การพัฒนาวิธีการตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำทะเล ด้วยวิธี membrane filter (บทสรุป)
หลังจากเราเตรียมความพร้อมทางด้านเอกสารกันแล้ว และรอสารเคมีที่สั่งซื้อจากเมืองนอกมาพักหนึ่ง เมื่อของพร้อมคนพร้อม เราก็เริ่มดำเนินการตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำทะเลของห้องปฏิบัติการเรากันได้แล้ว โดยมีขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1. เตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับตรวจวิเคราะห์
การตรวจฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ต้องไม่ให้เกิดการปนเปื้อนจากแหล่งต่างๆ ที่สำคัญ คือ ภาชนะ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการทดสอบ ได้แก่
- เครื่องแก้ว เช่น Plate Cylinder Pipette ชุดกรอง ขวดแก้วที่ใช้ในการทดสอบ ให้หุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์ และนำไปอบที่ 170 °C เป็นเวลา 1 ชั่วโมง
- ขวดเก็บตัวอย่าง ขวดเจือจาง ขวดบัฟเฟอร์ ให้ทำการฆ่าเชื้อด้วยหม้อนึ่งอัดไอที่ 121 °C เป็นเวลา 15 นาที
2. เตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อ m-FC Agar
เตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อ m-FC agar ตามวิธีทดสอบที่ห้องปฏิบัติการได้จัดทำขึ้น แต่การเตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อชนิดนี้จะแตกต่างจากเดิมที่เราเคยเตรียมกันมา เนื่องจากการเตรียม m-FC agar จะต้องใส่ Rosolic acid ลงไปเพื่อเป็นการกำหนดสีของโคโลนีของเชื้อฟีคัลโคลิฟอร์ม และ Rosolic acid สลายได้ง่ายที่อุณหภูมิสูง เราจึงไม่สามารถนำ Agar เข้าทำการฆ่าเชื้อในหม้อนึ่งอัดไอได้ เราทำได้โดยการฆ่าเชื้อภาชนะทุกอย่างที่ต้องใช้ในการเตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อ รวมทั้ง Plate ที่ใช้เทอาหาร โดยทำการละลายอาหารเลี้ยงเชื้อ m-FC agar ที่อุณหภูมิพอเดือดเพื่อให้ Agar ละลาย แล้วเติม Rosolic acid ลงไป และเมื่ออุณหภูมิของอาหารเลี้ยงเชื้อที่เตรียมไว้ลดลงถึงประมาณ 50 °C ให้เทอาหารประมาณ 6-7 มล. ลงใน plate ที่ได้ฆ่าเชื้อเตรียมไว้แล้วให้ท่วมแผ่น Absorbent pad วางทิ้งไว้ให้อาหารแข็ง แล้วนำเข้าเก็บในตู้เย็น สามารถเก็บได้เป็นเวลา 72 ชั่วโมง
3. ตรวจวิเคราะห์ตัวอย่างน้ำทะเล
นำตัวอย่างน้ำทะเลที่ไปเก็บมาจากเกาะสมุย มาทำการตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรีย ดังนี้
- เลือกปริมาตรตัวอย่างที่จะทำการทดสอบ ขึ้นกับระดับการปนเปื้อน
(เพื่อให้เกิดโคโลนีบนแผ่น Membrane Filter ประมาณ 20-60 โคโลนี)
- ติดตั้งชุดกรองตัวอย่างที่ผ่านการฆ่าเชื้อกับแท่นกรอง ใช้ปากคีบ คีบแผ่นกรองวางบนฐานกรอง ใช้คีมหนีบให้แน่น
- ล้างกระดาษกรองด้วยสารละลายบัฟเฟอร์ 2-3 ครั้ง เขย่าขวดตัวอย่าง กรองตัวอย่างน้ำในปริมาตรที่ต้องการ ทำการล้างรอบๆ ปากกรวยด้วยสารละลายบัฟเฟอร์ 2-3 ครั้ง
- ใช้ปากคีบ คีบแผ่นกรองออกจากชุดกรอง นำไปวางลงบนอาหารเลี้ยงเชื้อ m-FC Agar วางด้วยความระมัดระวัง อย่าให้เกิดฟองอากาศ แล้วใช้ปากคีบกดขอบกระดาษกรองให้สัมผัสกับอาหารเลี้ยงเชื้อให้ทั่วแผ่น
- ปิดฝาจานเพาะเชื้อ และทำการเพาะเชื้อที่อุณหภูมิ 44.5 ± 0.2 °C เป็นเวลา 24 ± 2 ชั่วโมง
- นับและบันทึกโคโลนีที่ติดสีน้ำเงินที่พบในระดับปริมาตรที่ให้โคโลนีอยู่ในช่วง 20-60 โคโลนี โดยนับโคโลนีที่มีสีน้ำเงินอ่อนถึงเข้มทั่วทั้งโคโลนี หรือบางครั้งอาจพบสีน้ำตาลหรือสีครีมที่กลางโคโลนี มีลักษณะกลมเรียบ มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1- 6 มม.
4. การอ่านผลการทดสอบ
เลือกระดับการเจือจางที่มีการเจริญของโคโลนีของฟีคัลโคลิฟอร์ม อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับ เท่ากับ 20-60 โคโลนี/1 แผ่นกระดาษกรอง และนำไปคำนวณตามสูตร
CFU / 100 ml. = จำนวนโคโลนี (typical colony) x 100
ปริมาตรของตัวอย่างน้ำที่นำมากรอง (ml)
5. ทำการตรวจยืนยันเชื้อที่เจริญบนอาหาร m-FC agar
ในช่วงแรกของการตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มในน้ำทะเล เนื่องจากผู้ทดสอบยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน การแยกชนิดของเชื้อที่เกิดบนอาหาร m-FC agar อาจไม่ถูกต้อง ทำให้ต้องมีการตรวจยืนยันว่าเชื้อที่เจริญเป็นเชื้อ Fecal Coliform Bacteria ตามขั้นตอนดังนี้
- เขี่ยโคโลนีที่ต้องการทดสอบว่าเป็น Fecal Coliform ลงใน MacConkey broth
- ทำการเพาะเชื้อที่อุณหภูมิ 35 ± 0.5 °C เป็นเวลา 18-24 ชั่วโมง
- หลอดที่เกิดแก๊สและสีของ MacConkey broth เปลี่ยนเป็นสีเหลือง แสดงว่าเป็นโคโลนีของ Fecal Coliform
6. การรายงานผลการทดสอบ
6.1 กรณีที่ไม่พบการเจริญของโคโลนีของทุกการเจือจาง ให้รายงาน < 4 CFU/100 ml.
6.2 กรณีพบการเจริญของโคโลนีมากกว่า 200 โคโลนี ให้รายงานเป็น
TNTC : too numerous to count
6.3 กรณีพบการเจริญของโคโลนีเชื่อมไปยังโคโลนีอื่น จนไม่สามารถนับได้ ให้รายงานเป็น
CG : confluent growth
6.4 ถ้าไม่มีผลเนื่องจากโคโลนีเติบโตกลืนกันหมด มีจำนวนโคโลนี TNTC หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการทดสอบ ให้รายงานผลว่าไม่มีข้อมูลและให้ระบุสาเหตุ
7. ข้อปรับปรุง
7.1 การเตรียมอุปกรณ์สำหรับการวิเคราะห์
ในการเตรียมอุปกรณ์ ผู้จัดเตรียมต้องสวมใส่ถุงมือทุกครั้งที่มีการสัมผัสกับอุปกรณ์ต่างๆ และต้องใช้อลูมิเนียมฟอยด์หุ้มอุปกรณ์ทุกชิ้นก่อนทำการฆ่าเชื้อ เพื่อลดการปนเปื้อนที่จะส่งผลต่อการตรวจวิเคราะห์
7.2 การเลือกปริมาตรน้ำตัวอย่างที่ใช้ทดสอบ
จากผลการทดสอบที่ได้ พบว่าจำนวนโคโลนีส่วนใหญ่ไม่อยู่ในช่วง 20-60 โคโลนี ตามที่วิธีทดสอบกำหนด ซึ่งอาจทำให้ผลการทดสอบไม่ได้ค่าที่ถูกต้อง จึงควรทำการปรับปรุงการตรวจวิเคราะห์ โดยการเลือกปริมาตรน้ำตัวอย่างที่ใช้หรือเจือจางตัวอย่างให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลของโคโลนีที่เกิดบนอาหารอยู่ในช่วง 20-60 โคโลนี
7.3 การตรวจวิเคราะห์
การเลือกปริมาตรน้ำตัวอย่างน้ำทะเลที่ใช้ในการทดสอบต้องมีปริมาตรที่พอเหมาะที่จะทำให้ได้โคโลนีของเชื้อที่เกิดบน m-FC agar อยู่ในช่วง 20-60 โคโลนี เพื่อให้ได้ผลการทดสอบที่เป็นไปตามวิธีทดสอบกำหนด ซึ่งอาจจำเป็นต้องใช้ประสบการณ์ในการทำการทดสอบเป็นอย่างมาก
7.4 การตรวจยืนยันเชื้อ
ให้มีการตรวจยืนยันโคโลนีที่เกิดบน m-FC agar โดยการเขี่ยโคโลนีที่สงสัยหรือต้องการยืนยันว่าเป็นฟีคัลโคลิฟอร์มลงในอาหารเลี้ยงเชื้อ MacConkey broth บ่มเชื้อที่ 35 ± 0.5 °C เป็นเวลา 18-24 ชั่วโมง โคโลนีที่เกิดแก๊สและเปลี่ยนสีเป็นสีเหลืองถือว่าให้ผล +
จากการศึกษาเอกสารเพิ่มเติมพบว่าสามารถใช้ EC broth เป็นตัวยืนยันเชื้อฟีคัลโคลิฟอร์มได้ ดังนั้นเพื่อให้สะดวกกับการทำงาน เป็นประหยัดงบประมาณในการซื้ออาหารเลี้ยงเชื้อ และลดขั้นตอนการทำงานที่ต้องเตรียมอาหารเลี้ยงเชื้อหลายตัว จึงปรับปรุงให้มีการใช้ EC broth แทน MacConkey broth ในการตรวจยืนยันเชื้อฟีคัลโคลิฟอร์ม
8. สรุปผลการพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มในน้ำทะเลของห้องปฏิบัติการ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 14
จากการพัฒนาวิธีวิเคราะห์หาปริมาณฟีคัลโคลิฟอร์มแบคทีเรียในน้ำทะเล พบว่าห้องปฏิบัติการสามารถตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มได้ แต่ต้องทำการปรับปรุงรายละเอียดของการตรวจวิเคราะห์ตามข้อ 6 เพื่อให้ได้ผลการตรวจวิเคราะห์ที่ถูกต้องมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้การพัฒนาการตรวจวิเคราะห์ฟีคัลโคลิฟอร์มในน้ำทะเลของห้องปฏิบัติการ ยังเป็นการพัฒนางานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจวิเคราะห์ของห้องปฏิบัติการในหลายๆ ด้าน ดังนี้
ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ ขอรายละเอียดของอาหารเลี้ยงเชื้อด้วยค่ะ