เมื่อคืน ฉัน ไปเช่าหนังมาดู พอไปถึงร้านเช่า เห็น หนังเรื่องอภินิหาร ตำนานแห่งนาเนียร์ ตอน ผจญภัยโพ้นทะเล ก็นึกสนุก อยากดู เพราะหนังเรื่องนี้เข้าโรง แล้วฉันยังไม่ได้ไปดูเลย จำได้ว่าดูแต่ภาคแรก พอจะรู้เรื่องเดิมอยู่บ้าง พอ ละครมนต์รักแม่น้ำมูลอวสาน ฉันก็ดูนาเนียร์ ต่อเลย สนุกมากค่ะ เรื่องนี้ ให้ข้อคิดกับฉัน 2 หลักใหญ่ ๆ คือ ในเรื่อง เมื่อตัวเอกต้องไปอาศัยอยู่บ้านญาติ ซึ่งเขาก็ไม่ค่อยเป็นมิตร และมองฝ่ายตัวเอกว่า แปลกแยก พูดถึงแต่เรื่องเพ้อเจ้อ ดินแดนนาเนียร์ แต่เมื่อเหตุการณ์จู่โจมให้เขา เข้าไปในโลกนิยายนั้นด้วย เมื่อแรก เขายังไม่เชื่อ แม้จะเห็นด้วยตาแล้วก็ตาม เขายังทำตัวเป็นตัวถ่วงตลอดเวลา แต่เมื่อ ญาติคนนี้ต้องกลายเป็นมังกร ถูกคนเข้าใจผิด และได้รับความรักจากหนูพูดได้ ซึ่งเดิมเขาไม่ชอบเลย นั่นแหละ เขาต้องเปลี่ยนความคิดและการแสดงตัวตนของเขาเพื่อความอยู่รอดของเขาและกองทัพ เรียกได้ว่า เขาเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง จากคนไม่เชื่อและไม่ให้ความร่วมมือ กลายเป็นมังกรที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งให้การรบครั้งนี้ ได้รับชัยชนะ สุดท้ายญาติคนนี้ บอกกับตัวเอง และ เพื่อน ๆ ว่า เขาเป็นมังกร ได้ดีกว่าเป็นมนุษย์ และทุกคนรักกันได้แบบไม่ต้องอธิบายใด ๆ บทเรียนแบบนี้ เกิดขึ้นในชีวิตจริงในหลายแง่มุม เมื่อเรายืนอยู่นอกวง เราไม่สามารถสัมผัสสิ่งต่าง ๆ ได้ดีเท่าลองทำมันด้วยตัวเองเลย การเรียนรู้แบบนี้ มักจะได้ผลในเชิงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้เป็นอย่างดี
ฉันชอบมากเลยค่ะ
รอบหน้าจะเล่าตอนอื่น เพิ่มนะคะ
ใครที่มีเรื่องการเรียนรู้แบบเปลี่ยนผ่านแบบนี้ เล่าให้อ่านบ้างนะคะ
อีกอย่างคือ ช่วงสุดท้ายของเรื่อง พระเอกต้องล่องเรือไปเอาดาบอัศวิน แต่ทะเลที่เขาไปเป็นทะเลต้องคำสาป พระเอกนึกกลัวสัตว์ประหลาด ที่น่ากลัวที่สุดเกินจะบรรยาย โดยที่เขาไม่รู้ว่า ที่ทะเลต้องคำสาปนี้ ความกลัวของใครที่น่ากลัวที่สุดนั้น จะกลายเป็นเรื่องจริง !! แต่เมื่อเขารู้ว่ากำลังจะเผชิญกับอะไร เขากล่าวขอโทษ ทุกคนบนเรือโดยไม่ลังเลที่จะพูด และเป็นผู้นำในการรบด้วยตัวเอง
ตรงนี้ ฉันจึงนึกถึงคำว่า จงระวังความคิดของตัวเองให้ดี เจ้าค่ะ
ติดตามมาอ่านครับ เรื่องการเปลี่ยนจากไม่เชื่อมาเป็นเชื่อ และต้อง "เชื่อจากใจจริง" หรืออย่างสนิทใจนั้น เป็นปัญหาใหญ่สุดเลยครับ เพราะถ้าจริงใจต่อกันแล้ว สิ่งที่เราเชื่ออาจคลีคลายผสมผสสานกับสิ่งที่เพื่อนเราเชื่อ เกิดเป็น "ความเชื่อร่วม" แล้วนำมาซึ่ง "ความร่วมมือ"
มีข้อคิดมาฝาก มาจาก นพ.บุญญงค์ วงศ์รักมิตร ที่ปรึกษาศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดน่าน ท่ามีโมเดล ชอบ-เชื่อ-ทำตาม คนจะเชื่อเมื่อชื่นชอบและทำตาม แต่ต้องให้เขาเชื่อมั่นศรัทธาอย่างที่เป็นเราจริง มิใช่แค่สร้างภาพ หรือหลอกให้หลงรัก หลงเชื่อ โดยไม่ลืมหูลืมตา ถ้าผมจะเปรียบเหมือนความคลั่งไคล้ของกลุ่มแม่ยก ก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ จะตามอ่านต่อครับ
ขอพระคุณ คุณหมอชาตรีเป็นอย่างยิ่ง ค่ะ ตอนนี้ฉันลยกำลังคิดถึงกิจกรรมหรือ กระบวนการอะไร ที่จะดึงใจ เปิดโอกาสให้คนในพื้นที่แสดงความร่วมมือ ร่วมใจและมองอนาคตร่วมกันค่ะ
มาอีกเรื่องแล้วค่ะ กังฟู แพนด้า ภาคสอง ใครหลายคนที่ไปดูคงได้รับความสุข สนุกสนานกันเต็มที่ ฉันว่าเรื่องนี้ ฮา.. สุด ๆ เลยค่ะ
แต่ฉันก็ได้ข้อคิดที่สำคัญจากเรื่องนี้(อีกแล้ว) ความไว้วางใจเพื่อนในทีม ไว้ใจจนไม่ต้องพูดอะไรเลย เพียงแค่ทำ เพื่อน ๆ ก็รู้แล้วว่า
แต่ละคนจะมีหน้าที่อะไร มีฉากนึงที่ แพนด้า กระโดดลงเหว เพื่อช่วยชาวบ้านที่ตกลงมาจากฟ้า แพนด้า เห็นปุ๊บ กระโดดคว้าปั๊บเลย โดยทั้งคู่ดิ่งลงเหวพร้อม ๆ กัน ฉันนั่งดูไปก็คิดว่า อ้าวเดี๋ยวก็ตายหรอก หรือ เขาจะขึ้นจากเหวกันยังไง... ขณะที่ฉันคิดอยู่ ตัวละครในเรื่อง ซึ่งเป็นทีมของแพนด้า ก็ กรูกันวิ่งตามมา คว้าตัวแพนด้าไว้ได้ โดยทีมของแพนด้าต่อตัวดึงกันถึง 5 ตัว ช่างน่าดื่นเต้นเหลือเกิน เด็ก ๆ ในโรงหนัง หัวเราะชอบใจกันมาก ขณะที่ฉันหัวเราะกับการ์ตูน ฉันก็คิดถึงทีมงานในชีวิตจริงไปด้วย ขอแค่มีทีมที่วางใจกันได้
งานไหน ๆ ก็คงผ่านได้สบายค่ะ