ในการทำงานกับผู้ป่วย หลายคนแปลกใจว่าทำไมผู้ป่วยและญาติต้องรอพี่พยาบาลคนนั้นมา รอพี่คนนี้มา ทั้งๆที่เขาก็ทำหน้าที่อย่างเดียวกัน เหมือนกัน...
จริงๆ มันเกิดจากการที่ว่า..ถ้าตัวเรา..ต้องการขอความช่วยเหลือจากใครสักคน เราเองก็จะต้องดูต้องคอยสังเกตก่อนล่ะว่า คนนี้ คนนั้น พอจะเป็นไปได้หรือเปล่านะ ถ้าเอ่ยปากกับเขา หรือเข้าไปหาเขาแล้ว เขาจะมีไมตรีต่อเราหรือว่ากล่าวเราออกมา !
ในใจของผู้รับบริการทุกคนก็เป็นเช่นนี้ คิดเช่นนี้ ..เหมือนกันหมด
มันเหมือนกับเส้นผมบังภูเขานะ ในยามที่เราเป็นผู้ป่วยหรือมาเยี่ยมญาติเราน่ะจะเข้าใจความต้องการตรงนี้ ชัดเจน
แต่เมื่อเรามาเป็นผู้ให้บริการ หลายคนกลับทำในแบบที่ไม่ตรงใจกับผู้ป่วยเลย
กลับยึดหลักทางตำราเด่นอย่างเดียว ในด้านพฤติกรรมง่ายๆ กลับมองข้าม
ทั้งๆ ที่รู้แต่ก็ยึดตนเองเป็นศูนย์กลางและบอกถึงระเบียบซะงั้น
มองข้ามคำว่า จิตเป็นนาย..กายเป็นบ่าวไป
หลายเรื่องหลายราวที่สร้างความเดือดร้อนใหญ่โต ก็มาจากสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
รอยยิ้มนั้นคู่กับอาชีพการบริการมานานแล้ว รอยยิ้มก็มีกันหลายแบบ ในแบบที่เหมาะกับงานของเราก็เป็นอะไรที่มีคุณค่าอย่างมาก มันมีค่ามากกว่าเงินทอง
มันมีค่ามหาศาลทั้งๆ ที่ลงทุนเพียงน้อยนิด
ชุดคำที่กล่าวกันจนชิน ก็คือ มองหน้า สบตา ยิ้ม ทักทาย ก็เป็นชุดคำที่ดีมากๆ ทำให้หลายคนเปลี่ยนบุคลิกกันไป ทำให้คนในองค์กรมีสัมพันธภาพที่ดีต่อกัน สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการพัฒนาไปสู่องค์กรในดวงใจของผู้รับบริการได้
สำหรับในอาชีพการให้บริการนั้น การแต่งกายยูนิฟอร์มนี่ก็จำเป็นนะ
ทำให้มีบุคลิกที่น่าเชื่อถือ ยิ่งประกอบกับการมีสายตา กิริยาที่พร้อมจะช่วยเหลือ
ใจดีพร้อมสละเวลาให้กับผู้ป่วยและญาติ ธุระของผู้ป่วยและญาติมาก่อนเสมอ ยิ้มแย้มแจ่มใส
สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะนำมาซึ่งความไว้ใจ การมีมิตรไมตรีต่อกัน การระลึกถึงกัน อาทรกัน เป็นห่วงเป็นใยกัน มีมะม่วงก็ตั้งใจนำมาฝาก มีชมพู่ก็ขนมา มูลค่าอาจไม่มากนัก
แต่หากได้เห็นได้รับรู้ถึงความตั้งใจของเขาก็จะรู้ว่ามันมากมายเท่าที่ชีวิตของเขาพึงมีพึงได้และเขาก็นำมันมาให้เรา ความรู้สึกอย่างนี้มันมีอยู่จริง และมีมานานแล้ว
แม้ในขณะนี้ก็ยังคงมีอยู่ หากเราผู้ให้บริการยังคงทุ่มเทให้กับการดูแลผู้ป่วยอย่างแท้จริง อย่างที่ญาติและผู้ป่วยเขาฝากชีวิตไว้ให้ ความไว้ใจจะมีให้คุณอย่างเต็มเปี่ยม แม้ญาติเขาจะเสียชีวิตเขาก็จะเข้าใจ
ขอบคุณ สำหรับความคิดดีๆๆเเบบนี้ค่ะ