Study Tour in Northern Shan State, Myanmar (Day 3)


ตื่นนอนตอนเช้า ประมาณเวลา 0600 น. วันนี้ฝนยังคงตกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เป็นฝนที่ตกไม่มาก พอให้ได้ยินเสียง และอาจทำให้เราไม่ได้เที่ยวในเมืองลาเซียวก็เป็นได้ จากนั้นเราก็ได้รับนิมนต์ให้ไปฉันอาหารเช้าที่หอฉัน มีอาหารหลายอย่าง ทั้งน้ำพริกคั่วกุ้ง ผัดผัก ย้ำปลาแห้งทอด แกงวุ้นเส้น ขนมข้าวโพดทอด ขนมงาขาว เป็นต้น

ฉันเสร็จเราได้ไปกราบพระพุทธพระเจ้าอินทร์สาน ในวิหารหลวง จากนั้นก็มาพัก รอฝนที่ยังคงตกอยู่อย่างต่อเนื่อง เหมือนว่าจะไม่หยุดเสียแล้ว คงต้องรออีกสักพัก(ไม่รู้ว่านานแค่ไหน)ถึงจะได้ออกไปเดินดูเมือง ตุ๊แก้วออกมาบอกว่าไปเที่ยวไม่สนุกแน่ ให้นอนที่นี่อีกคืน เรื่องใหญ่ล่ะสิตอนนี้

เวลาประมาณ 0915 น. ฝนเริ่มเบาลงมากแล้ว อีกทั้งไม่แน่ใจว่าจะตกอีกนานจนไม่สามารถกำหนดว่าจะไปเที่ยวได้หรือไม่ จึงได้ตัดสินใจออกเดินทางไปเที่ยวในเมือง เริ่มต้นที่ตลาดเมืองลาเชียว เป็นตลาดใหญ่ มีของขายจำนวนมาก ที่ประเภทเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้นานาชนิด หนังสือ เครื่องประดับ ทั้งสำเร็จรูป ประสั่งตัดตามสัดส่วนได้ รวมทั้งประเภทอาหารการกิน คล้ายตลาดต้นลำใยหรือตลาดวโรรส เชียงใหม่ ส่วนสินค้าเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นสินค้าจากประเทศจีน แม้จะมีสินค้าไทยอยู่บ้างก็เป็นเปอร์เซ็นต์น้อยมาก นอกจากนี้นก็เป็นสิน้าท้องถิ่น บนชั้นสองของตลาดที่ร้านตัดเย็บเสื้อผ้าจำนวนมาก รวมทั้งร่านอาหาร และที่น่าสนใจก็คือมีร้านทำทองอีกจำนวนหนึ่ง ที่มีช่างทองคำพื้นบ้านทำทองคำประดิษฐ์ให้ลูกค้าที่มาสั่งทำกำลังนั่งทำทองอย่างขมีขะมัน ก็ได้เพียงแค่เดินชมตลาอเท่านั้น เพราะไม่รู้จะซื้ออะไร ไม่ใช่ไม่ถูกใจ แต่เกรงใจเจ้าของร้านที่ไม่สามารถสื่อภาษากันได้ เพราะที่นี่ใช้ภาษาพม่าเป็นส่วนใหญ่ ในการสื่อสาร แม้คนส่วนใหญ่ที่นี่จะเป็นคนไตก็ตาม ออกจากตลาดเดินหารถตุ๊กๆ ที่ตกลงราคากันตั้งแต่ที่หน้าวัดให้มาส่งเที่ยวในเมืองลาเชียวสามแห่ง ในราคาหกพันจ๊าด ปรากฏหาไม่เจอ ท่ามกลางสายฝนที่เริ่มตกหนักขึ้นกว่าเดิม จึงสอบถามเพื่อนตุ๋กๆด้วยกัน บอกว่าเขาไม่รอแล้ว และสั่งให้รับต่อ ก็เลตกลงไปกับพี่ตุ๊กๆคันใหม่ พอเริ่มออกรถไปได้ไม่ไกลนักน้องตุ๊กๆคันเดิมก็ขับตามมาด้วยความเร็วพอสมควร เราชลอรถสอบถามกันจึงจำเป็นต้องลงมาขึ้นรถน้องตุ๊กๆคันเดิม (สงสัยว่าพี่ตุ๊กๆแกคงสมอ้างว่าเพื่อนไม่รอ เพื่อจะได้ลูกค้าขึ้นรถนะเอง)

จากนั้นก็ออกเดินทางไปที่วัด ซึ่งแปลว่าวัดมารวิชัย หรือวัดชนะมาร เป็นวัดที่สร้างขึ้นใหม่ มีเจดีย์ขนาดใหญ่ ภายในเป็นห้องโล่งบรรจุพระประธานและพระพุทธรูปตรงเสาขนาดใหญ่ตรงส่วนกลาง ระหว่างเสาที่ถ่ายน้ำหนักองค์เจดีย์เป็นที่จัดแสดงภาพจิตรกรรมและภาพนูน เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพุทธประวัติและประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา ผนังโดยรอบเป็นการแสดงภาพเขียนเกี่ยวกับวัดวาอารามสำคัญๆในประเทศพม่า ด้านนอกมีเจดีย์องค์เล็ก และพระพุทธรูปปางนาคปรก รวมทั้งอาคารอุโบสถ และวิหารบำเพ็ญบุญ มีตันโพธิ์ขึ้นอยู่ตรงกลางลานวัด ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกเป็นที่พอใจแล้วจึงเดินทางออกจากวัดกลับเข้ามาทางในเมือง ระหว่างทางก็แวะขึ้นไปที่ยอดดอยสูงกลางเวียงลาเชียว เพราะหากมองจากดอยแห่งนี้ก็จะเห็นบ้านเรือนของชาวเมืองลาเชียวตั้งอยู่โดยรอบ ดอยลูกนี้เป็นที่ตั้งวัดพระธาตุดอยกลางเวียง เป็นพระธตุเก่าแก่ สร้างมานานมาก และวัดที่มีพระสงฆ์อยู่อาศัย เป็นที่ตั้งโรงเรียนพระปริยัติธรรม ซึ่งสร้างมาเมื่อปี 2500 ที่ผ่านมานี่เอง บริเวณวัดมีพระเจดีย์ขนาดใหญ่พอสมควรตั้งอยู่ แต่ด้านหลังเจดีย์มีเสาสัญญาณโทรศัทพ์ตั้งอยู่เป็นฉากหลัง ดูช่างน่าชังเสียจริง ไหว้พระธาตุเสริจก็เดินชมวัดที่ดูเงียบเหงา ไร้เงาผู้คน ท่ามกลางสายฝนที่ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนัก ดูเมือนก้อนเมฆจะลอยต่ำลงเรื่อยๆ เลยต้องหลบฝนที่ศาลาชมวิวกระทั่งฝนเริ่มซาลง จึงเดินทางลงมาฉันเพลระหว่างทางกลับวัดไตกลางเวียง เป็นร้านอาหารสำเร็จรูปหลังคามุงด้วยไม้ไผ่สานคลุมด้วยพลาสติกอีกชั้นหนึ่งเพื่อกันฝน เป็นอาหารสไตล์พม่า มีเนื้อแดดเดียว ตับไก่ทอด ผัดดอกผักกาด เต้าหู้พม่า เม็ดถั่วผัด และผัดพักสีเขียวคล้ายผักกูด ส่วนที่ขาดไม่ได้ก็คือต้มส้มมะเขือใส่หน่อไม้และใบกระเจี้ยบ เป็นซุ๊ปประจำชุดอาหารพม่าที่แตกต่างกันไปในแตละท้องถิ่น น้ำเป็นอาหารที่อร่อยอีกมื้อหนึ่งในพม่า จากนั้นจึงเดินทางกลับวัดเพื่อมาพักผ่อน เก็บภาพที่ถ่ายลงในคอมฯ นั่งเขียนบันทึกและพักผ่อนจริงๆ

ตอนค่ำ ได้มีโอกาสออกไปเช็คอีเมล ตั้งแต่หนึ่งทุ่ม กว่าจะสรามารถเข้าเน็ตได้อย่างเป็นปกติ ก็ปาเจ้าไปชั่วโมงกว่าๆ เนื่องด้วยเน็ตทั้งช้า และหลุดง่าย ต้องใจเย็นรอจนกระทั่งเจ้าได้ก็ตอบเมลที่สำคัญไปบางเมลเท่านั้น จากนั้นก็กลับมาพักผ่อน(อีกแล้ว) เพื่อรอความตื่นเต้นที่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ เพราะจะได้มีโอกาสชมเมืองแสนหวี ที่ใฝ่ฝันอยากเห็นนักหนามานานมากแล้ว นอนเอาแรงก่อนก็แล้วกัน

ck'>�!��x������็นต้นมะพร้าว ต้นพิกุล ต้นบุนนาค และต้นดอกอีกไม่กี่ต้น

 

หลังจากอาบน้ำให้สดชื่นแล้ว เราก็ได้ออกไปเดินนอกวัด ขึ้นไปไหว้พระที่วัดบ้านสู้ (Wan Su Pagoda) จากนั้นก็กลับมาพักผ่อน วางแผนการเดินทางในวันรุ่งขึ้น

หมายเลขบันทึก: 438088เขียนเมื่อ 4 พฤษภาคม 2011 15:40 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท