จักรยาน


จักรยาน

         เด็กๆกับจักรยานจะเป็นของที่คู่กันหรือเปล่าผู้เขียนไม่รู้ แต่จักรยานทำให้พวกเราเด็กๆไปมาได้อย่างรวดเร็วเพราะตอนเป็นเด็กเราต้องการที่จะเล่นซนไปตามประสาเด็ก     จักรยานคันแรกของผู้เขียนเป็นจักรยานคันใหญ่ยี่ห้องเฟสสัน    เป็นจักรยานที่พ่อและแม่ซื้อให้ตอนที่ผู้เขียนอยู่โรงเรียนชั้นประถมปีที่ 4 ซึ่งผู้เขียนก็จำจนทุกวันนี้ว่าคนที่จูงจักรยานมาหาผู้เขียนคือพ่อและมีแม่คอยช่วยประคองด้านหลังไม่ให้เสียหลักล้มลง   พ่อและแม่ผู้เขียนขี่จักรยานไม่เป็น     ภาพที่เห็นจึงเป็นจักรที่เป๋ไปเป๋มา   (ถ้าขี่จักรยานไม่เป็นการจูงจักรยานก็จะไม่เป็นไปด้วย     มันคอยจะล้มอยู่อย่างนั้น)       จักรยานของพ่อคันใหญ่มากในขณะที่ผู้เขียนตัวเล็กเวลาที่ขี่ก็เหมือนกับว่าตัวเราต้องคอยโหนแฮนด์จักรยานตลอดเวลา     โรงเรียนผู้เขียนอยู่ห่างจากบ้านประมาณเกือบสองกิโลเมตร    ผู้เขียนต้องซ้อนน้องสาวไปด้วยคนหนึ่ง    กว่าผู้เขียนจะโตพอที่ขี่จักรยานได้โดยนั่งบนเบาะจักรยานคันนั้นก็เกือบพังแล้ว   

          เพื่อนผู้เขียนคนหนึ่งอยู่บ้านเลยจากผู้เขียนไปอีกใกล   มีจักรยานตั้งแต่อยู่ประถมต้นทุกๆวันมันจะขี่จักรยานมาเรียกผู้เขียนที่หน้าบ้าน   ให้ไปโรงเรียนพร้อมมันแต่ผู้เขียนก็ไม่ได้ซ้อนท้ายมันไปหรอกเพราะจักรยานมันคันเล็กมากบางทีก็อาศัยให้เพื่อนเอากระเป๋านักเรียนวางซ้อนท้ายไปด้วย     ผู้เขียนเองก็อยากได้แต่พ่อมาซื้อให้ตอนที่น้องเริ่มเข้าโรงเรียน   พ่อคงเห็นว่าผู้เขียนต้องมีน้องไปเรียนด้วย   ในยามหน้าหนาวเราเดินไปโรงเรียนกว่าจะถึงก็หนาวมาก   ตอนที่ผู้เขียนเป็นเด็กตัวเล็กๆ  เวลาถึงฤดูหนาวรู้สึกว่าหนาวมากเหลือเกิน   ทางเดินที่ต้องไปโรงเรียนในความรู้สึกของผู้เขียนมันก็แสนใกล  

         ผู้เขียนขี่จักรยานเป็นก่อนที่พ่อจะซื้อรถจักรยานให้หลายปี   ผู้เขียนขอเพื่อนหัดบ้างบางทีก็ขอยืมของคนข้างบ้านขี่บ้าง    ถนนบ้านผู้เขียนเป็นทางดินเทหน้าด้วยลูกลังเวลาหน้าฝนผิวหน้าถนนก็จะเป็นหลุมเป็นบ่อมากไม่เสมอเหมือนในปัจจุบันนี้      เวลาที่มีรถใหญ่วิ่งบรรทุกพวกพืชผลทางการเกษตรหรือรถสิบล้อขนดินวิ่งมากๆถนนก็จะพังได้อย่างง่าย  ดายบางครั้งก็มีรถติดหล่มดิน      และทุกๆปีหลังฤดูฝนทางการก็จะมีงบประมาณให้หมู่บ้านซื้อหินคลุกหรือลูกลังมาเทปรับหน้าถนนให้เสมอ   การเทก็จะใช้รถสิบล้อขนมาเทและเทไว้เป็นกองๆ    ทิ้งไว้อย่างนั้นหลายวันกว่าจะมีรถเกรดมาปาดเกลี่ยให้เสมอกัน       ผู้ใหญ่หลายคนเวลาไปมาทำธุระระหว่างกันก็จะขี่จักรยาน   หาคนที่มีรถยนต์หรือจักรยานยนต์ได้น้อย       การหัดจักรยานของผู้เขียนนั้นกว่าจะเป็นได้ขาสองข้างมีแต่แผลเป็น     บางครั้งก็หล่นลงไปในบ่อข้างถนน   ตกลงไปหลายครั้ง   เสร็จแล้วก็ลากจักรยานขึ้นมาและขี่ต่อเป็นอยู่อย่างนั้นประจำ   

          วันหนึ่งเกือบจะถึงเวลาเคารพธงชาติ   แล้วผู้เขียนนึกขึ้นได้ว่ามีงานประดิษฐ์ที่ต้องส่งให้ครูในวันนี้ถ้าไม่ส่งก็จะถูกครูทำโทษได้  (ทำโทษก็คือตีด้วยไม้เรียวหลายทีตีเจ็บจริงครูคนนี้  ไม่รู้เวลาตีลูกจะตีอย่างนี้หรือเปล่า  พ่อแม่ผู้เขียนเวลาพบกับครูก็บอกว่าให้ตีมันได้  ลูกถูกตีมาคราวใดก็ไม่เคยว่าครูกับบอกว่าลูกไม่ดีครูจึงต้องตี  บางครั้งตีจนเป็นแนวหลายแนวเลย  ถ้าเป็นสมัยนี้มีหวังพากันไปฟ้องปวีณาแล้ว )  ผู้เขียนขอยืมจักรยานคู่ชีพเพื่อนรักรีบปั่นบ้านเอางานมาส่งครู     ถนนลูกรังกว้างพอที่รถใหญ่จะวิ่งสวนกันได้   ผู้เขียนขี่จักรยานเป็นได้ไม่นานจึงขี่ได้ไม่ตรงทาง   ขี่คดไปคดมาทั้งถนน   ขณะนั้นเองมีจักรยานยนต์หนึ่งวิ่งสวนมาผู้เขียนจำได้ว่าเป็นน้าชาชีพกับแฟนเขานั่นเอง    วันนั้นเป็นวันพระสองคนนี้กำลังจะไปทำบุญที่วัด     แฟนน้าชีพแต่งกายเต็มยศชุดไทยสวย งาม     ผู้เขียนเคยแอบมองแฟนน้าชีพเสมอ    เห็นว่าเธอเป็นสวยคนหนึ่งในหมู่บ้านเราเลย      ขณะนั้นเองเราขับสวนทางกัน   จักรยานผู้เขียนและรถมอเตอร์ไซน้าชีพก็หลบกันไปมา    ผู้เขียนเสียหลักล้มลงอย่างแรง   มอเตอร์ไซน้าชาติพุ่งไปอยู่ในนาข้าวน้าชาติและแฟนก็ล้มกลิ้งอยู่ข้างรถของเขา     ทันทีที่แฟนน้าชีพลุกขึ้นนั่งได้เธอก็ร้องโวยว้ายด้วยความโมโหด่าทอผู้เขียน      และให้รางวัลผู้เขียนด้วยรองเท้าสองข้างของเธอที่บินมาหาผู้เขียนทีละข้าง      น้าชีพไม่ว่าอะไรกับห้ามปรามแฟนสาว    เป็นอันว่าวันนั้นสองน้าไม่ได้ไปทำบุญเพราะปิ่นโตและขันข้าว แยกกันคนละทาง     หล่นคว่ำอยู่ในนาข้าว   เสื้อผ้าสองน้าเปราะดิน   ส่วนผู้เขียนลุกขึ้นได้ยกมือไหว้ขอโทษคว้าจักรยานไปต่อ  (เผ่นสิอยู่ได้หรือแม่เสือร้ายกำลังคำรามสนั่นทุ่ง)    

        จักรยานสำหรับผู้เขียนเมื่อออกจากโรงเรียนแล้วก็ยังคงใช้เป็นของคู่กายเสมอไม่ว่าจะไปไหน    ขี่ได้ไปได้ใกลหลายกิโลเมตร    มีอยู่ครั้งหนึ่งเมื่อย้ายบ้านมาอยู่อำเภอพุทธมณฑลแล้วมีเรื่องน้อยใจแม่กับพ่อผู้เขียนก็ขี่จักรยานออกจากบ้านไปตามสายสุพรรณบุรีตลิ่งชัน  เมื่อเกือบยี่สิบปีก่อนนั้นถนนสายสุพรรณบุรีตลิ่งชันมีถนนสองฝั่งตรงเป็นร่องน้ำ  สองข้างทางมีร้านขายสินค้าและขายต้นไม้จำนวนมาก  ทุกระยะทางประมาณ 500 เมตรก็จะมีศาลารอรถเป็นศาลาที่มีจั่วแหลม  ทุกวันนี้ศาลาแบบนี้เหลืออยู่ไม่กี่หลัง  ผู้เขียนขี่จักรยานไปเรื่อย ๆ  อาศัยไฟถนนในยามค่ำคืนเป็นเพื่อน    ยิ่งดึกรถก็ยิ่งน้อย  เมื่อมองดูป้ายบอกทางก็เห็นว่าไปสุพรรณ    ผู้เขียนยังคงขี่ไม่หยุด    ดึกมากแล้วผู้เขียนอยู่ที่สี่แยกนพวงศ์   แต่ก็ตัดสินใจไม่หยุด จนเหนื่อยมากจึงหยุดพักนอนที่ศาลา ไม่เคยไม่ความคิดว่ากลัวเลยในเวลานั้น       ใช้เวลาสองวันจึงไปถึงอำเภอบ้านแพนจังหวัดอยุธยา   ไม่รู้ว่าไปถึงได้อย่างไรทั้งที่ไม่ได้ตั้งใจจะไปที่นั่นเลย           เมื่อเข้าไปที่ตลาดบ้านแพนผู้เขียนก็เริ่มเปลี่ยนความคิด    เริ่มคิดได้ว่าโลกของความเป็นจริงนั้นมันสับสนวุ่นวายหรือเกินมีคนมากมายที่เราไม่รู้จัก   ผู้เขียนเข้าไปที่วัดแห่งหนึ่งเพื่อไปขอข้าวพระกิน    ด้วยความเป็นเด็กจึงได้กินข้าว   จำได้ว่าผู้เขียนไม่ค่อยพูดอะไรกลัวและไม่ค่อยไว้ใจใคร   แม้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นพระ   ท่านถามผู้เขียนว่าหนีใครมาผู้เขียนก็เฉย  ท่านถามผู้เขียนว่าทำความผิดอะไรมา      ผู้เขียนก็เฉย   สุดท้ายท่านว่าถ้าไม่ได้ทำผิดอะไรก็จงกลับบ้าน   คนเราถ้าไม่ทำความผิดก็ต้องอยู่สู้กับความจริง   ไม่วิ่งหนีปัญหา  ต้องหันหน้าเข้าหาปัญหา  ใช้ความดีเข้าสู้        เมื่อออกมาพ้นประตูวัด        ผู้เขียนตัดสินใจขี่จักรยานย้อนทางกลับมาสู่เส้นทางเดิมกลับมายังบ้านที่ผู้เขียนเองเคยคิดว่าทุกคนไม่เข้าใจและไม่รัก     ทำร้ายจิตใจผู้เขียนเหลือเกิน   

        ผู้เขียนรู้แล้วว่าชีวิตไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลย     ได้รู้ว่าโลกนี้มีสิ่งที่เราไม่รู้จักต้องมากมาย     จะให้อารมณ์นำพาเราไปได้อย่างไร    ปีนั้นเป็นปี 2533  ผู้เขียนอายุ 14 ปี        ขี่จักรยานอยู่ 3 วัน 2 คืน   หลังจากวันนั้นมาผู้เขียนก็ได้คิดว่าไม่มีที่ไหนที่อบอุ่นและปลอดภัยเท่าบ้านที่มีพ่อและแม่  เรื่องนี้เกิดได้ 20 ปีแล้ว  (วันนี้ปี 2553)

คำสำคัญ (Tags): #จักรยาน
หมายเลขบันทึก: 439122เขียนเมื่อ 12 พฤษภาคม 2011 23:30 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มิถุนายน 2012 21:33 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท