ได้มีโอกาสเดินทางไปอำเภอกัลยาณิวัฒนา ที่พ่อหลวงบอกว่าอ่านไม่ได้ยากใช้เวลาจากท่าอากาศยานเชียงใหม่ห้าชั่วโมง ไม่คิดว่าจะเดินทางไปยากลำบากคิดว่าบ้านเอกจตุพร ที่ปายไกลโขแล้วที่นี่ไกลกว่าอีก แต่ได้มาแล้วก็ถือว่าน้อยคนนักจะได้เข้ามา เดิมที่นี่อยู่กับอำเภอแม่แจ่ม คนที่นี่บอกแต่ก่อนจะไปอำเภอทีต้องเสียเวลาสองวัน ที่นี่อยู่ใกล้ปายมากกว่าแม่แจ่ม แต่ไม่รู้ใครช่างคิดเอาไปอยู่ซะอำเภอไกลจากเขาโขเลย แถมชาวบ้านบอกคนที่นี่เขางดไม่เกณฑ์ทหารแต่ชาวบ้านอยากเป็นทางการก็ไม่ยอม ชาวบ้านถ้าอยากเกณฑ์ก็ย้ายทะเบียนไปที่อื่นหรือไม่ก็ ถ้าใครไม่อยากเกณฑ์ก็ย้ายมาอยู่ที่นี่
ชาวปกาเกอะญอ มีเชื้อสายมากจากกะเหรี่ยง ส่วนใหญ่อยู่ทางภาคเหนือของไทย ส่วนที่ชุมชนหนองเต่าจะเรียกตัวเองว่า "ปกาเกอะญอ" แปลว่า"กลุ่มชนที่เรียบง่าย" หรืออีกความหมายคือ "คน" พูดง่ายๆคือกลุ่มชนที่มีวิถีธรรมชาตินั่นเอง
ชาวปกาเกอะญอจะอยู่แบบเรียบง่าย ชอบสันโดษไม่ชอบความวุ่นวายแบบเมืองๆ เขาพยายามบอกเราว่าที่นี่ไม่มีอะไรหรอกไม่ต้องมาไม่ต้องพูดย้ำๆหลายครั้ง เพราะที่มามารุกรานทางวัฒนธรรมของเขาจึงบอกอย่าเข้ามา
ชาวปกาเกอะญอจะมีการอพยพย้ายถิ่นบ่อย แต่เขาจะบอกว่าเขามิใช่ไปเปิดพื้นที่ใหม่ๆแต่จะทำเป็นแบบหมุนเวียน ในที่อยู่ที่ทำกินคือย้ายไปย้ายมาก็กลับมาแถบพื้นที่เดิม เขามีรูปแบบการดำเนินชีวิตที่มีแบบแผนจารีตประเพณี วัฒนธรรมที่มีวิถีชีวิตค่อนข้างชัดเจน เชื่อเรื่องการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน มีพิธีกรรมหลายอย่างเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติ เช่นพิธีเลี้ยงผีป่า ผีเจ้าที่ ผีน้ำ ผีหมู่บ้าน เด็กแรกเกิดผู้เป็นพ่อจะเอารกหรือสะดือไปผูกกับต้นไม้ และคนปกาเกอะญอยังเชื่อว่าวิญญาณของมนุษย์มี ๓๗ ตัว อยู่ในร่างคน ๕ ตัวและอยู่ในสิ่งแวดล้อมรอบตัวอีกเช่น เก้ง กวาง เสือ กุ้ง หอย ปู ปลา ฯลฯ รวมแล้ว ๓๒ ตัว บรรพบุรุษให้ความสำคัญกับวิถีชีวิต สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ มีความรักธรรมชาติเป็นที่สุด
อำเภอกัลยาณิวัฒนา มี ๓ ตำบล ได้แก่ บ้านจันทร์ แม่แดด และแจ่มหลวง มีตำบลละ ๗ หมู่บ้าน รวม ๒๑ หมู่บ้าน
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีประชากรประมาณ ๑ หมื่นเศษ ร้อยละ ๙๕ เป็นปกากะญอ ร้อยละ ๓ เป็นลีซอ (บ้านเสาแดงตำบลแจ่มหลวง) และอีกร้อยละ ๒ เป็นม้ง (ตำบลแม่แดด)
มาครั้งนี้ได้พบพ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา ภูมิปัญญาท้องถิ่นที่เคยเชิญไปบรรยายที่สถาบันพระปกเกล้า พ่อหลวงจอนิ แก่กว่าลุงเอกสองปี แต่ดูไม่แก่เลย อิอิ เป็นชาวปกาเกอะญอต่อสืบทอดตระกูลมาหลายชั่วอายุคนแล้ว มีผู้เฒ่าที่มีอายุถึง ๑๓๔ ปีก็มีแสดงว่าการอยู่แบบธรรมชาติชีวิตจะยาวนาน
ที่นี่จะทำนาปลูกข้าวไร่ มีความรู้จากการปฏิบัติ ถามร้านขายอาหารตามสั่งบอกว่าข้าวหุงเองมีสองไร่ได้ข้าวมาสองร้อยถัง
พ่อหลวงจอนิ โอ่โดเชา บอกว่าเขาเกิดและเติบโตมากับป่าอยู่กับป่ามาทั้งชีวิต จึงมีความผูกพันอยู่กับป่าและมีความรักป่าตามวิถีชีวิตของชาวปกาเกอะญอโดยทั่วไป เป็นกรรมการปฏิรูปประเทศไทย กับทีมอาจารย์หมอประเวศ ด้วย
มีลูกชายเป็นนักต่อสู้สืบตระกูลชื่อว่า พฤ โอ่โดเชา ดูประวัติพฤ โอ่โดเชา แล้วต้องยกมือให้เพราะ เคยเดินทางด้วยเท้า ๗๕๐ กิโลเมตรเพื่อต่อสู้เรื่องป่าชุมชน จะขอมีป่าชาวบ้านที่ประชาชนมีส่วนร่วมในการจัดการทรัพยากรเอง เป็นการต่อสู้โดยสันติวิธี เรียกกิจกรรมนี้ว่า "ธรรมชาติยาตรา" แสดงว่าภูมิปัญญาได้ถูกถ่ายทอดจากพ่อสู่ลูก สู่หลาน
ไปพบชาวปกากะญอแล้วต้องบอกว่ามีปัญญามากๆเลย พูดแบบชาวบ้านเข้าใจง่ายบางอย่างเป็นปรัชญา มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะแถบนี้เป็นป่าไม้สน ว่ากันว่าเคยมีคนมาจากภายนอกพื้นที่เห็นว่ามีไม้สนมาก เลยสั่งเครื่องแปรรูปไม้มากจากฟินแลนด์ชาวบ้านทราบข่าวมาต่อต้านไล่ออกนอกพื้นที่ เพราะเขารักป่า เวลาลูกเกิดมาก็จะเอารกมาผูกกับต้นไม้ให้รู้ว่าเขามีความผูกพันกับธรรมชาติ
อำเภอกัลยาณิวัฒนาวันนี้กำลังนำเอาวัตถุไปทำลายคุณค่าที่งดงาม ถากถางป่านับร้อยๆไร่ที่เป็นแหล่งรวมต้นไม้ใหญ่ ชาวบ้านก็ต่อสู้ พ่อหลวงจอนิบอกว่าเราสู้โดยสันติ ก็ยังถูกรุกทางวัฒนธรรมอย่างมาก คนที่นี่นับถือคริสต์นิกายโปรเตสแต๊นท์มากกว่าครึ่ง ชาวบ้านบอกอำเภอขอที่ดินก็ยกให้แต่ชาวบ้านขออะไรไม่ได้เลย แถมทำบ้ายมาเบียดทำให้ถนนแคบลงสุดท้ายก็จะมาเอาที่ชาวบ้านขยายถนนอีก ได้ขออำเภอว่าการก่อสร้างขอมีรูปสัญญาลักษณ์ไก่ของพวกเขาหน่อยได้ใหม มีภาษาเขาด้วยได้ใหม แต่ถูกปฏิเสธทุกอย่าง
มาวันนี้ทำให้เห็นว่าความขัดแย้งเริ่มเปิดกว้างแล้วที่นี่ หากยังรุกรานมากๆอาจมีปัญหามากขึ้นได้ วัฒนธรรมใหม่ๆจากพวกวัตถุนิยม กำลังจะไปทำลายความสวยงามทางวัฒนธรรมเดิมๆ เท่าที่ดูบ้านพักอาศัยบอกได้ว่าคนที่นี่มีฐานะ มีระเบียบและรักความสะอาด ที่ดิน ป่าไม้ ต้นน้ำ ลำธาร สัตว์ป่าเริ่มถูกทำลาย
พ่อหลวงจอนิพยายามชักชวนให้ชาวปกาเกอะญอ ร่วมกันรักษาป่าไม้ทำกันมาเกือบสี่สิบปีแล้ว
เคยอ่านให้เด็กน้อยฟังนะคะ
เรื่อง ปกากะญอ รู้สึกว่าจะในหนังสือเรียน
ดี ๆ ๆ ค่ะ
การดำรงชีพตามวิถีธรรมชาติ ไม่เบียดเบียนสิ่งแวดล้อม
สวัสดีครับลุงเอก
เมื่อสมัยที่ยังเป็น NGOs ก็ทำงานกับพี่น้องแถบนี้แหละครับ รู้จักคุ้นเคยกับทั้งพระและแกนนำชาวบ้านหลายคน
ผมเพิ่งเขียนเรื่องราวของ พะตีจอนิ โอโดเชา เมื่อวานนี้เองครับ
สวัสดีค่ะ
อ่านเรื่องเล่าของลุงเอก แล้วได้เข้าใจสังคมของคนในประเทศไทยอีกกลุ่มหนึ่ง ที่หลายคนยังไม่ได้สัมผัส และไม่เข้าใจนะคะ
หวังว่าลุงเอกคงสบายดี ด้วยความระลึกถึงค่ะ
panacea เป็นวิถีคนที่เราน่าเรียนรู้ว่าเขามีความสุขที่ได้อยู่แบบเขามิใช่แบบเราครับ
|
หนานเกียรติ ขอบคุณมากขออนุญาตลิ๊งค์ซะเลยทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นครับ
|
คิม นพวรรณ ไปเห็นแล้วสงสารมนุษย์ที่ชอบทำลายจัง หาความสุขมได้
|
ขออนุญาตเอาบันทึกนี้ไปให้นักศึกษากฎหมายสิทธิมนูายชนที่ อ.แหวว สอนสำหรับภาคฤดูร้อน ๒๕๕๔ ได้อ่านกันนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้า เพราะทราบว่า พี่เอกอนุญาต
แล้วเราพา สสสส.๓ ไปถึงให้ได้นะคะ
Archanwell ยินดีครับอาจารย์แหวว
|
สวัสดีค่ะ ลุงเอก
ไม่ได้เจอนานเลยนะคะ ลุงเอกสบายดีนะคะ ^^วันก่อนมีงานเลี้ยง เสียดายที่ลุงเอกมาร่วมงานไม่ได้ เอาไว้โอกาสเหมาะๆ รอบหน้านะคะ
ส่วนเรื่อง ปกากะญอ นี้ เคยได้เห็นรายการโทรทัศน์นำเสนอเรื่องราวของชาวบ้าน แอบชื่นชมในความรักในธรรมชาติและขนบธรรมเนียมที่เค้าปลูกฝังให้ลูกหลานค่ะ^^
มะปรางเปรี้ยว เรื่องนี้ก็เกี่ยวกับสิทธิมนุษย์ชนด้วยที่ทุกคนสามารถเลือกแนวทางดำรงชีวิตตามแบบวิถีประชาธิปไตย
|
เขาปกป้องธรรมชาติดีมาก แล้วเรื่อง กกต.เป็นไง