วันสุดท้าย ไม่ได้เหมาทัวร์แล้ว แต่กว่าเครื่องจะออกก็ค่ำๆ ก็เลยเดินไปเรื่อยๆ แบบมีเป้าหมายกันเอง นั่นก็คือ (1) จะไป The Basilica Cistern กัน กับ (2) จะไปหาซื้อเครื่องหนัง brand ตุรกี อาทิ Sara, Derimod กะว่า จะไปหาตาม outlet กัน ก็มองไว้ที่หนึ่ง
อันดับแรกไป Basilica Cistern กัน สถานที่ก็ไม่ไกลนักหรอก แต่เราเดินกันซะไกลเลย เพราะว่า อ้อมไปอ้อมมา อิอิ
ที่นี่เป็นอ่างเก็บน้ำใต้ติน ลักษณะเป็นอุโมงค์ที่ใหญ่มาก เอาไว้เก็บน้ำจืดใช้ในเมืองอิสตันบูล ในยามที่มีศึกสงคราม เขาบอกว่า จุน้ำได้มากถึง 80,000 ลูกบาศ์กเมตร อุโมงค์มีความยาว 141 เมตร กว้าง 73 เมตร มีเสาค้ำยัน 336 ต้น แต่ละต้นสูง 9 เมตร มีด้วยกัน 12 แถว แถวละ 28 ต้น ห่างกัน 4.9 เมตร
มีแต่งตัวสมัยถ่ายภาพเป็นที่ระลึกกันด้วย
แนวเสาอีกมุมหนึ่ง
ในอุโมงค์นี้จะมีสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ คือ
เสาหยดน้ำตา (The Column of Tears) เป็นเสาที่มีลายแกะสลักรูปหยดน้ำตา
เสาศีรษะเมดูซ่า (Medusa) ตามความเชื่อ เมดูซ่าเป็นปีศาจที่อาศัยอยูใต้ดิน เส้นผมเป็น "งู" ใครมองเห็นใบหน้าเธอ ก็จะกลายเป็นหินในทันที แม้แต่ตัวเธอเอง ... เพื่อเป็นการแก้เคล็ด จึงมักเห็นศีรษะเมดูซ่า ตั้งกลับหัว หรือตะแคง
รายการไปเรื่อยๆ รายการที่สอง คือ ตามหาเครื่องหนังตุรกี
ว่าที่จริง แถวที่พัก ก็มีกระเป๋าเยอะแยะมากมาย แต่ว่า ไม่มี brand ตุรกีเลย เป็นยี่ห้ออื่นๆ ซะมากกว่า เราก็เลยตามหากัน เลือกไปกันที่ Olivium Outlet Center เพราะคิดว่า จะเป็น outlet แบบใหญ่ๆ เหมือนที่เคยไปในประเทศอื่นๆ และมีของให้เลือกมากมาย ... แต่เมื่อไปถึงก็ผิดหวังเล็กน้อย เพราะว่าของไม่ค่อยเยอะ
เราไปกัน โดย รถไฟ ... สบายมาก และราคาไม่แพง
บนรถไฟ ... ถ้ารู้เส้นทางไป ก็นั่งง่ายๆ สบายๆ
ถึงที่หมาย ... ได้เสื้อหนัง 1 ตัว กระเป๋า 1 ใบ จาก Sara และชุด Mango ให้ลูกสาว กับคุณสุมาลี
ไม่มีความเห็น