สิ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการสอบสวนทางวินัยเป็นอย่างมากที่สุด และมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องโดยตรงกับกระบวนการสอบสวน ได้แก่ พยาน นั่นเอง และเมื่อพูดถึงคำคำนี้ หลายๆ คนก็คงจะได้ยินได้ฟังกันอยู่โดยทั่วไปแล้ว แต่ความหมายที่ถูกต้องจะเป็นอย่างไร บทบาทหน้าที่ของพยานเป็นอยู่ อย่างไร และมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการสอบสวนประการใด นั้น ก็คงจะมีอยู่อีกเป็นจำนวนมากที่ยังไม่ทราบอย่างชัดเจน ฉะนั้น จึงเห็นเป็นสิ่งที่น่าจะมีประโยชน์ ที่จะได้กล่าวถึงไว้ ซึ่งก็เชื่อว่าน่าจะทำให้หลายๆคน ได้มีความรู้และความเข้าใจบ้างตามสมควร
คำว่า พยาน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ได้ให้ความหมายไว้ 2 ลักษณะ คือ “1) เป็นคำนามคือพยานหลักฐาน เครื่องพิสูจน์ข้อเท็จจริง , ผู้ที่รู้เห็นเหตุการณ์หรือข้อเท็จจริงที่ใข้เป็นพยานหลักฐานเครื่องพิสูจน์ได้ และ 2) เป็นคำที่ใช้ในกฎหมาย คือ บุคคล หลักฐาน หรือวัตถุที่ใช้ในการยืนยันหรือพิสูจน์ข้อเท็จจริง”
และในความหมายที่เกี่ยวกับกฎหมายนี้ คือ “เป็นคำที่ถูกพูดถึงในวิชาที่ว่าด้วย กฎหมายลักษณะพยาน ซึ่งก็หมายถึงกฎหมายที่วางหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการพิสูจน์ข้อเท็จจริงโดยพยานหลักฐานว่า ในคดีแต่ละคดีนั้นมีข้อเท็จจริงใดบ้างที่จะต้องมีการพิสูจน์ ใครเป็นผู้มีหน้าที่ต้องพิสูจน์ พยานหลักฐานชนิดใดบ้างซึ่งอาจเสนอต่อศาลและศาลรับฟังได้ กระบวนพิจารณาในการนำพยาน หลักฐานเข้าสู่ศาล และการชั่งน้ำหนักพยานหลักฐาน และกฎหมายลักษณะพยานจัดอยู่ในประเภทของกฎหมายวิธีสบัญญัติ”
จาก 2 ย่อหน้าที่ข้างต้น คงจะพอทำให้เกิดมีความเข้าใจในความหมายของคำว่า พยาน เป็นพื้นฐานไว้มากขึ้นบ้าง แต่อย่างไรก็ตาม ก็ควรที่จะได้เข้าใจถึงความหมายที่มีความเกี่ยวข้องกับคำว่า การสอบสวนทางวินัย ไว้ด้วยว่า มีความเป็นอย่างไร ซึ่งก็จะหมายถึง “การรวบรวมพยานหลักฐาน หรือการดำเนินการอื่นใดในการที่จะทำให้ได้ทราบข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ หรือพิสูจน์เกี่ยวกับเรื่องที่กล่าวหาว่าบุคคลใดกระทำผิดวินัย เพื่อให้ได้ความจริงและความยุติธรรม ในการที่จะพิจารณาว่าผู้ถูกกล่าวหา ได้กระทำผิดวินัยจริงหรือไม่ อย่างไร และถ้ากระทำผิดวินัยแล้ว ควรจะได้รับโทษสถานใด” ประกอบกับสิ่งสำคัญที่เห็นได้จาก กฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) ที่ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา ในข้อ 12 ซึ่งเป็นการกำหนดหน้าที่หลักๆ และระยะเวลาของการทำหน้าที่ไว้ ก็คือ การรวบรวมพยานหลักฐานนั่นเอง
ฉะนั้น จากที่กล่าวมาแล้ว จึงน่าที่จะทำให้เห็นได้ว่าพยานมีความสำคัญต่อกระบวนการสอบสวน หรือการดำเนินการทางวินัยเป็นอย่างมาก เพราะพยานมีบทบาทสำคัญต่อการพิสูจน์ ข้อเท็จจริงและพฤติการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ว่าพยานหลักฐานจะเป็นของฝ่ายกล่าวหาและหรือฝ่าย ที่ถูกกล่าวหาก็ตาม ซึ่งเมื่อได้มีการพิสูจน์แล้วในที่สุดก็จะนำไปสู่การพิจารณาวินิจฉัยความผิด และการลงโทษนั่นเอง
นอกจากนี้ ในฐานะที่ผู้เขียนทำงานทางด้านวินัยอยู่ด้วยแล้ว ผู้เขียนก็อยากที่จะเสนอเป็นข้อสังเกตให้ไว้บ้างบางประการ ซึ่งจะเป็นสิ่งที่เกี่ยวกับการทำงานของผู้ที่เกี่ยวข้องในการดำเนินการทางวินัยในส่วนของการรับฟังพยานที่เห็นว่าจะน่าเชื่อถือนั้น เป็นอย่างไร โดยควรพิจารณาจาก สิ่งดังต่อไปนี้
- เกี่ยวกับข้อเท็จจริง
- เกี่ยวกับตัวบุคคล
มักเป็นไปตามดุลพินิจของผู้พิจารณาเป็นเรื่องๆ ไป ไม่มีกฎเกณฑ์ที่อาจวางไว้ ตายตัวได้ โดยส่วนมากจะเป็นไปตามหลักตรรกศาสตร์ หรือตามสามัญสำนึกของผู้พิจารณาเอง
สุดท้าย จากทั้งหมดที่กล่าวมานี้ ผู้เขียนหวังว่าคงจะทำให้ผู้อ่านได้มีความเข้าใจคำว่า พยาน มากขึ้น รวมทั้งการที่พยานมีความเกี่ยวข้องและสัมพันธ์กับการสอบสวนทางวินัยอย่างไรบ้างพอสมควร และสำหรับข้อสังเกตบางประการที่เกี่ยวกับพยานนั้น ผู้เขียนได้สรุปไว้เป็นหลักกว้างๆ ตามที่ได้ศึกษามา ซึ่งในการทำงานหรือการปฏิบัติหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้องกับการสอบสวนทางวินัยนั้น พยานหลักฐานจะเป็นลักษณะใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร หรือพยานวัตถุใด ๆ ก็จะขอให้ผู้อ่านได้พิจารณาใช้ดุลพินิจถึงความเป็นไปได้ หรือความน่าเชื่อถือของพยานอย่างเต็มที่ โดยยึดหลักเหตุผลเป็นแนวทางไว้ด้วย เนื่องจากมิใช่หลักเกณฑ์ที่ตายตัว เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถืออย่างมากที่สุดต่อไปด้วยนั่นเอง
************************
เอกสารอ้างอิง
กฎ ก.พ. ฉบับที่ 18 (พ.ศ. 2540) ออกตามความในพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ว่าด้วยการสอบสวนพิจารณา
เข็มชัย ชุติวงศ์ คำอธิบายกฎหมายลักษณะพยาน พิมพ์ครั้งที่ 5 พ.ศ. 2538 นิติบรรณาการ กรุงเทพฯ
คู่มือการดำเนินการทางวินัย กองวินัย สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน กันยายน 2531
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2535 พิมพ์ครั้งที่ 6 พ.ศ. 2539 อักษรเจริญทัศน์ กรุงเทพฯ
ไม่มีความเห็น