จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับแรก


จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับแรก

 

 

"จดหมายถึงลูก "เพรียง" ฉบับแรก"

 

            บันทึกนี้ เป็นบันทึกแรกที่แม่ได้ระบายถึงความรู้สึกของแม่ที่มีต่อ "ลูก"...เจ้าตัวเล็ก..."น้องเพรียง"...หนูจะรู้หรือไม่ ความที่แม่เป็นคนไม่ค่อยพูด เรียกว่า "แม่เป็นคนพูดน้อย"...ซึ่งอาจไม่เหมือนแม่คนอื่น ๆ ที่จะคอยจ้ำจี้จ้ำไชบรรดาลูก ๆ ทำให้ลูก ๆ เกิดความรำคาญ ว่าแม่จู้จี้ขี้บ่น...แต่ "แม่บุษ" คนนี้ เป็นคนพูดน้อย...ไม่ว่า...ไม่ด่าลูก ๆ เพราะนิสัยของแม่อาจเหมือน "ตา" ซึ่งเป็นคนพูดน้อย แต่จะชอบคิด ชอบทำงานมากกว่า มีเรื่องถึงพูดกัน ถ้าไม่มี ต่างคนก็ต่างอยู่ ทำให้ครอบครัวของเราจึงไม่ค่อยมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพ่อ - แม่ - ลูกกันไง...

               ความที่แม่อาจเป็นคนไม่ค่อยพูดนี่ไง...แม่จะชอบเก็บไว้แล้วค่อย ๆ แก้ไขปัญหาต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาส่วนตัว ปัญหางาน ปัญหาอื่น ๆ...ด้วยตนเอง...เพราะ "แม่" คิดว่า..."การที่เราจะเสียงดังไปนั้น ก็เปล่าประโยชน์ มีแต่จะสร้างความรำคาญให้กับคนรอบข้างไปเปล่า ๆ "...จึงทำให้ "แม่" กับ "หนู" น้องเพรียง เหมือนห่างกัน...แต่หนูจะรู้หรือไม่ว่า "ภายในใจแม่คนนี้ มีแต่รัก มีแต่เป็นห่วงลูก ๆ อยู่ตลอดเวลา"...ถึงแม้ว่าใคร ๆ จะว่าลูกคนนี้ของแม่เป็นคนเรียนไม่เก่ง ไม่ค่อยมีความรับผิดชอบ...แต่แม่ไม่ค่อยใส่ใจกับคำพูดของคนอื่น เพราะแม่อยู่กับหนู แม่จะรู้ว่าหนูเป็นคนอย่างไร?...หนูจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบพูดมาก...เหมือนแม่...หนูไม่เหมือนพี่ภัคร...หนูไม่ค่อยชอบแสดงออก...ลักษณะนิสัยของหนูจะเหมือนกับแม่ ที่ไม่ค่อยชอบพูด ได้แต่ยิ้ม...อาจเป็นเพราะสังคมที่หนูอยู่ยังไม่สูงพอ...หนูอยู่ในสังคมที่อยู่กับชุมชนเล็ก ๆ หนูจึงใช้สถานะภาพที่อยู่กับตัวหนูได้...พ่อ - แม่ จึงรู้ว่านิสัยหนูเป็นอย่างไร?...แต่แม่ก็รู้อยู่สิ่งหนึ่งที่หนูเป็นอยู่ คือ...หนู "น้องเพรียง" จะไม่ค่อยชอบให้ใครบีบบังคับ ยิ่งถ้าใครพูดหรือใส่เสียงแว้ด ๆ กับหนู โดยเฉพาะ "ครู" หนูจะเกิดอาการต่อต้านขึ้นมาทันที...พ่อ - แม่ - พี่ภัคร จึงเข้าใจในตัวของหนูไง...ไม่มีใครที่จะเข้าใจตัวหนูเท่า พ่อ - แม่ - พี่ภัคร...เพราะเรารักกันและห่วงใยซึ่งกันและกัน นี่คือ...ครอบครัวของเราที่รัก + ห่วงใย + ผูกพันกัน...

 

 

วันที่  22  มีนาคม พ.ศ. 2554...แม่ได้ขอลาหยุดงาน 1 วัน

โดยช่วงก่อนหน้านั้น พ่อเร เป็นคนจัดการงานต่าง ๆ ที่จะได้จัดงาน

แต่งงานให้กับลูก "น้องเพรียง" บางคนอาจนึกไม่ถึงว่าหนูยังเป็น

เด็ก ๆ ทำไมจะแต่งงานเร็วจัง...แต่ พ่อ - แม่ ก็ว่าไม่แปลก เมื่อ "ลูก"

เลือกที่จะแต่งงาน

 

 

"อ้อม" เป็นแฟนกับ "เพรียง" ซึ่งฐานะของครอบครัวอ้อมก็ไม่ถึงกับ

ร่ำรวยมากนัก แต่ในเมื่อ พ่อเร ถามทั้ง "อ้อม" กับ "เพรียง" ว่ารักกัน

หรือไม่ ได้ยินจากปากของทั้งสองว่ารักกัน "พ่อเร" ก็ไม่ว่าอะไร?

แล้วก็บอกว่า "ได้" เดี๋ยว "พ่อเร" จัดการให้...

 

 

วันที่  22  มีนาคม พ.ศ. 2554 เวลา 07.00 น. ณ บ้านเลขที่  43/1

 หมู่ 1 ต.พรหมพิราม อ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก

"อ้อม" + "เพรียง" ก็ได้เข้าพิธีแต่งงานกันโดยแต่งกันแบบง่าย ๆ

เรียกว่า  "ทำตามประเพณีโบราณ" ที่ไม่ให้ใครมาว่าได้ว่า

ไม่รักษาธรรมเนียม ประเพณี...พ่อเร + แม่ ก็ได้นิมนต์พระมาเป็น

พยานและได้ทำบุญให้กับลูกทั้งสองที่บ้านพรหมพิราม...

 

 

เพราะบ้านหลังนี้ พ่อเร + แม่ ก็ตั้งใจแล้วว่าจะยกให้ "เพรียง"

อยู่แล้ว สำหรับบ้านที่พิษณุโลก ก็ยกให้ "พี่ภัคร" ไป... บางคนอาจ

ถามว่า ทำไมเร็วจัง...แต่ พ่อ - แม่ ว่าไม่เร็วหรอก เพราะวันหนึ่ง

หนูก็จะต้องแต่ง คนเราทุกคนก็ต้องถึงจุด ๆ นี้ ทุกคน บางคนอาจไม่มี

วันนี้...แต่เมื่อชะตาชีวิตมันมาถึงแล้ว...เราจะไปฝืนชะตาฟ้า

คงไม่ได้...

 

 

การนิมนต์พระมา ก็เพื่อทำให้เป็นสิริมงคลแก่ชีวิตของลูกทั้งสอง

เพราะบ้านหลังนี้เคยใช้แต่งงาน "แม่" + "น้าหมู" (น้องของแม่)

มาแล้ว 2 คู่ แล้วก็เป็นคู่ของ "เพรียง" + "อ้อม"... ซึ่งเป็นคู่ที่ 3

 

 

พิธีที่ทำก็เป็นแบบง่าย ๆ มีการทำบุญเลี้ยงพระ + ผูกข้อมือกัน

 

 

เพื่อให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายได้รับรู้ว่าทั้งคู่ได้ตกลงปลงใจจะอยู่กิน

เป็นสามี - ภรรยากัน...

 

 

พ่อเร + แม่ ก็ให้พรลูก ๆ ว่าขอให้อยู่กันนาน ๆ จนแก่เฒ่า

ไม่จำเป็นว่าแต่งงานกันตอนเด็ก ๆ แล้วจะอยู่กันได้ไม่นาน

ทุกสิ่งทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับลูกทั้งสองคนมากกว่า...

บางคู่เขาแต่งงานกันตั้งแต่เด็ก อยู่กันจนตายจากกันไปก็มี...

"สิ่งที่สำคัญ  นั่นคือ...ขอให้ลูกทั้งสองจงมีความอดทนต่อกัน"

 คนเราอยู่ด้วยกัน ย่อมมีปัญหาแน่นอน เพียงแต่เราทั้งคู่

จะฟันฝ่าอุปสรรคอย่างไร? หรือแก้ไขปัญหานั้นได้อย่างไร?...

 

 

 

"ตา" ซึ่งหนูมีความผูกพันกับ "ตา" มาก เพราะอยู่ด้วยกันมา

ตั้งแต่แบเบาะ ก็มาให้พรหนู ถึงแม้ ตาจะอายุเกือบ 80 ปี แล้ว...

เสียดายที่ยายมาด่วนเสียชีวิตไปก่อน...แต่ก่อนหน้านี้

หนูก็บอกแม่ว่าหนูไปบอกยาย ปู่ - ย่า ที่วัดแล้วว่าเพรียง

จะแต่งงานแล้ว...

 

 

พวกป้า ๆ ก็มาให้พรและร่วมผูกข้อมือให้กับลูกทั้งสองด้วย

 

 

 

 

 

"น้าหมู" (น้องของแม่)...ก็มาให้พรหลานด้วย น้าหมูบอกว่า

"หนูโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ให้รู้จักรับผิดชอบในหน้าที่ จะคิดสิ่งใด

ก็ให้คิดหน้าคิดหลังให้ดี ๆ ไม่ใช่ตัวคนเดียวเช่นแต่ก่อน"...

เท่านั้นเอง ที่ทำให้หนู "ร้องไห้"...

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พี่ภัครแซวตาให้กอดคอกับน้องเพรียงหน่อย...

 

 

น้องเตย (ซ้าย) ลูกของน้าหมู...

 

 

 

(ซ้าย) ฝน + น้าหมู  (ขวา) ข้าว

 

 

 

ดูท่าทาง เพรียงจะชอบทำนามากกว่าที่จะไปเรียนต่อ

ซึ่ง พ่อเร + แม่ ก็ไม่ว่าอะไร เพราะนาของเราก็พอมีและก็ไม่มีใคร

ดูแลอยู่แล้ว ก็ดี ลองหันกลับมาฐานเดิมในเรื่องของการเป็นเกษตรกร

ดูบ้างว่าจะเหมือนเดิมหรือไม่...ขอให้เพรียงเอาจริงเอาจังก็แล้วกัน...

พ่อเร + แม่ เป็นกำลังใจให้ก็แล้วกัน...

 

 

พ่อ + แม่ ของอ้อม

 

 

"พี่ภัคร" + เพรียง + อ้อม

ซึ่งงานนี้ พี่ภัคร เป็นหัวเลี้ยว หัวแรงในการจัดงานให้กับน้องเพรียง

มีคนแซวพี่ภัครว่าเมื่อไร?...จะถึงคิว  "พี่ภัคร" ตอบว่า...

ขอเรียนให้จบก่อนจ้า...

 

 

ตอนเย็นก็มีการเลี้ยงสังสรรค์กันพอประมาณ...

 

 

 

 

 

นี่คือ...หน้าที่ของพ่อเร + แม่...ที่ทำให้ลูกมีวันนี้

และวันต่อ ๆ ไป ก็คือ หน้าที่ของลูกที่จะต้องสานต่อแล้วล่ะ...

  

 

 

นี่คือ...จุดเริ่มต้นในการที่ลูกทั้งสองจะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยชีวิต

ที่ทุกคนทุกคู่จะต้องพบเจอในชีวิตจริง...

 

 

อาจารย์สมบัติ  กิ่งศักดิ์ เป็นอาจารย์ที่เคยสอนแม่, พี่ภัคร

และสอนอ้อมกับเพรียง ได้ให้เกียรติมาเป็นพิธีกรในงานนี้ให้...

ผู้เขียนจึงขอขอบคุณอาจารย์เป็นอย่างสูงค่ะ...

 

 

สิ่งหนึ่งที่ทำให้พ่อเร + แม่ รู้ในทันทีที่ได้จัดให้มีงานแต่งงานในวันนี้

นั่นคือ..."เพรียง" มีฐานในชุมชนดีมาก เพราะเวลาเดินไปทุกโต๊ะของ

แขกจะได้ยินเสียงเรียกจากพี่ ๆ ลุง ๆ ป้า ๆ ในชุมชนแห่งนี้ว่า 

"เพรียง" และสายตาทุกคู่ก็ยินดีกับเพรียงอย่างจริงจัง...

เพราะหนูโตมาจากชุมชนแห่งนี้และอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เด็กจึงทำให้คน

ที่นี่รู้จักหนูดี เรียกว่า รู้จักดีกว่า "แม่" เสียอีก เพราะแม่จากชุมชน

แห่งนี้ไปนานเกือบ 33 ปี ทีเดียว ตั้งแต่แม่จบชั้น ม.ศ.3 จากที่นี่...

ทำให้ผู้เขียนรู้ตัวเองว่า "ตัวเราเองห่างจากชุมชนแห่งนี้ไป

นานมาก เนื่องจากภาระหน้าที่การงานที่จะต้องทำ

ทำให้ไม่มีเวลาที่จะกลับมาที่ชุมชนแห่งนี้ได้"...แต่ก็ทำให้

คนในชุมชนทราบว่า ตัวผู้เขียนเองไม่เคยลืมชุมชนแห่งนี้เลย...

ถ้ามีโอกาสก็จะกลับมา ณ ที่ชุมชนแห่งนี้...

 

 

...แม่ หวังว่า ลูกทั้งสองคงอยู่ครองรักกันนานเท่านาน...ทำให้ได้

เหมือนพ่อเร + แม่ ที่อยู่กันมา โดยไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันเลย

ก็ขอให้ลูกทั้งคู่ดูเป็นตัวอย่าง...และสร้างฐานะครอบครัวขึ้นมาให้ได้

และก็ขอให้มีความสุขและเติมเต็มความรักให้กันและกัน

ตราบนานเท่านาน...

 

ขอให้รู้ว่า  "พ่อเร + แม่"  รักและเป็นห่วงลูกอยู่ตลอดเวลา...

ถึงแม้ว่าลูกจะมีครอบครัวไปแล้ว...พ่อเร + แม่ ก็จะคอยช่วยประคับ

ประคองไปจนกว่าลูกทั้งสองจะแข็งแรงและตั้งตัวได้ด้วยตนเอง...

 

 ...รักลูกเสมอ...

 จาก

"แม่บุษ"...

 

 

 

อ่านจดหมายถึงลูกทุกฉบับ ได้จากที่นี่...

"จดหมายถึงลูก"

 

 

 



ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ

ระยะนี้คงงานหนักหลายด้านนะคะ  ขอแสดงความดีใจกับน้องเพรียง "ยิ้มรับตอนคุณแม่ผูกข้อมือ"

งานไม่เล็กแล้วนะคะ  สำหรับทางบ้านเรา  มีเวทีใหญ่ด้วย  "จะได้เป็นแม่ย่า" แล้วนะคะ

และอีกงานที่มหาลัยฯ ก็คงหนักเอาการ  ขอเป็นกำลังใจค่ะ

สวัสดีค่ะ...พี่คิม...Ico48...

  • ขอบคุณสำหรับดอกไม้กำลังใจค่ะ...
  • ค่ะ ช่วงนี้งานเยอะมาก ๆ ก็สับหลีกเวลาเอาค่ะ เหนื่อยหน่อย แต่ก็ต้องให้งานเดินไปให้ได้ค่ะ ไม่ให้เสียงาน มีทั้งงานราษฎร์ งานหลวงเลยละค่ะ...
  • ขอบคุณแทนน้องเพรียงด้วยนะค่ะ เขาคงต้องใช้ชีวิตเช่นที่ผู้ใหญ่เราใช้แล้วละค่ะ...
  • ค่ะ ก็มีคนแซวเหมือนกันว่าจะได้เป็น "แม่ย่า" แล้ว บางท่านก็แซวว่าได้ลูกสาวเพิ่มมาอีกหนึ่งคนค่ะ...ก็เพียงขอแค่ให้เขาเป็นคนดีก็พอแล้วค่ะ
  • ขอบคุณพี่คิมที่แวะมาเยี่ยมนะค่ะ...

สวัสดีค่ะพี่บุษยมาศ 

  อ่านแล้วเห็นถึงความรักความผูกพันในครอบครัวค่ะ ขอร่วมอวยพรให้น้องอ้อม+น้องเพรียงค่ะ มีความสุขมากๆนะค่ะ

  เป็นกำลังใจให้เสมอค่ะ

 

สวัสดีค่ะคุณบุษ

  • บรรยากาศอบอุ่นมากค่ะ

สวัสดีค่ะ...คุณถาวร...Ico48...

  • ขอบคุณแทนน้องอ้อม + น้องเพรียงด้วยค่ะ...

สวัสดีค่ะ...คุณยาย...Ico48...

  • ขอบคุณค่ะ...
อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท