ให้อภัยตัวเอง


เราให้อภัยแล้ว เหมือนให้โอกาสที่ให้ตัวเองปรับปรุงแก้ไขต่อไป ไม่ใช่เราเคยผิดพลาด ทำไม่ดี จะต้องเป็นคนไม่ดีตลอดชีวิต เราไม่ควรให้กรรมเก่ากำหนดชีวิต ของเรา.......

       เช้าวันนี้ ปรุงศรีสวดมนต์เสร็จ กราบพระแล้ว ยังคงนั่งอยู่ต่อ   มองดูพระพุทธรูปองค์เล็กที่ตนกราบไหว้บูชามานาน  พลางระลึกว่า กำลังได้มีโอกาสสั่งทำพระพุทธรูปองค์ใหญ่   เพื่อไปถวายวัดสร้างใหม่อย่างไม่คาดฝัน มีความปลาบปลื้มล้นอยู่ในใจ   หันหลังไปมองรูปใบเก่าของแม่ แม่นั่งอยู่หน้าพระองค์ใหญ่   ซึ่งสร้างถวายวัดเมื่อครั้งกระโน้น ปรุงศรียินดีที่ตนได้ทำอย่างแม่บ้าง 
       พินิจพิเคราะห์นานไป หน่อย ความคิดของปรุงศรีเริ่มหันเหสายตามาคิดถึงแม่   ความเบิกบานค่อย ๆ ลด ลง อารมณ์เปลี่ยนไปตามสภาวะที่เกิดขึ้นใหม่ในใจ
       เวลาคิดถึงแม่ เธออดจะคิดถึงช่วงสุดท้ายของแม่ไม่ได้ตอนที่แม่ไม่สบายมาก  แม่เรียกเธอเข้าไปใกล้ ๆ กระซิบให้เธอช่วยตัดเสื้อใหม่ให้แม่ตัวหนึ่ง  ปรุงศรีคิดในใจว่าแม่คงพูดไปยังงั้นเอง ไม่สบายอยู่จะใส่เสื้อใหม่ไปไหน  เธอจึงไม่ได้ตัดให้ แม้แม่จะบอกเป็นครั้งที่สอง  จนกระทั่งมีญาติคนหนึ่ง บอกว่า แม่เขารู้ตัวนะซี  วันที่เขาตายเขาจะได้มีเสื้อใหม่ใส่ไปไหว้พระบนสวรรค์ปรุงศรีรีบตัดเสื้อให้แม่ทันทีจนดึกดื่น  แต่เมื่อเอาเสื้อใหม่ไปให้แม่ดู เพื่อให้แม่สบายใจ แม่ก็ไม่สามารถรับรู้ข่าวนี้ได้แล้ว 
       ปรุงศรีน้ำตาไหล เสียใจทุกครั้งที่คิดขึ้นมา แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเนิ่นนาน   แต่อารมณ์นั้นก็ยัง คงเหมือนเดิม   แก้ว เดินเข้ามาในห้องเพื่อจะสวดมนต์ เห็นแม่นั่งทำหน้าเศร้า ๆ อยู่จึงไถ่ถาม  "อ้อ เรื่องนี้อีกแล้ว แม่ต้องปล่อย เรื่องมันไปอยู่ในเวลาของมันสิจ๊ะ  พอดีเมื่อคืนหนูฟังเทป 
ท่านชยสาโร ภิกขุ ท่านพูดเรื่องการให้อภัยตัวเอง   เดี๋ยวหนูไปเอามาเปิดให้แม่ฟังนะ"  แก้วรีบรุดออกไปจัดการเอาเทปมาเปิดให้แม่ฟังในห้องพระเสียงพระเทศน์ ว่า 
       " การให้อภัยตัวเอง อาศัยปัญญา ที่ยอมรับว่าเรายังมีกิเลส และมีโอกาสหลงทำสิ่งที่ผิดได้ เรื่องที่เราเคยทำไว้ไม่ถูกต้อง  ถ้าเราพิจารณาแล้วต้องเห็นว่า การที่ทุกวันนี้ เราคิดว่าในสมัยนั้นไม่ควรทำอย่างนั้น   ว่าตัวเอง ก็ไม่ยุติธรรม อย่างอาตมาอายุ 43 คิดถึงตอนอายุ 16 ปี ทำให้รู้สึกละอาย   ถ้าอาตมาว่าตัวเองว่าตอนนั้นไม่น่าทำ ก็ไม่ยุติธรรม   เพราะเอาปัญญาของผู้มีปัญญาอายุ 43 ไปตัดสินเด็ก 16  เหมือนว่าเด็ก 16 ปี ควรมีปัญญา เท่าผู้มีอายุ 43   คือ เราเอาปัจจุบันไปตัดสินอดีต ซึ่งยังไม่เคยศึกษาธรรมะ 
       พวกเราก็เหมือนกัน ได้ปฏิบัติธรรม ความคิดก็เปลี่ยนไปแต่จะเอาอดีตที่ยังไม่เข้าวัด ก็ไม่ยุติธรรม ควรยอมรับว่าสมัยนั้นมีความรู้แค่นั้น  มีสติ มีความ รอบคอบแค่นั้น มันจึงมีการกระทำอย่างนั้น เราก็ให้อภัยตัวเองได้... 
       เราให้อภัยแล้ว เหมือนให้โอกาสที่ให้ตัวเองปรับปรุงแก้ไขต่อไป  ไม่ใช่เราเคยผิดพลาด ทำไม่ดี จะต้องเป็นคนไม่ดีตลอดชีวิต  เราไม่ควรให้กรรมเก่ากำหนดชีวิต ของเรา....... 
       ถ้าพวกเรายังรู้สึกว่ามีเรื่องในอดีตเป็น อุปสรรค ถ่วงไม่ให้ก้าวหน้าก็ควรจัดการปล่อยวาง ให้อภัยตัวเอง ตั้งต้นใหม่  เพราะคนเราเปลี่ยนได้ คนเราสามารถกลับตัวได้....... 
       พวกเราให้ระวังความคิด ความคิดสร้างขอบเขตกั้นรั้วไม่ให้เราก้าวหน้าในธรรม
ความจริงเรามีโอกาสพอที่จะเห็นธรรม   แต่นอกจากความเชื่อมั่นใน พุทธคุณธรรมคุณ สังฆคุณแล้ว  เราต้องปลูกฝังศรัทธาในตัวเองว่าเราทำได้ เราเข้าถึงธรรมได้ 
ถึงแม้ในอดีตเราเคยประมาท เคยทำพูดคิดไม่ดี ก็ไม่เป็นอุปสรรค   แต่เราควรได้บทเรียนจากประสบการณ์ ป้องกันไม่ให้ ผิดอีก และให้อภัยตัวเอง  แล้วแสวงหาสิ่งที่ดีที่สุดมาใส่ชีวิตของตน" 

       แก้ว เข้ามากอดแม่ ปรุงศรียิ้ม กอดมือลูกสาวไว้ 
       "ถ้าแม่คิดว่า ทำผิดเรื่องยาย แม่ต้องปล่อยไป  ไม่อย่างนั้นแม่จะทำผิดเป็นเรื่องที่สอง คือ ไม่เชื่อฟังคำที่พระอาจารย์เทศน์นะจ๊ะ".


คัดลอกบางส่วนจาก...ช้อปปิ้งบุญ (ขวัญ เพียงหทัย)

หมายเลขบันทึก: 434546เขียนเมื่อ 8 เมษายน 2011 05:06 น. ()แก้ไขเมื่อ 12 กุมภาพันธ์ 2012 18:58 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท