เงื่อนเวลาที่เพียงพอ จนทำให้ชาเฉย


เพราะเพียงไม่หันกลับ หันหน้าเข้ามาหากัน ไม่ยอมถอยหลังสักคนละหนึ่งก้าว

     วันนี้ได้เรียนรู้จากคนรอบข้าง ในที่ทำงานมาเรื่องหนึ่ง น่าสนใจมากทีเดียว เกิดเป็นประเด็นที่น่าจะนำมาบันทึกไว้ เพื่อเตือนตน เตือนจิต และเตือนใจ (นึกขึ้นมาได้...เตือนจิตและเตือนใจ เป็นคู่แฝด ที่เป็นเพื่อนนักเรียนของผมตั้งแต่ประถมถึง ม.ต้น ประทับใจเพื่อนคู่นี้เยอะมาก...วันหลังค่อยบันทึกอีกครั้ง)

     ประเด็นที่ว่าคือการยื้อกันไปกันมา จนทำให้เกิดเงื่อนเวลาที่เพียงพอ จนทำให้ชาเฉยต่อกัน เพราะเพียงไม่หันกลับ หันหน้าเข้ามาหากัน ไม่ยอมถอยหลังสักคนละหนึ่งก้าว ซึ่งคงต้องถอยด้วยกัน ด้วยเพราะหากเพียงคนหนึ่งคนใด ย่อมทำให้เกิดเงื่อนเวลาที่เพียงพอ จนทำให้เกิดเป็นความเย็นชา (ชา ๆ เฉย ๆ) ต่อกันเสีย ยิ่งในระหว่างที่ได้เดินก้าวผ่านกันไปนั้น ก็ได้ก่อเกิดเรื่องราวต่าง ๆ เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่หยุดหย่อน แต่ละเรื่องเหล่านั้น ล้วนเป็นเรื่องที่ยิ่งเพิ่มระยะห่างของ “ใจ” และ “ใจ” ระหว่างกัน บาดหมางจนยากที่จะเยียวยา มองอย่างเสียดาย แสนเสียดายสัมพันธภาพที่มีมาอย่างยาวนานและแนบแน่น

     เพียงได้ถอยกันคนละก้าว แล้วไม่หลีกลี้หนีหายไปไหนเสีย ไม่ก่อเกิดเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ทำให้รอยร้าวนั้นฉีกขาดเพิ่มขึ้น ประเด็นนี้เคยได้นำมาเล่าให้ฟังแล้วว่า แม่เป็นคนสอนผมไว้คือว่า แม่ได้ตกลงกับพ่อตอนแต่งงานใหม่ ๆ ว่า “หากทะเลาะกัน ใครคนใด คนหนึ่งอย่าได้ออกไปจากบ้าน อย่าไปนอนที่อื่น ให้ทนอยู่ ระหว่างนั้นไม่ต้องพูดกันก็ได้” เมื่อได้นำมาทบทวนและประยุกต์ใช้ ผมว่าดีมากทีเดียว จนแม่เสียไปแล้ว ผมก็ไม่เคยเห็น พ่อหรือแม่ใครจะออกไปจากบ้าน เวลางอน ๆ กัน หรือโกรธกัน

หมายเลขบันทึก: 43238เขียนเมื่อ 7 สิงหาคม 2006 23:25 น. ()แก้ไขเมื่อ 19 มีนาคม 2015 08:31 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)
  • ได้ข้อคิดอย่างดีเท่าที่อ่านมา
  • อดทน อดกลั้น ใจเย็นแล้วค่อยคุยกันใหม่

DJ  Band  Singer 1  Singer 2 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท