ค่ายของse-ed photo camp
ณ se-ed learning center หนูได้ไปลงทะเบียนและไปฟังพี่ตั้มอธิบายเรื่องที่พักว่าเป็นยังไงและพอฟังเสร็จก็ไปขึ้นรถ bus และได้ไปถึงกำแพงเพชรตอน12.30นาทีและได้ไปอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชรไปถ่ายรูปที่ วัดช้างรอบ และมันมีช้างล้อมรอบอยู่ที่โบสถ์แต่ช้างงวงหักทุกตัวเลยเนื่องจากแผ่นดินไหวเมื่อนานมาแล้ว ต่อจากนั้นก็ไปที่ วัดพระนอน แต่ไม่เห็นพระแล้วเห็นแต่เท้าของพระเพราะแผ่นดินไหวเหมือนกันและดินที่เอามาปั้นพระและเสาต่างต่างทำด้วยดินแม่แรงเอามาผสมกับน้ำและเอามาปั้นเป็นรูปพระและเสาถ้าเป็นชิ้นเล็กๆก็ใช้ เวลา 24 ชั่วโมง ถึงจะแห้งแต่ถ้าชิ้นใหญ่ก็ใช้เวลา3-5ปีค่ะและก็ไปกินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่มีรสชาดอร่อยมากๆเลยค่ะ เป็นก๋วยเตี๋ยวแบบน้ำขลุกขลิก และได้กินขนมจีนรสเก็กฮวย ชาเขียว แครอท อัญชันด้วยน๊า จากนั้นน้องหนุน พี่นนท์ ตะวัน และปังปอนด์ และคณะ se-ed photo camp ก็เข้าที่พัก ชื่อ บ้านหมอรีสอร์ท ค่ะ
วัดช้างรอบ กำแพงเพชร
ปังปอนด์กำลังปีนขึ้นไปด้านบน บันไดชันมากเลยค่ะ
ช้างงาหักหมดเลยเนื่องจากแผ่นดินไหวในอดีตนานมาแล้ว
ดินแม่แรง ที่เกิดจากการนำดินมาปั้นเป็นรูปทรงต่างๆ
อีกหนึ่งมุมของวัดช้างรอบ กำแพงเพชร ค่ะ
มุมสวยๆ ภายใน บ้านหมอรีสอร์ท ค่ะ
นกจริงหรือนกปลอมค่ะ
วันที่ 2 พวกเราได้ไปฝึกถ่ายรูป แบ่งแยกประเภทของกล้อง ฝึกถ่ายเป็นฐานๆ ฐานแรก มาโคร คือการถ่ายสิ่งที่เล็กๆ เช่นดอกไม้ มด แมลงต่างๆ ฐานที่2 ถ่ายรูปโบราณสถาน ฐานที่3 แอคชั่น เช่นถ่ายรูปอิริยาบทต่างๆ ฐานที่4 พอทเทรท ถ่ายรูปคน หลังจากนั้นก็ได้ไปถ่ายรูปในสถานที่จริงคือที่วัดชนะสงครามค่ะ พอถ่ายเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวเย็นไปกินขันโตก (มี ผัดไทย ,ขนมครก เสริฟอยู่บนใบตอง) นั่งกินกันบนเสื่อ ซึ่งอร่อยเช่นกันและก็ได้ดูโชว์ Mini light and sound เป็นการแสดงเกี่ยวกับการปกครองในสมัยสุโขทัยและในสมัยนั้นก็ใช้การปกครองแบบพ่อปกครองลูกและพอดูเสร็จก็ได้แผลรอยมดกัดมาเต็มเลยค่ะและก็ได้กับที่พักค่ะ
ฐานที่ 1 ถ่ายแบบ มาโครด้วยดอกไม้สวยๆ
ฐานที่ 2 เรียนรู้การถ่ายภาพแบบแลนด์สเคป กับ รีสอร์ท
ฐานที่3 แอคชั่น กับอริยบทมันส์ๆ
ฐานที่ 4 แบบพอตเทรท ถ่ายภาพคนมีเพื่อนเป็นแบบ
ศิลาจารึกหลักแรก ของพ่อขุนรามคำแหง ต้นกำนิดภาษาไทย
เรียนรู้การถ่ายภาพแลนด์สเคปจากสถานที่จริงค่ะ
แอคชั่นมันส์ระหว่างถ่ายรูปของเพื่อนๆ
บรรยากาศยามเย็น
การแสดง มินิไลท์แอนด์ซาวด์ เล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์สุโขทัย
วันที่ 3 ก็ได้ไปออกกำลังกายแล้วก็กินข้าวเช้าและออกเดินทางไปดูวิถีชาวชาวบ้านแบบสุโขทัยที่เขาทำขนมผิงและขนมทองม้วนที่แสนจะอร่อย แต่ตอนที่เขาปั้นขนมผิงให้เป็นรูป บูดๆเบียวๆแต่ชิ้นเท่ากันเนี้ย ได้ค่าแรงถาดนึงแค่1บาท75สตางค์เองแต่ว่าถ้าคนที่ปั้นเก่งๆวันนึงเขาได้หลาย100ถาดเลยนะคะและต่อมาก็ได้เข้าไปในร้านที่ขายขนมผิงร้านแรกของประเทศไทยและเป็นร้านเดียวที่ยังทำขนมผิงแบบโบราญอยู่และก็อร่อยมากด้วยมันค่อยๆละลายหายไปในปากมันอร่อยๆๆๆมากๆถ้าใครชอบกินขนมผิงละก็ซื้อแล้วไม่เสียท่าอย่างแน่นอนอย่าพูดถึงมื้อเที่ยงเลยมันไม่ค่อยอร่อยซักเท่าไหร่แต่ก็อร่อยดีนะอาหารจานนั้นก็คือผัดไทยไม่มีกุ้งแต่ผัดไทยที่แท้จริงของสุโขทัยต้องมีรสชาดเผ็ดนิดๆแต่บางคนก็กินไม่ได้แม่ครัวเลยผัดใหม่ให้และก็ได้ไปที่วัดที่มีพระพูดได้แต่(ขอโทษทีนะคะที่จำชื่อวัดไม่ได้ค่ะ)แต่อันที่จริงแล้วตอนที่พม่ามาบุกรุกทหารก็ได้เข้าไปในตัวพระแล้วก็พูดพอพม่าได้ยินด้วยความกลัวพม่าเลยหนีไปเลยเป็นความเชื่อกันมาว่าพระองค์นี่พูดได้และพอถ่ายรูปเสร็จก็ไปที่ วัดช้างล้อม ซึ่งชื่อคล้ายๆกับวัดที่ไปวันแรกแต่วัดนี่ช้างยังคงสมบูรณ์อยู่ค่ะจากนั้นก็กลับบ้านพักและกินข้าวเย็นแสดงแค้มไฟและหนูได้แสดงรำไทยและพอทุกๆกลุ่มแสดงเสร็จก็อำลาค่ายและอำลาพี่เลี้ยงและก็เข้าห้องนอน
ถ่ายพอตเทรทวิถีชาวบ้านกงไกรลาส
ปั้นขนมผิง รอนำไปอบค่ะ
ผสมวัตถุดิบทำขนมผิง
ขนมผิงที่ปั้นเสร็จแล้วก็นำมาอบที่เตานี้
หน้าตาของแป้งขนมผิงของเจ้าขนมผิงเจ้าแรกในประเทศไทยค่ะ
ขนมทองพับกับงานถ่ายแบบมาโคร
ปลาบึก ปลาน้ำจืดที่ใหญ่ที่สุดในโลก บังเอิญผ่านมาเห็น
นี้ไงพระพุทธรูปที่พูดได้
วัดช้างล้อม สุโขทัย ค่ะ
วันที่4ก็ได้มีการส่งรูปเข้าประกวดและหนูก็................ไม่ได้รางวัลแต่ก็ไม่เสียใจเพราะเราทำเต็มความสามารถแล้วและก็ได้กินข้าวเที่ยงและเดินทางกลับก.ท.ม.คะ
3 ภาพ ที่หนูส่งเข้าประกวดค่ะ
ขอบคุณ พี่มินท์ พี่เลี้ยงใจดี
ขอบคุณพี่เอ็ม มากค่ะ
ขอบคุณพี่อ๊อดและพี่จิ๊บที่ดูแลค่ะ
ขอบคุณคุณครูพี่อุ๊ ที่สอนการถ่ายภาพให้หนูเป็นปีที่2 ค่ะปีหน้าเจอกันอีกน่ะ
สรุป
การเข้าค่ายครั้งนี้มีเหตุการณ์ที่หน้าประทับใจ
1.คือไปวัดหลายๆแห่ง
2.ไปกินอาหารสุโขทัยต่างๆ ขนมผิง ขนมทองม้วน
3.การฝึงถ่ายรูปในฐานต่างๆ
หรือพูดง่ายๆว่า ชอบหมดทุกอย่างเลยค่ะ
และขอขอบคุณค่ายของse-edที่จัดกิจกรรมครั้งนี้ให้แก่พวกเราด้วยค่ะ ครั้งหน้าเจอกันใหม่ที่ ห้วยขาแข้ง ค่ะ
ขอบคุณป่าป๋าที่ช่วยจัดรูปลงในบันทึกของน้องหนุนด้วยค่ะ
ขอบคุณมาม้าที่หากิจกรรมดีๆให้ค่ะ
น้องหนุน
12 เมษายน 2554
ใช้เทคนิคมุมกล้องได้ดีทีเดียว รูปที่2ที่ส่งเข้าประกวดภาพเบลอไปหน่อยเพราะแสงน้อย ควรใช้ขาตั้งกล้องช่วยจะได้ภาพที่คมขึ้น โดยรวมแล้วถือว่าดีมากสำหรับเด็กวัยนี้ครับ
สุดยอดเลยหนุน
เขียนบทความยาวๆได้โดยไม่ขาดตอน
เอ้าๆๆๆ ชงให้อีกคน
ป้าโอ๋ขอปรบมือดังๆและชูนิ้วโป้ง"ยอดเยี่ยม"ให้น้องหนุน สำหรับบันทึกการเดินทางครั้งนี้ค่ะ ได้ครบถ้วนทั้งเนื้อความและภาพถ่าย สุดยอดจริงๆ ขอให้ทำต่อๆไปนะคะ จะเป็นนิสัยติดตัวที่ดี ซึ่งมีประโยชน์ทั้งกับตัวเราเอง แล้วยังเผยแพร่ให้คนอื่นได้อีกด้วย อีกหน่อยน้องหนุนก็เปิดบล็อกของตัวเอง เอาไว้เขียนเรื่องราวต่างๆที่พบเจอและบันทึกความคิดความเห็นของเราเอาไว้เป็นสมบัติที่มีค่านะคะ เพราะพอผ่านวันเวลานี้ไปแล้ว เราก็จะเปลี่ยนไป เราจะกลับมาเรียนรู้ตัวเราเองได้เสมอด้วยบันทึกที่เราเขียนในปัจจุบันนี่แหละค่ะ