พรานป่าผู้หนึ่งเลี้ยงสุนัขไล่เนื้อวัยหนุ่มไว้ตัวหนึ่งมันเป็นสุนัขที่แข็งแรงและวิ่งเร็วมาก ไม่ว่านายพรานจะใช้ให้มันจับสัตว์ไม่ว่าชนิดไหน ตัวใหญ่แค่ไหน หรือวิ่งเร็วเพียงใด มันไม่เคยทำงานพลาดวันเวลาผ่านไป สุนัขไล่เนื้อตัวนี้เริ่มแก่ตัวลง ตาเริ่มฝ่ามัว กำลังถดถอย ไม่คล่องแคล่วเหมือนก่อน แต่มันก็ยังติดตามนายไปล่าสัตว์ทุกวัน วันหนึ่งขณะที่มันกำลังไล่ต้อนหมูป่าตัวหนึ่งอยู่ มันพยายามฝังเขี้ยวลงที่คอของหมูป่า แต่ฟันของมันหักเสียก่อนหมูป่าจึงหนีรอดไปได้ นายพรานโกรธมาก เขาใช้ไม้ไล่ทุบตีมันอย่างรุนแรง ก่อนสิ้นสติ สุนัขไล่เนื้อได้แต่พูดตัดท้อว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำให้หมูป่าหนีรอดไปได้ แต่ด้วยสังขารที่ร่วงโรยทำให้ข้าอ่อนกำลังลง เมื่อท่านไม่ต้องการข้าแล้วก็อย่าถึงกับฆ่าข้าเลย ขอให้ท่านนึกถึงความดีต่าง ๆ แต่หนหลังที่ข้าเคยทำให้ท่านมาสมัยหนุ่ม ๆ ว่าข้าจงรักภักดีต่อท่านเพียงใด
นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ยามดีก็ใช้ ยามไข้ต้องรักษา
ที่มา : ชุลีพร . นิทานอีสป เล่ม 5 กรุงเทพฯ : ทิพยวิสุทธิ์ , 2544.
เกิดเป็นหมาน่าสงสาร ถูกนายพรานขยันใช้
นายพรานสั่งต้องดั่งใจ หากไม่ได้ไล่ทุบตี
นายพรานนั้นแสนชั่ว เห็นแก่ตัวในหัวนี้
ทำร้ายเหยื่อไม่เหลือดี ซ้ำกดขี่มิสนใจ
หมาน้อยแรงถอยร่น ต้องดิ้นรนเพื่อเจ้านาย
ตัวเองก็เสี่ยงภัย เหยื่ออาจไล่ทำร้ายคืน
เกิดเป็นหมาน่าสงสารอย่างท่านว่า ยามชราก็ค่าด้อยน้อยศักดิ์ศรี
เปรียบลูกน้องตลอดกาลทำงานดี อาจบางทีพลาดพลั้งควรยั้งมือ
เจ้านายหลงแต่ชมชื่นคลื่นลูกใหม่ ลืมใส่ใจ คนเก่าช้ำทำได้หรือ
ยามดีใช้ยามป่วยขื่นไม่ยื่นมือ แถมยังยื้อตอกย้ำให้ช้ำทรวง
อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่อิง