........ถึงแม้จะมีคนจำนวนไม่มากที่ทราบเรื่องการตั้งครรภ์ และทุกคนที่ทราบเรื่องก็พร้อมที่จะช่วยเก็บความลับนี้ไว้ รอคอยให้นาวพร้อมและเปิดเผยด้วยตนเอง กระนั้นก็ยังต้องจัดการเพื่อเก็บรักษาความลับนี้ไว้
.......ความลับแรก ใครคือพ่อของเด็ก เพื่อนบางคนที่ทราบว่านาวท้องก็แสดงความคิดเห็นอย่างเปิดเผย ถามและเรียกร้องให้ผู้ชายมารับผิดชอบ บางคนเมื่อทราบเจตนารมณ์ที่นาวจะเลี้ยงลูกด้วยตนเองก็ไม่กล้าถามเรื่องนี้ แต่สายตาก็วิบๆ วับๆ มีประกายของความอยากรู้เจือปนให้เห็นในบางแวบ
คนที่คุ้นเคยมักจะรับรู้ว่านาวสนิทสนมกับใครบ้าง แต่คงไม่รู้รายละเอียดว่าสนิทกันขนาดไหน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา นาวจึงโทรคุยกับผู้ชายคนนั้น...เรายุติเรื่องราวความสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน 2-3 วันก่อนที่จะทราบว่าตั้งครรภ์ และเมื่อคำตอบของเขาหลังทราบว่าเราตั้งครรภ์เป็นแบบนี้ จึงไม่ต้องคาดถึงเรื่องความสัมพันธ์ส่วนตัว แต่อย่างไรเสียเราก็ยังคงเป็นเพื่อนกัน คนบางคนไม่เหมาะจะคบเป็นแฟน แต่ในฐานะเพื่อนเขาก็ไม่มีอะไรเสียหาย นาวยืนยันกับเขา นาวไม่มีปัญหาอะไร ยังเป็นเพื่อนกันได้ หากมีการมีงานที่จะต้องทำด้วยกัน ก็ทำด้วยกันได้ และเมื่อนาวต้องเตรียมชีวิตเพื่อดูแลลูกคนเดียว เพราะเขาไม่ต้องการเด็กตั้งแต่แรก นาวก็ไม่อยากให้เกิดเหตุผิดพลาดที่ทำให้ชีวิตนาวยุ่งยากเพิ่มขึ้น เขาจึงต้องช่วยนาวว่าจะไม่ทำให้ใครประเมินได้ว่าผู้ชายปริศนาคนนั้นเป็นเขา ให้เขาทำตัวแบบไม่รู้ไม่เห็นว่าใครเป็นพ่อ ให้เลิกคิดเลยว่าเด็กคนนี้เป็นลูกเขา หากมีใครพูดเรื่องนาว เรื่องลูกห้ามร้อนตัว ทำตัวเฉยๆ เข้าไว้ แน่นอนเขารับปาก เพราะก็เป็นความตั้งใจของเขาอยู่แล้วที่ไม่อยากเกี่ยวข้องกับเรื่องราวเหล่านี้ เป็นแบบนี้ได้ก็ดี สบายใจกันทั้งสองฝ่าย...........
........นัดและเตรียมการพูดคุยให้เป็นไปทางเดียวกันกับผู้ชายคนนั้นแล้ว แต่ก็ยังไม่จบ เนื่องจากการฝากครรภ์ครั้งแรกจะต้องตรวจเลือดหาความเสี่ยงจากโรคต่างๆ ที่จะมีผลต่อเด็ก นาวขอร้องเขาให้ไปตรวจ เขาไม่รับปาก เขาบอกเขาปลอดภัยไม่มีโรคอะไร ถ้าจะเป็นก็มีแค่ไวรัสตับอักแสบแค่นั้น แต่นาวก็ยืนยันว่ามันมีโรคอีกตั้งหลายอย่างที่ส่งถึงเด็กได้ แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงโมโห ทำไม อะไรกันนักหนา แค่ไปตรวจให้แค่นี้ทำไมทำไม่ได้ เขาว่า ก็กลัวว่าจะมีอะไรยืดเยื้อต่อไปในอนาคต เขาไม่อยากยุ่งด้วย โมโหมาก ก็ย้ำกับเขาว่า มันจะวุ่นวายยาวได้ยังไง จดทะเบียนก็ไม่ได้จด ตอนแจ้งเกิดเด็กก็จะไม่ระบุชื่อพ่อ แล้วมันจะเกี่ยวข้องกันได้ยังไง แล้วก็บอกเขา แย่มาก ทำไมช่วงนี้คุณทำตัวแย่มาก พูดเสร้จก็ปิดโทรศัพท์เลย.........พักหายใจชั่วครู่ ก็โทรหาเขาใหม่ บอกเขา....มาคุยกันดีๆ ดีกว่า สิ่งที่คุณกลัวคืออะไร เขาก็บอกว่า เดี๋ยวเขาจะไปตรวจให้ เอาเป็นว่าอะไรที่เขาช่วยได้เขาก็จะช่วยละกัน...เขาว่างั้น ก็แค่นี้แหละ นาวคิดในใจ ไม่รู้จะต้องให้โมโหก่อนทำไม นาวไม่เคยเรียกร้องความรับผิดชอบ คุณไม่ต้องการ เราไม่ว่า คุณไม่ช่วยเหลือเงินทองก็ไม่เป้นไร แค่ไปช่วยตรวจร่างกายเพื่อให้หมอประเมินได้ว่าลูกที่เราจะต้องดูแลตามลำพังนี้จะแข็งแรง หรือมีโรคอะไรให้ต้องระวังไหม เรื่องแค่นี้ก็ทำเป้นเรื่องวุ่นวาย กลัวอะไรไม่เข้าเรื่อง........
........กลัวเรื่องที่สอง กลัวว่าจะมีคนรู้ว่าเราท้องในขณะที่เราไม่พร้อมให้รู้.......กลุ่มคนที่กังวลมากสุดก็คือ ครอบครัว ซึ่งในที่นี้หมายถึง พี่สาว พี่ชาย.... นาวต้องพักที่บ้านพี่สาวในช่วงที่รอการประชุม ก็ต้องพยายามพรางตัวไม่ให้เห็นท้องที่เริ่มขยาย นาวใส่กางเกงขาก๊วยและเสื้อยืดตลอดการอยู่บ้าน หลานสาวคนสนิทก็หาเสื้อตัวใหญ่ กางเกงขาก๊วยหรือเอวยืด มาให้ใส่.....วันหนึ่งพี่สาวทักขณะดูทีวีด้วยกันตอนเย็น นาวอ้วนขึ้นเนาะ นาวหันไปมอง ยิ้มๆ ใจก็หวั่นๆ เอเขาเห็นอะไรผิดปกติหรือเปล่าน้า....แต่ไม่เห็นเขาว่าอะไร ก็โล่งใจ......วันต่อมาครอบครัวพี่สาวยกขบวนไปทำลาบ ทำเมี่ยงปลาทูกินที่บ้านพี่ชายแถวๆ อ่อนนุช กลับมาหลานสาวก็คุย นี่ดีนะว่าพวกเขายังไม่รู้เรื่องท้องกัน ไม่งั้นวันนี้ถูกซักฟอกตายแน่......ปรึกษากันสองน้าหลาน เราค่อยบอกตอนท้องโตมากๆ หรือตอนก่อนคลอด หรือตอนคลอดแล้วดีกว่า เผื่อว่าบอกเขาตอนนี้เขาอาจให้เอาเด็กออก เดี๋ยวจะเป็นบาปเป็นกรรมกันเปล่าๆ......
............เมื่อคืนก่อนนาวออกจากบ้านพี่สาวมาพักโรงแรม หลานสาวโทรมาคุยด้วย บอกว่าพี่สาวพูดกับเขาว่านาวกินเก่งจัง กินทั้งวัน ไม่หยุด.....เราก็เริ่มใจแกว่งล่ะ ยังไงเนี้ยะ เขาสงสัยหรือเปล่านา........เดือนหน้าที่จะต้องมาประชุมกรุงเทพฯ อีกนี่ดูท่าจะเข้ามาบ้านไม่ได้ละมัง เดี๋ยวความแตกแน่ พักโรงแรมแล้วกลับเชียงใหม่เลยดีกว่า....เจอพี่น้องช่วงนี้ เสียว.........
.........เมื่อวานตอนกลางวัน โทรหาผู้ชายคนนั้น บอกเขาว่าให้ไปตรวจร่างกายวันจันทร์ที่ 30 ที่จะถึงนี้ได้ไหม วันอื่นนาวมีงานทั้งสัปดาห์ว่างอีกทีก็เป็นอีกสัปดาห์ ซึ่งมันจะนานเกินไป เขาว่าเขาต้องทำงานตอนเช้า แล้วคิดว่าจะไปที่ไหน เราก็ว่า ไปตอนบ่ายก็ได้ จะไปที่โรงพยาบาลแม่และเด็ก เขาบอกไม่รู้จัก ไปไม่ถูก นาวเลยบอก ไปพร้อมกันก็ได้ นาวจะไปรับที่คอนโดไปโรงพยาบาล เสร็จแล้วก็จะมาส่งที่คอนโด ก็นัดกันตามนั้น และประเมินเบื้องต้นว่าไม่น่าจะมีใครเห็นว่าเราไปโรงพยาบาลแม่และเด็กด้วยกัน.....การโทรศัพท์ครั้งนี้ ฟังเสียงแล้วเขาดูเป็นคนน่ารักขึ้นมาก ให้ความร่วมมือดี หวังว่าเขาจะให้ความร่วมมือดีๆ แบบนี้ตลอดไปนะ นาวจะได้ไม่มีเรื่องเครียดเพิ่ม ตอนพบเจอกันในฐานะเพื่อน เวลามองหน้าจะได้ไม่รู้สึกหงุดหงิดใจ........
.........สองสามวันมานี่มีเลือดออกนิดๆ หน่อยๆ นาวก็ใจเสีย เอเจ้าตัวเล็กจะเป็นอะไรหรือเปล่า และยิ่งเมื่อคืน ตอนนอนอยู่ ข้างในท้องมันเคลื่อนตัวปู๊ดไป ปู๊ดมาอยู่สัก 3-4 ครั้ง ถ้าเป็นตอนที่ท้องโตแล้วเราก็จะคิดว่า เด็กดิ้น แต่นี่เพิ่งตั้งท้องก็เลยยิ่งกังวลว่าสุดที่รักในท้องจะเป็นอะไรหรือเปล่า ต้องรออีกตั้งหลายวันกว่าจะได้ไปหาหมอ เจ้าตัวเล็กต้องแข็งแรงนะ อย่าเป็นอะไรให้แม่กังวล แล้วนี่ตอนกลับจะต้องนั่งเครื่องบินกลับด้วย ก็ยังเสียวอยู่เลยว่าจะเป็นอะไรหรือเปล่า แค่ตอนมาขนาดยังไม่เริ่มแพ้ท้อง ก็มวนท้องจะแย่ แล้วยิ่งตอนนี้เริ่มแพ้ท้องแล้ว ฮือ ต้องเตรียมใจในความทรมานเลยเชียว.........
....................เจ้าตัวเล็กสู้ไปพร้อมแม่นะ...........
### ซาบซึ่งกับทุกกำลังใจ และขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำค่ะ นาวจะพยายามลองปฏิบัตินะคะ###
มันคงไม่ลับอีกต่อไปแล้วล่ะ ถ้าคุณมะนาวยังมาประกาศหลาให้คนได้อ่านแบบนี้แสดงว่าคุณมะนาวยังตัดพ่อของลูกไม่ได้ (หรือว่าเรื่องที่เขียนเล่ามานี้ ไม่เป็นเรื่องจริง) ข้อแนะนำคือ ให้คิดถึงลูกที่จะเกิดมาและอนาคตของลูกให้มากๆ โตขึ้นเขาจะมีปมด้อย เวลาเพื่อนถามว่าพ่อเป็นใคร อยู่ที่ไหน จะให้เขาตอบว่าอย่างไร จริงอยู่ตอนที่เด็กยังไม่รู้ความเขาอาจจะยังไม่คิดอะไร แต่เมื่อเขาโตขี้นล่ะ.....ปัญหาสังคมชัดๆ จากความมักมากของผู้ใหญ่โดยเฉพาะบุพการี ผมเองก็เป็นลูกที่เกิดจากความไม่ต้องการของพ่อซึ่งผมไม่เคยรู้จักและไม่เคยได้พบหน้า ผมจึงรู้ถึงความทุกข์ทรมานใจว่ามันว้าวุ่นแค่ไหน แม้แต่ตอนนี้ที่ผมเป็นพ่อของลูกถึง 3 คน ผมก็ยังคิดถึงความเป็นมาในชีวิตของผมอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นผมขอเถอะถ้าคืนดีกับพ่อของเด็กได้น่าจะเป็นการดีถึงจะอยู่แบบเปิดเผยไม่ได้ ก็อยู่มันแบบปกปิด
......จากประสบการณ์ที่ไม่ได้อยู่กับพ่อของลูกคนแรก...พบว่า.....คนต่างๆ ในสังคมจะบอกว่าผู้หญิงต้องอดทน ต้องเสียสละ ต้องทำเพื่อครอบครัว ถ้ารักลูกก็ต้องอดทน ต้องอยู่เพื่อรักษาความเป็นครอบครัวไว้ ถ้าพ่อแม่แยกกัน ลูกก็จะมีปัญหา มีปมด้อย.......แต่นาวไม่เชื่อเช่นนั้น.....ถ้าจัดการความสัมพันธ์ให้ลงตัวได้โดยให้มีผลกระทบกับลูกน้อยที่สุด และมีการสื่อสารกับลูก กับคนแวดล้อม ทำความเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องปฏิบัติต่อการสื่อสารกับเด็กด้วยกัน.....เด็กก็ไม่มีปัญหา....ทุกคนที่รู้จักต้นกล้า รู้จักครอบครัวพ่อต้นกล้าและนาวต่างทราบคำตอบว่าเขาไม่มีปัญหาเลย....และเป็นเด็กน่ารักมาก.....
..........และสำหรับลูกคนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่ทราบว่าใครเป็นพ่อ นาวมั่นใจว่าจากประสบการณ์ที่เคยสร้างความเข้าใจกับต้นกล้า จะช่วยให้นาวสื่อสารกับเขาได้ และเลี้ยงดูเขาให้เติบโตมาด้วยความอิ่มในใจ ไม่รู้สึกขาด.......เมื่อเขาเติบโตมาจนถึงวัยที่เข้าใจชีวิต เข้าใจโลกเพียงพอ นาวก็อาจบอกเขาว่าพ่อเขาคือใคร ซึ่งก่อนบอกนาวก็ต้องถามความคิดเห็นจากพ่อของเขาก่อนด้วย....ก็อย่างที่บอกเขาอาจไม่พร้อมที่จะมาเป็นพ่อของเด็ก แต่เราก็ยังเป็นเพื่อนกัน....เมื่อเราบังคับให้ใครเป็นดั่งที่เราต้องการไม่ใด้ ก็ทำความเข้าใจกันและกัน และจัดการความสัมพันธ์ให้ลงตัวที่สุดเท่าที่จะทำได้
.......คงบอกไม่ได้ว่า จะไม่มีผลกระทบใดๆ เลย.....แต่ในหน้าที่แม่ นาวก็ต้องทำให้ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยที่จะเกิดมา.....ซึ่งคำว่าดีที่สุด นาวว่าไม่ใช่ คำว่าต้องอยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก.....หรือการที่ต้องรู้ว่าพ่อเป็นใคร....เพราะไม่แน่ว่ายิ่งรู้ ก็อาจยิ่งมีปมด้อย อาจคิดมากก็ได้......ไม่ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้.....เส้นทางบนโลกใบนี้ไม่ได้มีเส้นทางเดียว และคำตอบบนโลกใบนี้ไม่ได้มีเพียงคำตอบเดียว............
........แต่ละคนมีสถานการณ์ชีวิตที่แตกต่างกัน การเหมารวมว่าทั้งหมดเป็นเพราะ ความมักมากของผู้ใหญ่ นาวมองว่าคงไม่เหมาะสม ผู้ใหญ่แต่ละคนก็เจอกับเหตุการณ์ในชีวิตที่แตกต่างกัน เอาใครไปตัดสินใครไม่น่าเหมาะ และการว่ากล่าวกันด้วยคำพูดร้อนแรง จะได้เพียงความสะใจแต่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ ในการจัดการปัญหา
.................ขอบคุณค่ะที่ร่วมแสดงความคิดเห็น.........