“หลงตัวเองรูปหล่ออย่างเงี้ยะยังไม่มีใครมอง” ยังจำประโยคนี้กันได้ไหม ผู้เขียนชอบมากเลย จะยิ้มจะเยาะก็เชิญครับพี่น้อง ก็นี่มันชีวิตของผู้เขียนนี่นา ผู้เขียนรู้จักเจ้าสิ่งที่เรียกว่าความรัก เรียนรู้ที่จะรัก ชอบสาวตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อไล่ลำดับความคิดย้อยทวนกลับไปในอดีตความรู้สึกนี้ครั้งแรก ก็พลันคิดถึงหญิงที่เราประทับใจในวัยเด็กน้อย คงเหมือนภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน ก็เป็นสิ่งที่เราเป็นฝ่ายคิดเองไปตามประสาเรานั่นเอง เป็นธรรมดาถ้าอยู่ใกล้ใครที่เขาดีกับเราก็พลอยทึกทักเอาเองว่าเขารักเขาชอบ
แฟนฉันคนแรกก็น่ารักเสียเหลือเกิน พ้นโรงเรียนประถมไม่นานเท่าไหร่ก็ได้ข่าวแฟนฉันได้สามีเป็นเพื่อนเล่นเพื่อนเรียนกันมา บ้านอยู่ใกล้ๆกันเธอคงไม่รู้ว่ามีคนชอบเธออยู่แต่นั้นมันก็ความคิดแบบเด็กๆเรา พอรู้ข่าวไม่รู้ว่าแบบนี้จะเรียกว่าอกหักครั้งแรกได้หรือเปล่า
เมื่อออกมาผจญโลกภายนอกชีวิตทำไมมันสนุกอย่างนี้ เที่ยวสิครับ ไปเรื่อย ๆ เมื่อเริ่มทำงานในที่ทำงาน ก็ได้พบสาวน้อยคนหนึ่งเป็นน้องของเพื่อนสาวน้อยวัยใส รูปร่างเบาะบางผิวขาวผู้เขียนเป็นเงางามน่าประทับใจ เราคุยกันบ่อยเข้าผู้เขียนก็ยิ่งหวัง ยิ่งอยากอยู่ใกล้ ทำอะไรอยู่ตรงไหนใจก็คิดคำนึงถึงแต่หน้าหญิงสาว สิ่งเดียวที่ผู้เขียนฝันหวานคือเธอ และแล้ววันหนึ่งเธอหายไปกับชายคนหนึ่ง ฝันเฟื่องเรื่องแฟนฉันจึงจบ
เมื่อไปเรียนหนังสือเรื่องรักก็เกิดหลายคราว อย่างว่า อกหักดีกว่ารักไม่เป็น เมื่อคิดเห็นอย่างนั้นผู้เขียนก็รักไปเรื่อยรักทิ้งรักขว้าง ก็ให้ได้รัก หลายครั้งหลายคราว ก็ไม่เห็นเป็นเรื่องเข็ดหลาบ วันหนึ่งตอนในยามเย็นผู้เขียนก็ได้พบว่ามีตำรวจ 2 นายมารอพบ เห็นหน้ากันไม่ทันได้ถามให้ได้ความเลยก็หิ้วปีกผู้เขียนไปในบัดดล แล้วนี่มันอะไรกันหนา กว่าจะเข้าใจเรื่องก็ถึงสถานีตำรวจแล้ว
พอเดินขึ้นไปบนสถานีตำรวจมีคนหลายคนนั่งอยู่บริเวณระเบียง พอเห็นหน้าผู้เขียนหนึ่งในนั้นก็พูดขึ้นมาเลยว่า “อ้อไอ้คนนี้หรือ” และก่อนที่ผู้เขียนจะได้เข้าไปในห้องสอบสวนของตำรวจผู้เขียนสังเกตุว่ามีดวงตาหลายคู่จับจ้องมายังผู้เขียน แล้วนี่มันเรื่องอะไรกันนี่ เมื่อมองผ่านกระจกเข้าไปในห้องสอบสวนก็เห็นตำรวจกำลังสอบสวนหญิงสาวคนหนึ่งอยู่ เป็นสาวน้อยที่ผู้เขียนเคยไปส่งเธอที่บ้านบ่อยๆ หมู่บ้านสวัสดิการการบินไทย วันนั้นผู้เขียนได้รับข้อความให้ไปหาเธอหลายครั้ง ติดต่อกันแต่ผู้เขียนไม่ได้ติดต่อกลับไป ตอนนี้ผู้เขียนเริ่มปะติดปะต่อเหตุการณ์ ร้อยเวรสอบสวนแจ้งให้ผู้เขียนทราบข้อกล่าวหาและเริ่มตั้งคำถาม ข้อมูลที่ผู้เขียนได้รับทราบจากตำรวจก็คือว่าวันนี้บ้านของญาติผู้ใหญ่ของเธอซึ่งเธออาศัยอยู่ด้วยถูกขโมยเข้าไปลักทรัพย์มีทรัพย์สินมีค่าหลายรายการที่หายไปและที่สำคัญเธอบอกแก่ญาติเธอว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับผู้เขียนและในวันวันนั้นผู้เขียนและเพื่อนได้เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าวและได้ลักทรัพย์ออกมา เมื่อเกิดเหตุอย่างนี้ผู้เขียนจึงถูกหิ้วมาสอบสวนอย่างเร็วในเย็นวันนั้น การสอบสวนของร้อยเวรครั้งแรกจะเป็นการแยกสอบสวนและอีกครั้งจะสอบสวนพร้อมๆ กัน ก็ไม่เมื่อในความเป็นจริงผู้เขียนไม่ได้กระทำไม่รู้เรื่องเลย แต่เธอคนนั้นกลับบอกกับตำรวจหน้าตาเฉยเลยว่าเห็นว่าผู้เขียนเป็นผู้กระทำ นี่มันเป็นการนำคุกมามอบให้ผู้เขียนโดยแท้ เวลานั้นผู้เขียนไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไรเมื่ออยู่ต่อหน้ากันและต่อหน้าตำรวจผู้เขียนไม่โวยวายต่อว่าอะไรเธอ แต่ผู้เขียนได้สอบถามเธอว่าวันนี้ที่เธอว่าพบกับผู้เขียน ผู้เขียนใส่เสื้อผ้าสีอะไร แล้วเจอกันตอนไหน ซึ่งคำตอบแน่นอนหละเธอตอบไม่ถูกเพราะเราไม่ได้เจอกันจริงและอีกหลายคำถามที่ถามแล้วเธอตอบไม่ถูกมีความประหม่าและพูดขัดกันเองในหลายเรื่อง ลงท้ายวันนั้นตำรวจไม่ได้ตั้งข้อหาผู้เขียน โดยปล่อยให้ผู้เขียนกลับบ้าน ส่วนเธอและญาติยังคงอยู่ต่อเพราะเรื่องที่ของในบ้านญาติเธอหายเป็นเรื่องจริง แต่สิ่งที่ผู้เขียนได้รับคือการใส่ร้าย อีกนัยหนึ่งคือโยนความผิดมาให้ วันนั้นถ้าหากว่าผู้เขียนไม่สามารถอธิบายได้ หรือเขามีหลักฐานที่สอดคล้องกับคำให้การของคนพวกนั้น ผู้เขียนเองก็ไม่รู้ว่าชีวิตผู้เขียนจะเป็นอย่างไร หลังจากวันนั้นผู้เขียนก็ระวังเรื่องการคบหากับหญิงสาวมากขึ้นไม่ว่าเป็นใคร เขียนมาถึงตอนนี้แล้วให้นึกถึงบทกลอนของสุนทรภู่ เรื่องพระอภัยมณี ตอนที่สุดสาคร ถูกชีปะขาวหรอกผลักตกหน้าผาแล้วพระฤษีก็มาช่วย เป็นกลอนที่มีความสละสลวยไพเราะมาก
แล้วสอนว่าอย่าไว้ใจมนุษย์ มันแสนสุดลึกล้ำเหลือกำหนดถึงเถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคนมนุษย์นี้ที่รักมีสองสถาน บิดามารดารักมักเป็นผลที่พึ่งหนึ่งพึ่งได้คือกายตน เกิดเป็นคนคิดเห็นจึงเจรจาแม้ใครรักรักมั่งชังชังตอบ ให้รอบคอบคิดอ่านนะหลานหนารู้อะไรไม่สู้รู้วิชา รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดีฯ
เรื่องในครั้งนั้นทำให้ผู้เขียนระมัดระวังเรื่องหญิงสาวมากขึ้น ความงามความสวยของเธอจะเป็นสิ่งที่ทำร้ายชีวิตของเราได้อย่างไม่น่าเชื่อ หลายปีหลังจากวันนั้นผู้เขียนได้รับโทรศัพท์จากเธอคำแรกที่เธอถามผู้เขียนคือสบายดีไหม ผู้เขียนบอกเธอว่าผู้เขียนสบายดี แต่ถ้าให้ดีเธออย่าโทรมาหาผู้เขียนอีกเลยจะดีกว่าเรื่องที่ผ่านไปแล้วผู้เขียนไม่อโหสิให้ ปีที่มีเรื่องผู้เขียนอายุ 19 ปี หลังจากนั้นผู้เขียนก็ยังมีรักได้ อีกหลายรักแต่เป็นรักแบบรอบคอบรักและระมัดระวัง จนสุดท้ายผู้เขียนก็ได้พบกับคนที่ผู้เขียนบอกกับตัวเองว่านี่หละคือผู้ที่ผู้เขียนจะฝากชีวิตไว้กับเธอและจะดูแลเธอตลอดไป
อาจเป็นเพราะเราคู่กันมาแต่ชาติไหน จะรัก รักเธอตลอดไป เป็นลมหายใจของกันและกัน
ไม่มีความเห็น