เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2554 ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศพร้อมคณะทำงานจากมูลนิธิฯและบริษัท เอ็นทียู (ประเทศไทย) ร่วมประชุมกับคณะจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเพื่อหารือเกี่ยวกับโครงการพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นเป็นครั้งที่ 2 ณ ห้องประชุมแผน-อำไพ 1 อาคาร 1 ชั้น 2 สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น คลองหนึ่ง
ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศได้เสนอว่า
คุณเก็จวลี ลิขิตนุรักษ์ ผู้อำนวยการบริษัท เอ็นทียู (ประเทศไทย) ได้เสนอว่า
คุณธงชัย กิติคุณานนท์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่น ได้เสนอว่า
ม.ล.ชาญโชติ ชมพูนุท กรรมการมูลนิธิพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ระหว่างประเทศได้เสนอว่า
ผมขอขอบคุณท่านผู้อำนวยการธงชัย กิติคุณานนท์และทีมงานที่กรุณานัดประชุมครั้งที่ 2 คราวนี้ เรามาที่สถาบันพัฒนาบุคลากรท้องถิ่นที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ถึงแม้ว่า จะอยู่ไกล ก้นซอย แต่เข้าไปแล้วก็พบว่ามีตึกใหญ่ 2 ตึก ซึ่งในเวลา 7 ปีที่ผ่านมา สถาบันนี้ก็ได้พัฒนาบุคลากรท้องถิ่นไปแล้วกว่า 200,000 คน
วัตถุประสงค์ที่เราไปหารือก็คือ
ตกลงเรื่องหลักสูตร Pilot Project (โครงการนำร่อง) ซึ่งทางท่านผู้อำนวยการก็ได้แนะนำให้ใช้ศูนย์ NTU ที่มีอยู่แล้ว จัดหลักสูตรที่เหมาะสมและตรงความต้องการ ซึ่งผมได้หารือกับคุณเก็จวลีแล้ว และจะนำเสนอหลักสูตรดังกล่าวไปอีกครั้ง
ประทับใจในบรรยากาศการเรียนรู้ของสถาบันแห่งนี้มาก ผมและทีมงานก็หวังว่าจะมีโอกาสได้ทำงานร่วมกันต่อไป
สวัสดีค่ะอาจารย์
ข้อเสนอจากลูกศิษย์ นบส.กศน.3 ค่ะว่าควรเพิ่มเนื้อหาจิตสาธารณะและการเป็นคนของประชาชน ด้วยค่ะ เนื่องจาก สองหลักสูตรนี้ เป็นพื้นฐานของคนท้องถิ่นที่อาสาจะมาเป็นตัวแทนประชาชนค่ะ
ได้อ่านพบพระบรมราโชวาท ของพระบามสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานแก่คณะอาจารย์ ครู และนักเรียนโรงเรียนไกลกังวล ณ.ศาลาเริง พระราชวังไกลกังวล วันศุกร์ ที่ 8 มิถุนายน 2552
" ....วิชาต่างๆ ที่เรียนที่สอบไล่กันได้นั้น โดยลำพัง ไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยให้นักเรียนเอาตัวรอดได้ และไม่ใช่สิ่งที่จะช่วยสร้างสรรค์สิ่งใดให้เป็นประโยชน์แก่ตัว แก่ผู้อื่น แก่บ้านเมืองได้ ผู้มีวิชาการแล้วจำเป็นต้องมีคุณสมบัติในตัวเองนอกจากวิชาความรู้ด้วย จึงจะนำตนนำชาติให้รอดและเจริญได้ คุณสมบัติที่จำเป็นสำหรับทุกคนนั้น ได้แก่ ความละอายชั่วกลัวบาป ความซื่อสัตย์สุจริต ทั้งในความคิดและการกระทำ ความกตัญญูรู้คุณชาติบ้านเมืองและผู้ที่มีอุปการะตัวมา ความไม่เห็นแก่ตัวไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่น หากแต่มีความจริงใจ มีความปรารถนาดีต่อกัน เอื้อเฟื้อกันตามฐานะและหน้าที่ และที่สำคัญอย่างมากก็คือ ความขยันหมั่นเพียร พยายามฝึกหัดประกอบการงานทั้งเล็ก ใหญ่ ง่าย ยาก ด้วยตัวเอง ด้วยความตั้งใจ ไม่ทอดธุระเพื่อความสะดวกสบายจากการเกียจคร้าน ไม่มักง่าย หยาบคาย สะเพร่า..."
พระราชดำรัส ในพระราชพิธีบวงสรวงสมเด็จพระบูรพมหากษัตริยาธิราชเจ้า ณ ท้องสนามหลวง วันจันทร์ที่ ๕ เมษายน ๒๕๒๕
"....คุณธรรมที่ทุกคนควรจะศึกษาและน้อมนำมาปฎิบัติ มีอยู่สี่ประการ ประการแรก คือการรักษาสัจ ความจริงใจต่อตัวเอง ที่จะประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นธรรม ประการที่สอง คือการรู้จักข่มใจตัวเอง ฝึกใจตนเองให้ประพฤติปฏิบัติอยู่ในความสัจความดีนั้น ประการที่สาม คือการอดทน อดกลั้น และอดออม ที่จะไม่ประพฤติล่วงความสัจสุจริต ไม่ว่าจะด้วยเหตุประการใด ประการที่สี่ คือการรู้จักระวางความชั่ว ความทุจริต และรู้จักสละประโยชน์ส่วนน้อยของตนเพื่อประโยชน์ส่วนใหญ่ของบ้านเมือง คุณธรรมสี่ประการนี้ถ้าแต่ละคนพยายามปลูกฝังและบำรุงให้เจริญงอกงามขึ้นโดยทั่วกันแล้ว จะช่วยให้ประเทศชาติบังเกิดความสุขความร่มเย็น และมีโอกาสที่จะปรับปรุงพัฒนาให้มั่นคงก้าวหน้าต่อไปได้ดังประสงค์......"