที่มักจะใส่แว่นดำ เวลาพูดจะนิ่งๆ เมื่อรวมกับหน้าที่ที่ได้รับจึงทำให้ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก (อาจารย์เป็นฮีโร่และเป็นหนึ่งในต้นแบบของ"ความเป็นครู"สำหรับผมก็ว่าได้) แต่หลังจากได้ทำงานร่วมกับอาจารย์แล้วทำให้รู้ว่า ท่านเป็นคนที่ใจดีมากๆคนหนึ่งเลยทีเดียว ที่สำคัญก็คือ ไม่ว่าเราต้องการความช่วยเหลืออะไร อาจารย์จะเป็นคนแรกๆที่เข้ามาสนับสนุนและแก้ปัญหาให้ ตอนผมติดโควต้าภาษาไทยที่มน. อาจารย์ให้ผมและเพื่อนๆทายว่าท่านเรียนจบอะไรมา ตอนนั้นไม่มีใครเดาถูก เพราะงานที่อาจารย์ทำเป็นงานฝ่ายบริหาร ทายกันไปต่างๆนาๆ มาเฉลยเอาตอนท้ายว่าท่านจบ"ภาษาไทย"มาเช่นกัน (ถึงว่า เวลาพวกผมส่งโครงการ ท่านจะเป็นคนปรับแก้และแนะนำการเลือกคำหรือความให้ตรงตามวัตถุประสงค์)

          กลับมาที่จุดเริ่มของการรวมตัวกันทำกิจกรรมกันอีกครั้ง วันนั้นพวกผมได้รับคำสั่งให้ไปพบอาจารย์ที่ห้องฝ่ายปกครอง ใครไม่รู้อาจคิดว่าเราไปทำเรื่องไว้จนต้องเรียกตัวไปสอบถามหรือลงโทษ แต่ด้วยที่กลุ่มผมเป็นพวกเด็กเรียน(มั้ง) ก็เลยไปกันแบบ งงๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อได้คุยกับท่านอาจารย์แล้วก็ได้รู้ว่าพวกเราจะได้ไปอบรมเรื่องเอดส์ กับกลุ่ม teenage modern ที่รร.เฉลิมขวัญสตรี จ.พิษณุโลก สำหรับการไปครั้งนี้ผมและเพื่อนไปกันทั้งหมด 9 คน คือ เอก แล็ก ต่อ(ตี้) จิน ต่าย ยุ้ย พัช แอม และผม(ต๋อม)

          ก้าวแรกที่ได้ย่างเข้าไปในโรงเรียนเฉลิมขวัญสตรี ให้รู้สึกประหม่ามากครับ เพราะที่นี่(สมัยนั้น)เป็นโรงเรียนหญิงล้วน เมื่อล่วงเข้าไปแล้วพวกเราก็ถูกจับจ้องมองดูและมีเสียงซุบซิบกันตลอดทาง เรียกได้ว่ากว่าจะเดินไปถึงห้องประชุมที่เขาจัดไว้เป็นที่ลงทะเบียน พวกเราเกร็งกันมากจนไม่กล้าคุยอะไรกันเลยระหว่างเดิน แต่หลังจากได้ร่วมกิจกรรมละลายพฤติกรรมแล้วทำให้พวกเราผ่อนคลายมากขึ้น สำคัญกว่านั้นคือ "ต้องกล้า" ครับ (คำนี้บางทีความหมายก็ใกล้เฉียดกับคำว่า"หน้าด้าน"เหมือนกันนะครับ ...ฮ่าๆ แต่ผมเชื่อว่าพวกเรากล้าไม่ได้หน้าด้านครับ) ก็พวกเรามาไกลขนาดนี้ใครเขาสอนหรือให้ทำอะไรพวกผมก็ต้องทำหมด (ไม่มีใครยอมเสียเวลาไปเปล่าๆครับ) 

          แล้ววันแรกก็ผ่านไปวันใหม่ก็ตามมา กิจกรรมยิ่งเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะงานกลุ่มที่ต้องแข่งขันกันกับกลุ่มอื่นๆ (ส่วนใหญ่จะเน้นเอาฮามากกว่าเป็นจริงเป็นจัง) ยิ่งมีการประกาศคะแนนแต่ละครั้ง แต่ละกลุ่มก็จะงัดไอเดียแปลกๆมาให้เพื่อนๆช่วยกันคิดช่วยกันไขอย่างสนุกสนาน เรียกได้ว่าเป็นสามวันสองคืนที่สนุกสนานและเปิดประสบการณ์การเข้าร่วมกิจกรรมเพื่อรับความรู้ด้านเอดส์กับเยาวชนได้อย่างตื่นตาตื่นใจจริงๆ(ที่จริงเนื้อหาเรื่องเอดส์นี้พวกเราได้เรียนแล้วตอนม.3 แต่อาจารย์ที่สอนท่านให้พวกเราท่อง...ตอนนั้นไม่รู้ว่าทำกันได้อย่างไร ท่องความรู้เรื่องโรคเอดส์กันเป็นสิบๆหน้า แต่พอสอบเสร็จแล้ว...ผมก็ลืมครับ ฮ่าๆ)

         เมื่อกลับมาแล้วพวกเราก็คิดที่จะตั้งกลุ่มเพื่อทำกิจกรรมของพวกเราขึ้นบ้าง โดยท่านอาจารย์อิศรา ได้ตั้งชื่อไว้ให้อยู่ก่อนแล้วว่า "กลุ่มทักษะชีวิต" แต่พวกเราเองชอบชื่อที่ได้มาจากพิษณุโลกในครั้งนี้มากกว่า จึงขอใช้ชื่อพิเศษนี้ร่วมด้วย ... ใช่แล้วครับชื่อที่ว่าก็คือ "มะอึกขึก" ดังที่ได้เกริ่นไปแล้วตั้งแต่ต้น และด้วยชื่อนี้เองทำให้พวกเราเป็นที่รู้จักของทั้งโรงเรียน (ไม่ได้โม้นะครับ คนมันจะดัง...ฮ่าๆ) และลามไปจนถึงเขตการศึกษาอื่นๆ แต่ก่อนที่พวกเราจะเป็นที่รู้จักนี้ ต่างคนต่างก็ออกไปหาวิชาใส่ตัวให้ครบด้านกันก่อนครับ ตอนนั้นจำได้ว่าที่ไหนมีอบรมค่ายเยาวชนอะไร(ยาเสพย์ติด สิ่งแวดล้อม การปกครอง ฯลฯ) พวกเราก็จะแบ่งกันไป โดยมีสัญญาใจต่อกันว่า ใครได้อะไรมาต้องบอกต่อ "หนึ่งคนทำเป็นคนอื่นๆต้องทำได้ด้วย" มันจึงเป็นเหมือนหน้าที่ของแต่ละคนที่จะต้องตั้งใจและรู้กระบวนงานทั้งหมดของแต่ละค่าย ทั้งนี้เพราะเราต้องกลับมาสอนเพื่อนคนอื่นๆภายในกลุ่มด้วย

          หลายคนเมื่อได้ยินชื่อ"มะอึกขึก"แล้ว ก็มักจะสงสัยว่ามันคืออะไร วันนี้ให้ดูรูปประกอบไปก่อนนะครับ เพราะผมว่าเล่านานเกินไปแล้วล่ะ กลัวท่านที่เข้ามาอ่านจะเบื่อตัวหนังสือยาวๆนี้กันเสียก่อน ไว้คราวหน้าผมจะมาเฉลยให้ฟังครับผม

แด่...วารและวันที่ผันผ่าน

Kunming 11-06-09

 

ปล. ขอขอบพระคุณรูปสวยๆจากท่านอาจารย์ยุวนุช จากบล็อกคุณนายดอกเตอร์

http://www.gotoknow.org/blog/riverlife/189432 ที่ได้นำมาแบ่งปันกันครับผม

(ผมเองก็ยังไม่เคยได้เห็นของจริงเหมือนกันครับ)

 

 

หมายเลขบันทึก: 443150เขียนเมื่อ 9 มิถุนายน 2011 13:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 23:45 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (17)

สวัสดีค่ะ

ดีใจค่ะ ที่ได้พบ "ต้นแบบของ"ความเป็นครู"

ทักษะชีวิตมีความจำเป็นมากสำหรับเด็กในปัจจุบันและสำหรับทุกคนค่ะ

  • ตอนเป็นครูมัธยมศึกษาเมื่อ 8 ปีที่แล้ว
  • ผมตัวเล็กแต่วิ่งเร็วคอยจับนักเรียนติดยา
  • ได้ภาพแบบอาจารย์อิศราเลยครับ
  • อ่านแล้วขำๆๆว่าสมัยก่อน
  • เป็นอาจารย์รุ่นใหม่ไฟแรง หวิดๆๆจะโดนจ้างยิงหัว
  • http://www.suicidethai.com/elearning/abstract/abstract_detail.asp?code=000163

สวัสดีครับ อ.ภาณุวัฒน์ สกุลสืบ

  • ขอชื่นชมในตัวท่านอาจ๋ารย์นักๆ "สมกับคำว่า ครู"แต๊ครับ

ครูคือแบบเบ้า  เพื่อเนาเย็บสอย  สิ่งของเป๋ยฮอย  กลั๊บมาใช้ได้

เด็กเหมือนนกหนู  คุดคู้ยิ่งใบ้  สอนสร้างแก้ไข  หลายชั้น

สุดท้ายได้ดี  สมที่แป๋งปั้น  ขยายกล้าพันธุ์  จ๊าดดี

เหมือนดั่งมะอึ๊ก  ล้ำลึกดีหลี  เม็ดในมากมี  คุณมีป๊ะป้าน 

 คุณมีป๊ะป้าน

          ............(บ้านผมฮ้องมะอึกว่า  บ่าเขือปู่  ครับ).....๙ มิ.ย. ๒๕๕๔

 

กลุ่มมะอึกคึก ...มิน่าจึงเป็นที่สนใจ เพราะฟังชื่อก็แปลกแล้วค่ะ

ขอบพระคุณท่านอ.ขจิต มากๆเลยครับ ผมเองใช้ชื่อกลุ่มว่ามะอึกมานาน แถมตอนนิยามความหมายก็บอกเขาไปว่าลูกสีส้มๆ แต่ตัวเองกลับไม่เคยเห็นรูปหรือของจริงมาก่อน ขอบพระคุณมากๆครับผม

ปล. อาจารย์ก็เคยวิ่งไล่จับเด็กเหมือนกันเหรอครับ แบบนี้แสดงว่าต้องเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองแน่ๆ ขอคารวะท่านด้วยนม 1 กล่องครับ (ฮ่าๆ)

ยินดีจ้าดนักครับพ่อครูสนั่นตี้มาปะมากอยละอ่อน(เฒ่า)เยี่ยงผม ยังบ่ปอ ปั๋นกำค่าวฮื้อผมแหม...บ่ฮู้จะอู้หย่างใดแล้วครับ ขอบคุณพ่อครูครับผม

ใช่แล้วครับท่านอาจารย์ดาหลา แต่กลุ่มผมนั้นคึกไปยิ่งกว่าธรรมดา...เลยใช้คำว่า "ขึก" แทนครับผม

มาอ่านตามสัญญา

มาช้าไปหน่อย  แต่มาแล้วนะคะอาจารย์

สวัสดีครับพี่มนัญญา

ขอบคุณมากครับที่เข้ามาติดตามอ่าน หากมีเวลาว่างก็ค่อยตามมาอ่านก็ได้ครับผม ตอนนี้ผมเป็นมือใหม่ จะเขียนอะไรยาวๆตามใจตัวเองก็กลัวคนอ่านจะตาเสีย (ยังไม่รู้วิธีทำให้ตัวอักษรใหญ่กว่านี้... แต่ถ้าใหญ่กว่านี้ ก็คงจะยาวลงไปอีก) ผมเลยใช้วิธีค่อยๆเล่าไปทีละน้อยก็แล้วกันครับผม

สวัสดียามดึกค่ะ

เห็นชื่อเรื่องสนใจมากค่ะ

เห็นผลไม้นี้คิดถึงชีวิตวัยเด็ก...เอามาใส่ส้มตำอร่อยมาก

ยินดีกับกิจกรรมดีๆ น่าเหนื่อยแทนนะคะ ดูแลเด็กวัยรุ่นทุกวันนี้

สวัสดีครับพี่แดง

ผมเองก็เคยได้ยินเรื่องรสชาติของมะอึกครับว่าเอามาใส่ยำใส่ส้มตำอร่อยนักแล เพราะรสออกเปรี้ยวๆใช่ไหมครับ (แต่ก็นั่นแหละครับ แค่ของจริงยังไม่เคย เห็นประสาอะไรเรื่องการลิ้มรส...ฟังเขามาทั้งนั้น ฮ่าๆ)

ครูดีที่น่ายกย่องกับกิจกรรมดีๆ

มะอึก เอามาใส่ส้มตำ ถ้าใส่เยอะ รสชาติเปรี้ยวมาก ต้องใส่พอดีถึงจะอร่อยค่ะ

  • ชอบมากค่ะชื่อกลุ่มมะอึกขึก
  • ที่ชอบมากคือข้อตกลงที่ให้ถ่ายทอดความรู้ต่อๆกันค่ะ
  • เทคนิคดีๆนี้ขอนำไปบอกต่อนะคะ
  • ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณคุณครูลำดวนและคุณ krukorkai ที่แวะเข้ามาอ่านครับผม

สำหรับกิจกรรมของ กลุ่มมะอึกขึก นี้ผมมีความคิดว่าจะถอดบทเรียนความสำเร็จ มาให้ทุกท่านได้อ่านเหมือนกันครับ

ไว้เรียบเรียงเสร็จแล้วผมจะเอามาฝากใน g2k อีกครั้งครับผม

สวัสดีค่ะ พี่หนานวัฒน์ เมื่อก่อนมะอึกขึก คงเป็นที่รู้จักในโรงเรียนมากๆๆ เลยนะค่ะ

อยากให้พี่มาอัพต่อ จะรออ่านนะค่ะ

จากน้องๆ มะอึกขึก รุ่น 12 ค่ะ ^^

สวัสดีครับน้องมะอึก รุ่นที่ 12

ไม่รู้ว่าตอนนี้กลุ่มของเราเป็นอย่างไรบ้าง พี่ไม่ได้กลับไปพ.ค.นานแล้ว แต่ก็คอยติดตามข่าวคราวนะ (แม้จะคร่าวๆก็ตาม)

การทำงานนั้น สำคัญคือ คนทำงาน ครับ การเป็นที่รู้จักไม่สำคัญเท่ากับการที่เราได้เรียนรู้ และได้รู้จัก"ศักยภาพ"ของตนเอง-ของ

เพื่อนๆ ลองเปลี่ยนมุมมอง เปลี่ยนหน้าที่ บางทีจะทำให้เราเข้าใจตัวเองมากขึ้นครับ แล้วลองนำส่วนดีและจุดเด่นที่หลากหลายนั้น

มาสร้างสรรค์งาน สร้างสรรค์กิจกรรมครับผม

เป็นกำลังใจให้น้องๆมะอึกขึก ทุกรุ่นครับ

ปล. บันทึกคราวหน้า จะลองถอดบทเรียนความสำเร็จฯ มาฝากให้เพื่อนพ้องน้องพี่ได้อ่านกันครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท