โรงเรียนปัญจรักษ์


โรงเรียนปัญจรักษ์

     โรงเรียนปัญจรักษ์ .... จริงๆ แล้วอยากบันทึกถึงตั้งนานแล้วล่ะ เพื่อเตือนความจำของตนเอง เคยคิดมานานแล้วเหมือนกัน แต่ก็คิดเรื่อยเปื่อยไม่คิดจริงจังอะไร และคิดว่าคงทำไม่ได้ เพราะมันคงใช้งบประมาณเยอะมาก คงไม่มีความสามารถที่จะหางบประมาณได้ ... แต่แล้ว..ความคิดก็ตกผลึก ตกลงว่าจะทำ....เมื่อวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๕๓.... วันแม่แห่งชาติ....ต้องทำ ทำ และจะต้องทำให้ได้ ...เริ่มจากการศึกษากฎหมาย ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง จนทำให้ทราบว่าจะต้องทำอะไรบ้าง ก่อน หลัง ... วุ่นวายพอสมควร และช่วงเวลานั้น มันเหมือนกับว่า เราเบื่อหน่ายที่ทำงานของเราที่ทำอยู่ปัจจุบัน ทั้งเรื่องงาน เรื่องผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงาน และนักเรียน ก็เลยหาทางออก...โดยการหางานให้ตัวเองทำ ปกติก็จะทำงานให้มากอยู่แล้ว เพราะจะได้ไม่ว่าง ไม่ต้องคิดอะไร ก็เลยแบ่งเวลาครึ่งหนึ่งมาทำงานเอกสาร ตระเวนดูโรงเรียนเอกชนแถวๆ บ้าน ไกลสุดคงเป็นโรงเรียนอนุบาลที่จ.มุกดาหาร และจ.กาฬสินธุ์ ไปดูรูปแบบอาคารเรียน การจัดบริบทของเขา แต่ก็ไม่มีที่ใดถูกใจเลย เพราะเกือบทั้งหมด อยู่อย่างแออัด ร้อน ไม่ร่มรื่น ต้นไม้ไม่มี มีสระว่ายน้ำราคาหลายล้านบาท ... จึงได้นำสิ่งที่ได้ไปพบเห็นมา ที่เป็นข้อบกพร่องเราจะไม่ทำ ที่เป็นข้อดีจะทำตามและจะทำให้ดีขึ้นไปอีกกว่าต้นแบบ.... เริ่มจากชื่อโรงเรียน...จะชื่อว่าอย่างไรดี??? จะมีคำว่าอนุบาลด้วยหรือไม่ หรือจะมีคำว่าวิทยา พิทยา ที่ให้ความหมายเกี่ยวกับความรู้ ... สุดท้ายลงที่นามสกุลของ kruaew คือ ปัญจรักษ์ หมายถึง การดูแล รักษา ธำรงไว้ซึ่งสิ่งสำคัญทั้ง ๕ ให้คงอยู่ในสังคมไทยเราตลอดไป ประกอบด้วย ๑.ความกตัญญูต่อพ่อ แม่และผู้มีพระคุณ ๒. การยึดมั่นและทำความดี ๓. การศึกษา แสวงหาความรู้ ๔. การดำรงชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ๕.การสืบสานวัฒนธรรม และประเพณีไทยอันดีงาม... โรงเรียนปัญจรักษ์ ชื่อนี้จึงได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการในครอบครัวก่อนอันดับแรก ... ภาระงานต่อมาก็คือหาช่างมาเขียนแบบแปลนอาคารเรียน ... โรงเรียนในฝันของ kruaew คือ เป็นห้องเรียน ๕ เหลี่ยมตามชื่อ ปัญจะ จะจัดบรรยากาศเหมือนรีสอร์ท ที่มีต้นไม้ ดอกไม้ ร่มรื่น สวยงาม ... แต่หาคนเขียนแบบแปลนยากมาก ... โครงการห้องเรียน ๕ เหลี่ยมจึงหยุดไป... กลายมาเป็นอาคารเรียนชั้นเดียว จำนวน ๘ ห้องเรียน เหมือนกับที่เคยไปเห็นมา แต่ส่วนใหญ่เขาจะสร้าง ๓ ห้อง หรืออย่างมากไม่เกิน ๖ ห้องเรียน .... แต่นี่...ในสมอง kruaew มีอะไรตั้งมากมายที่ต้องการให้มี ให้เกิดขึ้นที่โรงเรียนปัญจรักษ์ของตนเอง เราเป็นเจ้าของเอง ต้องการ ไม่ต้องการอะไร เราก็จัดการได้เลย ไม่ต้องรอ หรือแสดงความคิดเห็น อภิปรายในที่ประชุมให้เสียเวลา.... ก็เลยต้องสร้างหลายห้องเรียน สนองความต้องการตนเองเป็นเบื้องต้น... เพราะที่ผ่านมา เจอใคร หรือผู้บริหารที่ kruaew รู้จัก คุ้นเคย ท่านก็จะไล่ให้ไปสอบผู้บริหารโรงเรียน บุคลิกแบบนี้ ความสามารถอย่างนี้ต้องออกไปเป็นผู้บริหาร...จึงจะทำอะไรตามที่ตนเองต้องการได้....ช่วงหนึ่ง (บรรจุเป็นครูใหม่ๆ) เคยคิดว่าจะออกไปเป็นผู้บริหารโรงเรียน ... แต่อยู่ไปอยู่มา ความคิดเปลี่ยน เป็นผู้บริหารต้องรับผิดชอบเยอะมาก ดี ไม่ดี ก็ลงที่ผู้บริหาร และยิ่งโรงเรียนของรัฐด้วยแล้ว การบริหารจัดการยิ่งยากมาก ไปเจอผู้ใต้บังคับบัญชาที่มีรูปแบบต่างๆ ไป ถ้าเราต้องการผลสำเร็จของงานก็ยิ่งจะทำให้เราเครียดมากขึ้น..ผลตามมาคือ แก่ก่อนวัยอันควร อายุไม่ถึง ๔๐ ปี ผมหงอก หรือไม่ก็ผมร่วง ล้านเลี่ยน เพราะสุขภาพจิตไม่ดี และยิ่งอย่าง kruaew จากการประเมินตนเอง ไม่รู้จะได้เข้าโรงเรียนไหม? คงมีคนมายกป้ายต้อนรับขับไล่เป็นแน่แท้...และก็จะพูดเสมอว่า kruaew เป็นผู้บริหารโรงเรียนไหนก็ไม่ได้หรอก นอกจากโรงเรียนของตนเอง ...ซึ่งความฝันและคำพูดนั้น มันกำลังจะเป็นจริง ถึงแม้ว่าเราจะคิดเร็วว่าจะสร้างโรงเรียน แต่เรา....ลงมือปฏิบัติช้าไป (ยกเสาเอก เสาโท วันพฤหัสบดี ที่ ๑๗ มีนาคม ๒๕๕๔) ทำให้ ณ วันนี้อาคารเรียนยังไม่เรียบร้อย สำหรับปีแรก คงไม่เป็นไร ไม่มีคำว่าสายเกินไป หรือช้าเกินไป สำหรับการลงมือปฏิบัติ ... กำหนดวันที่อาคารเรียนแล้วเสร็จ มีความพร้อมทุกอย่างสำหรับการจัดการเรียนรู้นักเรียนระดับเตรียมอนุบาล อนุบาล และประถมศึกษา ในวันที่ ๒ พฤษภาคม ๒๕๕๔ และจะเปิดเรียนวันที่ ๑๘ พฤษภาคม ๒๕๕๔ ส่วนวันที่ ๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๔ นักเรียนโรงเรียนปัญจรักษ์ มารับชุดนักเรียนและอุปกรณ์การเรียน ความจริงแล้วก็ยังเหลือเวลาอีกเกือบ ๒๐ วัน แต่ก็ด้วยความเป็นคนเจ้าระเบียบ อะไรต้องถูกต้อง ทันเวลา จึงทำให้บางวันเครียดไปเหมือนกัน กลัวไม่เสร็จทันตามกำหนด...แต่ ณ วันนี้ ก็... หายใจโล่งขึ้นแล้วล่ะ  วันนี้คงบันทึกเท่านี้ก่อน วันต่อไปจะมีประสบการณ์การทำงาน การสร้างโรงเรียนมาเล่าให้ทุกท่านฟัง ว่ามันหนักหนาสาหัสจริงๆ กับการสร้างโรงเรียน...ไม่ใช้ธรรมดา ต้องมีความมุ่งมั่น ตั้งใจสูงมาก ไม่ย่อท้อต่อปัญหา อุปสรรคใด มีสติ และสมาธิในการแก้ปัญหาที่เข้ามารุมเร้า กำลังใจต้องดี คนในครอบครัวสำคัญมาก ให้กำลังใจ ดูแลในยามที่อ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจ เราก็จะสามารถก้าวผ่านสิ่งเหล่านั้นไปได้อย่างสง่างาม ซึ่งชีวิตนี้หาประสบการณ์เช่นนี้ไม่ได้อีกแล้ว...

หมายเลขบันทึก: 436870เขียนเมื่อ 24 เมษายน 2011 23:14 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:41 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

ไม่อนุญาตให้แสดงความเห็น
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท