Study Tour in Northern Shan State, Myanmar (Day 5)


เช้าวันนี้ตื่นเช้าเป็นพิเศษในเวลา 0500 น. ทั้งนี้ก็เพราะไม่ได้สอบถามเวลาตื่นนอนตอนเช้าของวัดกองมูคำ เพราะที่นี่พระเณรต้องตื่นนอนประมาณตีสี่ ทำวัตรสวดมนต์เสร็จจึงฉันภัตตาหารในเวลา 0500 น. ต้องรีบทำธุระส่วนตัว ก็เพียงล้างหน้าแปรงฟันเท่านั้น เพราะอากาศหนาวมาก จากนั้นจึงลงไปฏันภัตตาหารเช้า ก็เป็นข้าวซอยแบบไต ซึ่งก๊คือก๋วยเตี๋ยวนั่นเอง วันนี้เป็นอข้าซอยเนื้อ พร้อมผักดองและเครื่องปรุ่งครบครัน

ฉันเสรํจก็มานั่งฉันน้ำชาที่กุฏิ รอจายแลงวัน(จายหาญ)ที่นัดหมายว่าจะมาพบ จนกระทั่งจายแลวันมาถึงจึงได้สนทนากันถึงงานของเครือข่ายพระสงฆ์และชาวพุทธเพื่อสังคมในรัฐฉานที่ดำเนินการมาพอสมควรแล้ว พร้อมทั้งการเดินทางเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในแถบนี้ ก็ตกลงว่าวันนี้จะเดินทางข้ามไปเที่ยวชมเมืองมาว หรือเมืองลุ่ยลี่ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ในตอนเช้า และเที่ยวชมเมืองน้ำคำในตอนบ่าย โดยท่านวิสุทธะเมตตารับเป็นผู้นำชมโดยมีรถของวัดไปส่ง จากนั้นก็ออกเดินทางไปข้ามทางเล็ก ซึ่งเป็นทางข้ามฝั่งชายแดนจีนโดยทางเรือ ข้ามน้ำป้อที่ไหลลงสู่น้ำมาว เป็นทางพิเศษสำหรับผู้ที่ไม่ต้องใช้บัตรผ่านเข้าออกเมืองตามปกติ ทั้งนี้ก็เพราะไม่สามารถข้ามแดนตามปกติได้เพราะวีซ่าเดินทางเข้าประเทศพม่าเป็นประเภทเข้าออกได้เพียงครั้งเดียว (Single Visa) ปกติผู้ข้ามเรือต้องจ่ายค่าโดยสาร ซึ่งไม่ทราบจำนวน แต่สำหรับพระสงฆ์แล้วผู้ให้บริการเรือไม่เก็บค่าโดยสารแต่อย่างใด เมื่อข้ามชายแดนแล้วก็รอรถจากวัดหลวงจอมเมือง ในเมืองลุ่ยบี่มารับเพื่อให้บริการนำเที่ยวชมเมืองลุ่ยลี่ ท่านสุนทระได้ทำหน้าที่เป็นพนักงานขับรถนำเราไปแวะชมวัดเจเก่า ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านเจเก่า ที่เดิมเป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีความสงบตามสมควร ทั้งนี้เพราะเส้นทางการค้าเดิมระหว่างพระพม่ากับจืนนั้นเป็นเส้นทางที่เมืองน้ำคำซึ่งอยู่ห่างออกไปอีกประมาณ 25 กม. หมู่บ้านเจเก่าปัจจุบันนี้แรสภาพกลายเป็นเจตเสรษฐกิจการค้าขายชายแดนจีนกับพม่าไปแล้ว วันเจเห่าปัจจุบันนั้ก็ยังเป็นวัดที่ถูกย้ายจากสถานที่ตั้งเดิมที่อยู่ติดกับเขตแดนพม่า เพื่อจัดเป็นด่านและร้านค้าพาณิชย์สำหรับธุรกิจการค้าระหย้างประเทศจีนกับพม่า อย่างไรก็ตามในวัดแห่งใหม่นี้ก็ยังทำหน้าที่วัดในพระพุทธศาสนา เป็นสถานที่ศึกษาของพระเณรและบำเพ็ญกุศลของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ที่ผนังวิหารมีภาพวาดเรื่องราวของความเชื่อท้องถิ่นที่น่าสนใจ คือ ตำนานข้าวของชาวไต ที่แม้พระพุทธองค์ยังให้ความสำคัญถึงขนาดต้องแบกขึ้นหลังเลยทีเดียว เราแวะรับจายแลงวันที่วัดนี้เพื่อที่จะไปชมเมืองลุ่ยลี่ด้วยกัน แต่เนื่องจากจายแลงวันมีงานด่วนจึ่งขอตัวไม่ร่วมเดินทาง พวกเราเดินทางผ่านสพานข้ามน้ำมาวสู่เมืองลุ่ยลี่ ซึ่งกำลังพัฒนาด้านสาธารณูปโภคขนานใหญ่ มีการขยายพื้นที่ทางการค้าธุรกิจมากมาย มีเสียงการตอกเสาเข็มปละเครื่อจักรก่อสร้างกำลังทำงานอย่างอึกกระทึกคึกโครม

ไม่ไกลจากสะพานบ้ามน้ำมาวมากนักเราก็มาถึงวัดหลวงจอมเมือง ซึ่งเป็นวัดที่สร้างใหม่เป็นวัดไตประจำเมืองลุ่ยลี่ มีท่านวิสุทธิเป็นเจ้าอาวาส นอกจากนี้ท่านยังดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอด้วย สภาพวัดมีอาคารสิ่งปลูกสร้างไม่มากนัก มีอาคารวิหารหนึ่งหลัง มีอาคารสำนักงานพร้อมเป็นที่พักพระสงฆ์ ที่วัดนี้มีการจัดการเรียนการสอนพระปริยัติธรรม และส่งพระเณรไปศึกษาต่อที่สิบสองปันนาจำนวนไม่น้อย และอีกจำนวนหนึ่งถูกส่งไปศึกษาต่อที่ประเทศศรีลังกาและประเทศไทย ท่านวิสุทธิได้นำพวกเราไปที่ศาลากลางหมู่บ้าน บ้านเจเหนือ ซึ่งมีกิจกรรมการเลี้ยงฉลองการอุปสมบทพระใหม่ซึ่งมีพี่น้องไตมาจากเมืองวัน บ้านเกิดของพระใหม่ และอีกหลายเมืองมาร่วมงานเลี้ยงอาหารกลางวัน และพวกเราก็ฉันภัตตาหารเพลที่นี่ สำหรับเมนูวันนี้ก็มีหลายอย่างมาก ตั้งแต่ปลานึ่งน้ำพริกแดง ขนมจีนเครื่องใน .. หลังจากฉันเพลเห็นพระที่ไปร่วมฉันด้วยกันเตรียมที่นอนเลยให้นึกสงสัยว่าจะให้นอนพักหรือไร ความก็มีว่าได้มีการจัดเตรียมที่นอนให้นอนพักรอญาติพี่น้องที่จะเดินทางไปเที่ยวชมเมืองลุ่ยลี่ด้วยกัน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน จึงเลือกที่จะไม่นอนแต่เดินย่อยอาหารอยู่บนอาคาร ประมาณสามสิบนาทีทุกอย่างก็พร้อม เราจึงออกเดินทางไปเที่ยวชมเขตอุทยานน้ำตกโมลิ (Moli Waterfall) หรืออุทยานเทหง ชาวพุทธไตรู้จักในนามป่าเลไลยก์ เมืองโกสัมพี ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างทางจากเมืองลุ่ยลี่ไปเมืองขอน ก่อนข้ามสะพานข้ามน้ำมาวจะมีถนนปูด้วยหินตรงขนานกับน้ำมาวขึ้นไปเรื่อยๆประมาณสองกิโลเมตรก็จะมีทางแยกซ้ายมือเข้าเขตอุทยาน ถึงประตูเก็บค่าผ่านเข้าชม ผู้ใหญ่ราคา 50 หยวน เด็ก 25 หยวน และมีผู้ที่ถูกยกเว้นค่าเข้าชมด้วย เช่นพระสงฆ์ ทั้งนี้เพราะในเขตอุทยานยังมีพุทธสถานเช่นวัดและรอยพระพุทธบาทอยู่ด้วย เนื่องจากคณะไปกันจำนวนถึง 79 คน หากต้องจ่ายหัวละ 50 หยวน ก็คงเป็นเรื่องใหญ่ จึงมีการเจรจาขอลดราคา ด้วยวิที่การทั้งที่ละมุนละม่อมและการข่มขู่ผสมกันไป ที่สุดก็ได้ลดราคาค่าเข้าชมโดยการเหมาจ่ายทั้งหมด 500 หยวน ถึงที่จอดรถพวกเราก็เดินชมรอยพระพุทธบาท วัด ผืนป่าซับน้ำ ตลอดทางมีป่า มีที่พัก มีสะพาน ซึ่งเมื่อคนจำนวนมากเดินไปคุยกันไปก็ดูเหมือนจะลืมความเหนื่อยไปได้บ้าง กระทั่งถึงน้ำตกโมลิ เป็นระยะทาง 1469 เมตร เมื่อเห็นน้ำตกสูงสวยงามก็ทำให้หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง แต่ละคนก็หามุมถ่ายภาพตัวเองตามชอบใจ ในขณะที่พวกเราก็หามุมทีคิดว่าสวยที่สุดถ่ายรูปไปชุดใหญ่ จนรู้สึกว่าพอใจก็ทะยอยกันกลับตามชอบใจด้วยเช่นกัน ระหว่างทางที่ลงมาจากน้ำตกประมาณสักครึ่งทางเป็นจะได้ ฝนก็เริ่มตกปรอยๆ และก็เพิ่มความหนักขึ้นตามลำดับ ทำเอาคนที่ลืมถือร่มลงไปจากรถต้องหาที่กำบัง กระทั่งมีโยมผู้ใจบุญเสียสละร่มให้บังฝนกลับออกมา ทั้งๆที่ไม่ค่อยจะรู้สึกดีนักที่ปล่อยให้เจ้าของร่มต้องฝ่าสายฝนออกมาจากป่า เรามานั่งพักที่จอดรถซึ่งมีร้านค้าของที่ระลึกและอาหารเครื่องดื่ม ฉันน้ำส้มที่ญาติโยมนำมาถวายเสร็จก็ขึ้นรถกลับออกมาจากอุทยาน

เรากลับมาที่บ้านเจเหนือ แวะชมธาตุกองมูหัวมาว หรือธาตุหมีคำ ซึ่งเป็นธาตุเก่าแก่ประจำเมือง มีเรื่องเหล่าว่าในการพัฒนาเมืองที่ผ่านมา รัฐบาลจีนที่เข้ามาพัฒนาเมืองลุ่ยลี่พยายามจะขุดพระธาตุย้ายออกไป แต่มีเหตุถัยร้ายแก่ผู้ที่จะย้าย จึงทำให้เป็นที่กล่าวขานถึงความสักสิทธิ์ขององค์พระธาตุ เรากราบนมัสการพระธาตุและถ่ายรูปเป็นี่พอใจก็กลับลงมา พบท่านเลขานุการเจ้าคณะอำเภอนำคณะและท่านสุวรรณมาสมทบ และนำเราไปที่ร้านอาหารไกล้พระธาตุนั่นเอง ซึ่งเป็นญาติโยมอุปฐากของที่เลขาฯ เพื่อฉันน้ำปานะและพูดคุยกันตามสมควร จากนั้นเราก็พากันออกจากร้านอาหารไปต่อที่ศาลากลางบ้านเจเหนือ เพราะคณะญาติพระใหม่ประสงค์จะถวายทาน ซึ่งนับเป็นความน่ารักของคนไตที่นิยมทำบุญเป็นอย่างมาก หลังจากญาติโยมทำพิธีกั่นตอและถวายทานเสร็จ พระสงฆ์อนุโมทนา เสร๊จก็ลงมาถ่ายภาพร่วมกัน จากนั้นจึงอำลากันและแยกย้ายกันกลับ พวกเราออกมาทางถนนสายเก่าเข้าเมืองลุ่ยลี่ ท่านสุนทระและท่านกอนคำขับรถนำเราผ่านหลางเมืองลุ่ยลี่ ย่านการค้า ถนนสายต่างๆ กระทั่งออกจากเมืองข้ามสะพานน้ำมาวมุ่งหน้าสู่ท่าเรือ ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณสองทุ่ม หลังจากสอบถามท่าเรือก็พบว่ายังคงมืเรือให้บริการ เรารออยู่พักหนึ่งเรือจึงออกจากท่า ปรากฏว่ามีแต่พวกเราสามรูปเท่านั้นในเรือเที่ยวนั้น เมื่อถึงฝั่งพม่ารถท่านวิสุทธะก็พร้อมรอรับพวกเราอยู่แล้ว เรากลับมาถึงวัดกองมูคำก็นั่งฉันน้ำชากันต่อ พร้อมกันนั้นก็ประสานรถจายเต็งเพื่อเที่ยวชมเมืองน้ำคำและกลับเมืองลาเชียวในวันรุ่งขึ้น พร้อมกันนั้นท่านวิสุทธะก็นัดเจ้าอาวาสวัดมหาวันในเมืองมู่เส่ เพื่อไปเยี่ยมในเช้าวันรุ่งขึ้นด้วย สักพักใหญ่เราจึงแยกย้ายกันเข้าพักผ่อน

หมายเลขบันทึก: 438092เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2011 15:46 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท