ลดความคาดหวังเมื่อใด ใจก็เป็นสุข


“ ความผิดหวัง เกิดจากการตั้งความหวังไว้ผิด ”

            ทุกครั้งที่ทำความสะอาดบ้าน มักจะพบว่าอารมณ์ของตัวเองขุ่นมัวหรือรกรุงรังไปกว่าความรกของบ้านเสียอีก ใจมันหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มันโกรธคนที่ทำรก ไม่ว่าจะเป็นตัวเองหรือสมาชิกในบ้าน ทำไปก็บ่น (ในใจ) ไป กว่าจะทำงานบ้านเสร็จก็จมอยู่กับกองทุกข์กองเบ่อเร้อ ไม่เพียงแต่บ่นนะคะ ยังรู้สึกว่างานบ้านมันทำไมถึงมากมายขนาดนี้ ทำเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักหมดสิ้น ดูมันไร้อนาคตอย่างบอกไม่ถูก

           ตั้งแต่จำความได้ก็เลิกทำงานบ้านตั้งตอนเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ตอนเด็กๆ คุณแม่ใช้ถูบ้าน ล้างจาน จนชิน ก็ไม่เห็นจะเคยบ่นอะไร ตอนเรียนเภสัชฯ ก็รับผิดชอบเฉพาะพื้นที่เล็กๆของตัวเองในหอพัก พอจบทำงานก็จ้างแม่บ้านโดยตลอด ด้วยเหตุผลที่ว่า คนทำงานไม่มีเวลาทำงานบ้านหรอก แต่เมื่อตัดสินใจออกมาทำงานอิสระ มีเวลามากขึ้น งานบ้านที่ว่าเราก็น่าจะทำเองได้แล้ว จึงเป็นจุดกำเนิดของการทำงานบ้านอีกครั้ง

          เคยนั่งทบทวนตัวเองอยู่หลายครั้งว่าทำไมถึงหงุดหงิด บางคำตอบก็บอกว่า... เราเคยเป็นหัวหน้า เป็นผู้จัดการ ไม่เคยต้องลงมือทำเอง มีแต่มอบหมายลูกน้องหรือคุณแม่บ้านที่เราจ้างมา พอมาทำเองมันก็เลย “งงๆ” เล็กน้อย นั่นก็เป็นเพียงเหตุผลเล็กๆเท่านั้น เปลี่ยนโจทย์ใหม่ก็ได้... เป็น “จะทำงานบ้านอย่างไร ให้ใจเป็นสุข” เออ...แค่เราเปลี่ยนคำถาม คำตอบที่ดีๆหลายอย่างก็ผุดปรากฏ

          คำตอบแรก ได้มาจากท่าน อ.ไชย ณ พล อัครศุภเศรษฐ์ ครูบาอาจารย์ที่เราเคารพรักยิ่ง ท่านสอนในคลาส Wisdom Exploration ว่า

               “ความผิดหวัง เกิดจากการตั้งความหวังไว้ผิด”

          พอลองมาปรับใช้กับงานบ้านพบว่า เราไปตั้งความหวังไว้ว่า... ทุกคนในบ้านต้องวางของเป็นระเบียบ เห็นอะไรรกรุงรังก็พากันเก็บ 555 !!! แค่ตั้งความหวังก็ผิดแล้ว ตัวเราเองยังทำไม่ได้เลย... OK พอไม่คาดหวัง และเริ่มยอมรับได้ถึงความรกของบ้านแล้ว ยังไงต่อดีล่ะ...

          แล้วเราคาดหวังอะไรอีกขณะทำความสะอาดบ้าน ? ความคาดหวังแรก คือ อยากให้สมาชิกในบ้านมาช่วยเราทำงานบ้าน ความคาดหวังที่สอง คือ งานบ้านน่าจะเสร็จตามเวลาที่กำหนดหรืองานบ้านต้องสำเร็จเสร็จสิ้นในคราวเดียว

          พอพิจารณาความคาดหวัง พบว่า เมื่อวางความคาดหวังแรกลงไปได้ ใจก็เป็นสุขขึ้นมาระดับหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับความคาดหวังที่สอง เราต้องยอมรับก่อนว่างานบ้านไม่เคยสิ้นสุด เมื่อเราทำสะอาดแล้ว มันก็สามารถรกได้อีก หากเราเอาจิตใจไปสนใจกับมันมากนัก ความทุกข์ก็รอคอยเราอยู่เหมือนข้าที่ซื่อสัตย์ รอคอยเจ้านายเรียกใช้ พอวางความคาดหวังที่สองลงได้อีก ความสุขก็เข้ามามากมายจริงๆ

          เมื่อความคาดหวังของเราอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่ว่าไม่ตั้งความคาดหวังนะคะ แต่ให้อยู่กับปัจจุบัน เช่น คาดหวังว่าช่วงเวลานี้เราจะทำความสะอาดครัวให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปคาดหวังทั้งบ้าน พอเราซอยย่อยความคาดหวังลง ปรากฏว่าความคาดหวังของเราก็สมหวังได้อย่างง่ายดาย

          อีกประเด็นที่สำคัญและได้เรียนรู้ คือ "การมีความสุขอยู่กับสิ่งที่ทำ" แม้ในขณะที่มือถือไม้กวาดกวาดพื้น หรือขณะเช็ดคราบที่เตาแก๊ส เราก็มีความสุขกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ มีความสุขที่พื้นสะอาดขึ้น มีความสุขที่เตาแก๊สสะอาดขึ้น รวมไปถึงมีความสุขที่ใจเราสะอาดขึ้น ปราศจากความคาดหวังผิดๆ ที่รังแต่จะนำความทุกข์มาให้  

         "ความสุข"  นี่หาง่ายจริงๆนะคะ

 

คำสำคัญ (Tags): #ทท
หมายเลขบันทึก: 436964เขียนเมื่อ 25 เมษายน 2011 15:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:42 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (4)

สวัสดีค่ะ ขอบคุณบทความดีดีค่ะ

เมื่อก่อนก็เป็นแบบนี้ค่ะ แต่ตอนนี้บอกกับตัวเอง ไม่เป็นไร เอาเวลาและพลังงานที่มีไปทำอย่างอื่นที่ทำให้เราสุขใจดีกว่า บ้านคนอยู่ไม่ใช่พิพัธภัณท์ไม่ต้องเนี้ยบเกินไปก็ได้ เจ้านายไม่มาประเมิณผลการทำงานที่บ้านหรอก ถึงมาก็ไม่เป็นไร... อิอิ

เกิดแล้วดับ สะอาดแล้วก็สกปรก เป็นเรื่องธรรมชาติ ธรรมชาติหรือธรรมะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ทำไมยากนักหนาที่จะเริ่มปฏิบัติ น่าเห็นใจ

ถ้าลงมือทำในสิ่งที่คุณสนใจอยู่เสมอ อย่างน้อยจะมีคนคนหนึ่งที่พอใจ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท