จากคำสอนท่านฮวงโป..
ถ้าเขาเองเพียงแต่หยุดความคิดปรุงแต่ง และหมดความกระวนกระวายเพราะความแสวงหาเท่านั้น พุทธะก็จะปรากฏตรงหน้าเขา เพราะว่าจิตนี้ก็คือพุทธะนั่นเอง
ถ้าหากพวกเธอเพียงแต่สามารถปลดเปลื้องตนเอง ออกมาเสียจากความคิดปรุงแต่งเท่านั้น พวกเธอจะประสบความสำเร็จทุกอย่าง
ทาง ทางโน้น มุ่งทำความก้าวหน้าโดยสัญญาต่าง ๆ ของเธอ โดยการดู การฟัง ความรู้สึก และนึกคิดอยู่ เมื่อถูกหลอกโดยสัญญาต่าง ๆ ของเธอเสียแล้ว ทางที่เธอจะเดินตรงไปยังจิตโน้น ก็จะถูกตัดขาดออก และเธอก็จะหาทางเข้าไ่ม่พบ
จิตไม่ใช่สิ่งอื่นซึ่งอาจนำเอาไปแสวงหาสิ่งอื่น นอกจากจิต เพราะถ้าทำัดังนั้นแม้เวลาล่วงไปแล้วเป็นล้าน ๆ กัป วันแห่งความสำเร็จก็ยังไม่โผล่มาให้เห็นอยู่นั่นเอง การทำตามวิธีนั้นไม่สามารถจะนำมาเปรียบเทียบกันได้กับวิธีแห่งการขจัดความคิดปรุงแต่งโดยฉับพลัน ซึ่งนั่นแหละ คือ ธรรมอันเป็นหลักมูลฐาน
มันต้องทำการป้องกันไม่ให้ความคิดปรุงแต่งเกิดขึ้นมาให้ได้เท่านั้น ที่พวกเธอจะรู้แจ้งเห็นจริงต่อโพธิ และเมื่อเธอทำได้ดังนั้น เธอก็จะเห็นแจ้งต่อพุทธะซึ่งมีอยู่ในจิตของเธอตลอดเวลาได้จริง
ถ้าพวกเธอซึ่งเป็นนักศึกษาเรื่องทางโน้น ปราถนาที่จะเป็นพุทธะ พวกเธอต้องไม่ศึกษาคำสอนใด ๆ ทั้งหมด จงเรียนแต่เพียงว่าทำอย่างไรจึงจะเว้นขาดจากการแสวงหา ข้อนี้ ความหมายว่า จิตไม่เกิดไม่มีการยึดมั่นถือมั่นอยู่และไม่ถูกทำลายนั่นแหละคือ พุทธะ
ได้เคล็ดวิชา ไม่ยึดมั่น ถือมั่น แต่ ขอฝันได้ใหม สาธุ สาธุ
สวัสดีครับท่านอาจารย์
ท่านอาจารย์สบายดีนะครับ คิดถึงท่านอาจารย์ครับ แต่ก่อนตอนที่ท่านมาช่วย มมส. ทำให้ผมได้มีโอกาสเข้าพัฒนาตนเองเป็นระยะ ๆ ตามกิจกรรมพัฒนาบุคลากรที่ท่านจัดขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี แต่ตอนนี้ไม่ค่อยมีแบบนั้นแล้วครับ (หรืออาจจะมีอยู่แต่ผมไม่ได้เข้าร่วมก็ไม่ทราบได้ครับ)
"คำสอนของฮวงโป" เป็นหนังสือที่ตอนนี้ผมถือติดตัวเพื่ออ่านยามว่างทุกเมื่อมาหลายเวลาแล้วครับ แต่ก็ยังทิ้งไม่ได้ วางไม่ได้หมดดั่งคำสอนเลยครับ
ท่านสอนประมาณว่า
ทิ้งความคิดปรุงแต่งหมด ก็ได้หมด