สอนภาษาอังกฤษให้ลูกด้วย Phonics English


Phonics English

การที่มีความจำเป็น (เหตุผลในเบื้องต้น) ต้องสอนภาษาลูกเองอยู่กับบ้านเพราะคิดว่าจะไม่ส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาล หรือศูนย์เด็กเล็ก สำหรับแม่ที่มีความรู้ภาษาอังกฤษแบบ ซี แคท แมว จากสมัยเดิมๆ นั้น ทำให้รู้ว่าถ้าลูกเรียนภาษาอังกฤษแบบที่แม่เคยเรียนมานั้นลูกคงไปไม่ถึงไหนแน่ ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ต้องหาความรู้เรื่องการสอนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็กและนั่นเองอินเทอร์เน็ทพระเอกของเราก็ได้ทำให้ได้พบกับการเรียนภาษาอังกฤษโดยวิธี  Phonic แบบว่าตามความเข้าใจแบบง่ายๆ วิธี Phonic นี้ก็คือวิธีการถอดรหัสเสียงอักษรภาษาอังกฤษที่มีอยู่ 26 ตัวนั้น ซึ่งมีทั้งหมด 44 เสียง และมันทำให้ตาสว่างว่า ภาษาอังกฤษไม่ได้สอนลูก (และลูกเรียน) ยากเลย มี Phonic สบายบรื๋อส์

http://www.atozphonics.com/phonicsounds.html

จากการสอนแบบง่ายๆ สบายๆ สไตล์แม่ลูก เรียนๆ งอนๆ กันไปมา สามเดือนกว่าที่เริ่มจาก เอ แอะ แอบเปิ้ล, บี เบอะ บอย... พร้อมๆ กับการเรียนอักษรมือประกอบด้วยและการหัดเขียนลายมือง่ายๆ ก็เห็นผลลัพธ์ว่าลูกสามารถอ่านคำที่เป็นสระเสียงสั้นทั้ง 5 ตัว (a e a i o u) ได้ (อักษรมือหัดแล้วใช้เล่นคำกับลูกเวลานั่งรถไปไหนๆ ได้ฝึกคำศัพท์และสนุกด้วยเพราะลูกคิดว่าเป็นการเล่นเกมส์อย่างหนึ่ง)

ลิ้งค์เหล่านี้เป็นคลิบโปรดในเกือยร้อยคลิบจากยูทูปที่ก้อบปี้ไว้ ... ลูกชอบ

http://www.youtube.com/watch?v=TAM17hA7YFA&feature=mfu_in_order&list=UL

http://www.youtube.com/watch?v=wMQHd1UBkeI

http://www.youtube.com/watch?v=PrWJ-rC4YQc&feature=related

วันนี้ก็เหมือนกับอีกหลายวันที่ผ่านมา คือฝึกให้ลูกใช้คีย์บอร์ด abc คู่กับเรียนภาษาไปด้วย อย่างที่เห็นวันนี้ลูกทำได้ดี มันคล้ายๆ กับว่าเิริ่มเข้าที่เข้าทาง อะไรทำนองนั้น ความรู้สึกอย่างท่วมท้นในใจขณะที่ลูกออกเสียงอักษรแต่ละตัวออกมาเป็นคำที่ถูกต้องนั้นมันบอกไม่ถูกว่าตื่นเต้น ดีใจ ภูมิใจ และประหลาดใจในเวลาเดียวกัน หลังจากผ่านวันเวลาแห่งการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างแม่กับลูกมานานพอสมควร ผ่านเวลาแห่งความฉงนฉงายว่าทำไมลูกอย่างนั้น ทำไมลูกไม่อย่างนี้ และวันนี้ได้คำตอบแล้วว่า การฝึกฝนอย่างต่อเนื่องทำให้เด็กประมวลสิ่งที่เขาเรียนรู้เป็นความเข้าใจได้โดยธรรมชาติ แม่ได้เรียนรู้ว่าเวลาสอนอย่าเร่งรัด อย่าเซ้าซี้ ต้องใจเย็น ฟังดูอาจจะเข้าใจยาก (เขียนไปก็ชักงงเอง) สิ่งที่แม่ได้เรียนรู้จากลูกคืออย่างไรคือความก้าวหน้าในความเข้าใจบทเรียนของลูก และสิ่งที่ได้เรียนรู้นี้เองแม่จะได้นำไปปรับปรุงตัวแม่เองในการสอนบทเรียนต่อๆ ไป

รูปข้างล่างนี้คือผลงานการพิมพ์ (จิ้ม) ตามคำบอกของของลูกศิษย์วัยเกือบสี่ขวบ (เฉพาะตัวอักษรสีชมพู...สีโปรดของคนวันอังคาร) พอจบเรื่อง Zac the Rat /a/ แม่ก็แต่งตัวให้กับเรื่อง บารายถูกใจมากเราเลือกรูปจากอินเตอร์เน็ทด้วยกันนำมาประกอบเรื่อง ขอบคุณเว็บไซต์ www.starfall.com และ youtube สำหรับบทเรียนภาษาอังกฤษดีๆ ที่คุณมีให้อย่างมากมาย Thanks so much!

 

 

I am Baray.

I am Baray.

We are brother and sister,sir.

คำสำคัญ (Tags): #www.starfall.com#www.youtube.com#phonic
หมายเลขบันทึก: 432525เขียนเมื่อ 24 มีนาคม 2011 01:11 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:39 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (10)

Good to see that parents are interested in teaching their own kids -- rather than leaving that to school or extra-school ;-)

One thing caught my attention: "...ออกเสียงอักษรแต่ละตัวออกมาเป็นคำที่ถูกต้อง..." Are we talking 'A', 'B', 'C',...? At 4 years old, children have ability to "read" 'words' and "write" some words correctly. Recent research results show that young children can learn languages from "listening" to person-to-person talking (not audio-visual machines but real persons). It is not clear "how" children learn languages. But in all experiments, children can learn more than 2 languages at the same time. And children who speak more than one language tend to do better in life ;-)

  • สวัสดีค่ะ
  • ขอชื่นชม
  • ลูกสอนให้แม่เรียนรู้ค่ะ

สวัสดีค่ะ

เริ่มเรียนภาษาอังกฤษจากแม่เช่นกันค่ะ ท่านสอนทุกเช้าเพราะบอกว่าตอนเช้าสมองจะว่าง จำดี ลิ้นอ่อน สอนจนจบมศ.3 (ตอนม.ปลายทบทวนเองเพราะแม่สอนจนจบระดับม.ปลายแล้ว) เรียนหมดทั้งเล่มเท่าที่มี และได้คะแนนสูงสุดของห้องตลอดมา

แต่สมัยก่อนไม่มีเทคโนโลยีอะไร นอกจากอ่าน ท่อง จำ จากหนังสือ และฝึกทำแบบฝึกหัดมาให้คุณแม่ตรวจให้  แม่ดีใจทุกครั้งที่เรามีผลการเรียนดี

ยุดนี้โชคดีทั้งแม่และลูกที่มีอุปกรณ์อำนวยการเรียนรู้ที่เพลิน ไม่น่าเบื่อ  ดีใจค่ะที่คุณแม่สอนลูกเช่นนี้

น่ารักจังครับ

การสอนก็ดีครับเด็กรักสัตว์เลี้ยงนะครับ

ขอบคุณค่ะสำหรับความเห็น ขอเพิ่มเติมนิดหนึ่งค่ะ ภาษาอังกฤษที่สอนลูกนั้นสอนโดยใช้ Phonics ค่ะ คือการเรียนเสียงจากอักษรทั้ง 26 ตัว ซึ่งมีทั้งหมด 42 เสียงหลักในการเรียนภาษาอังกฤษ การสอนลูกก็ใช้สื่อ audio ค่ะ แต่แม่ก็ต้องเรียนให้เป็นด้วยแล้วถึงได้สอนลูกและไปพร้อมๆ กัน สนุกค่ะ เด็กๆ เรียนรู้เร็วประกอบกับสอนให้ใช้อักษรมือด้วยยิ่งสนุกใหญ่เลย ไปไหนๆ ในรถ ก็เล่นคำกับลูกได้ เพราะฉะนั้น ลูกไม่จำเป็นต้องท่องคำศัพท์ทุกคำ (มีศัพท์หลายคำที่ไม่เข้าหลักการออกเสียง phonics ก็ต้องท่องจำบ้าง) เว็บไซต์ที่เหมาะสำหรับเด็กที่อยากแนะนำคือ www.starfall.com 

ที่บ้านเราสอนให้ลูกพูด 3 ภาษาค่ะ ภาษาแรกที่ให้ลูกพูดคือภาษาถิ่นสุรินทร์คือภาษาเขมร ภาษาไทย และภาษาอังกฤษตามลำดับ ตอนแรกๆ ก็ปนๆ กันบ้าง ได้บทเรียนจากลูกว่าธรรมชาติจะทำให้ลูกแยกได้เองว่าคำไหนคือภาษาอะไร เช่นลูกสาวน้องบารายคนนี้ ตอนแรกที่ยังไม่ได้สอนภาษาอังกฤษก็พูดสองภาษาคือไทยกับเขมรถิ่นสุรินทร์ บางครั้งในประโยคเดียวก็มีทั้งสองภาษาต่อมาลูกก็แยกได้เอง คิดดูแล้วก็แปลกใจแต่ก็สรุปว่าธรรมชาติของการเรียนรู้ของมนุษย์มันเป็นเช่นนี้เอง ตอนนี้ก็เหมือนกันเพิ่มภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันเข้าไปด้วยบ้าง เรื่อยๆ ไม่เน้นมากมาย ลูกก็ก็ติดปากหลายประโยคแล้ว เช่น thank you, i'm sorry, i'm thirsty, i'm hungry, i'm happy, yes, i am, no i am not เป็นต้น ก็สนุกดีค่ะ และเหนื่อยด้วย :)

อันนี้เป็นเพลงแรกที่ให้ลูกฝึก Phonetics

http://www.youtube.com/watch?v=U3S3OX6HQm4&feature=related

 

เพลงนี้ก็อยู่ในคอลเลคชั่นเหมือนกัน ชอบทั้งพี่ทั้งน้อง

http://www.youtube.com/watch?v=PrWJ-rC4YQc&feature=related

สวัสดีค่ะ

***แวะมาเยี่ยมชมบันทึกดีๆ

*** เด็กๆน่ารักมากค่ะ

 :)  ขอบคุณค่ะอาจารย์กิติยา :>

:> เรียกว่าแสบเล็กกับแสบใหญ่ค่ะ พี่น้องคู่นี้ :)

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท