มิติด้านการบำบัดยาเสพติด
ประเด็น |
ข้อค้นพบ |
การกำหนดเป้าหมายการบำบัด |
-จากการประเมินผลการดำเนินงานระบบบังคับบำบัด[1] พบว่าการดำเนินงานตามระบบสมัครใจในพื้นที่ จะมีความยากลําบากที่จะทําใหไดถึงเปาหมายที่ถูกกําหนดมาจากสวนกลาง เพราะการที่ผูเสพ/ผูติดจะยอมรับวาตนเสพยาเสพติดไมใชเรื่องงาย ในขณะที่ระบบบังคับบําบัดนั้น เปาหมายที่สวนกลางกําหนดมาใหในแตละปตํ่ากวาสภาพการณแทจริงที่เปนอยูดังนั้นเพื่อที่จะไมให้งบประมาณลดลงตามเปาหมาย หนวยงานสาธารณสุขในระดับจังหวัดจึงตองหาคนหาวิธีการที่จะนําผูเสพ/ผูติดเขาบําบัดรักษาแบบกึ่งสมัครใจกึ่งบังคับ ก็คือถูกบังคับมาจากพอแมผูปกครองญาติพี่นองหรือครอบครัว หรือการลงพื้นที่เจาหนาที่รัฐเพื่อประชา-สัมพันธ -การกำหนดเป้าหมายจากส่วนกลางมุ่งเน้นปริมาณมากกว่าคุณภาพของกระบวนการบำบัด จึงทําใหการทํางานของเจาหนาที่ผูปฏิบัติเกิดความสับสนและไมชัดเจนในวัตถุประสงคของผูกําหนดนโยบาย กระบวนการนําผูเสพ/ผูติดเขาสูระบบบําบัด และผูที่ผานการบําบัดแลวจึงไมเกิดประสิทธิผลเทาที่ควร |
การบำบัดรักษายาเสพติด |
การดำเนินงานระบบบังคับบำบัด -การจับกุมผูเสพ/ผูติดเขาสูกระบวนการบังคับบําบัดนั้นมาจากหลายชองทางทั้งจากการสืบประวัติของผูกระทําความผิดเอง จากการซัดทอดของผูตองหาอื่น การ สุมตรวจคนจากดานตรวจ การแจงเบาะแสจากประชาชน และสายของตํารวจที่เขาไปคลุกคลีกับคนในหมูบาน-ชุมชน จากการดำเนินงานตามระบบบังคับบำบัดพบว่าสถานบําบัดไมเพียงพอตอผูที่เขารับการบําบัดฟนฟูแบบควบคุมตัว สถานบําบัดในแตละแหงสามารถรับได ๕๐-๑๐๐ เตียงเทานั้น เนื่องจากมีพื้นที่ที่จํากัด ในขณะที่มีผูถูกวินิจฉัยใหเขาสูกระบวนการบําบัดฟนฟูแบบควบคุมตัวมีเปนจํานวนมากจึงเกิดการตกคางของผูที่เขาบําบัด ในบางพื้นที่มีวิธีการแกปญหาโดยการปรับลดระดับความรุนแรงของผูที่ตองบําบัดแบบควบคุมตัวใหอยูในแผนแบบผูปวยนอกการจัดคายระยะสั้น ๔-๗ วัน ซึ่งเป็นวิธีการที่หลายจังหวัดมีการนํามาใช |
ประเด็น |
ข้อค้นพบ |
|
เพื่อลดปญหาของสถานบําบัดไมเพียงพอ ระยะเวลาในการจัดคายซึ่งสามารถจัดคายไดเพียงระยะสั้นเนื่องดวยงบประมาณจํากัดและภาระหนาที่ของเจาหนาที่ คุมประพฤติทุกคนที่มีปริมาณมากแตการบําบัดแบบควบคุมตัวนั้นตองใชในระยะเวลา ๑๒๐ - ๑๘๐ วัน ตามที่กรมฯ กําหนด ดังนั้นการจัดคายบําบัดระยะสั้น เพียง ๔-๗ วัน จึงไมสามารถใหการบําบัดไดครบทุกโปรแกรม คุณภาพของการบําบัดฟนฟูแบบจัดทําคายระยะสั้นจึงไมเกิดประสิทธิภาพเทาที่ควร เกิดการกลับมาเสพซํ้าของผูติด ซึ่งถึงแมวาวิธีดังกลาวจะไมเกิดประสิทธิภาพเทาที่ควร แตกระบวนการบําบัดฟนฟูก็ตองคงดําเนินการตามขั้นตอนของระบบบังคับบําบัดตอไป จึงนับวาเปนหนทางที่ดีกวาการปลอยใหผูเสพ/ผูติดตกคางอยูที่คุมประพฤติโดยมิไดกระทําการใดๆ -การควบคุมตัวไวในสถานที่ควบคุมตัวกรณีไมประกันตัวผลการศึกษาในแตละพื้นที่พบวามีการลงความเห็นจากทุกฝายที่มีสวนเกี่ยวของในดานการบําบัดฟนฟู ผูเสพ/ผูติด ระบุใหเรือนจําเปนสถานที่เหมาะสมที่สุดในการควบคุมตัวผู้ที่อยูระหวางรอตรวจพิสูจน โดยคนกลุมนี้ตองเขาไปอยูในเรือนจําเพื่อรอผลพิสูจน วาตนเองเปนผูเสพหรือผูติด ซึ่งในชวงนี้ทางราชทัณฑจะเปนผูดูแล และหามนักโทษอื่นมาปะปนแตในบางจังหวัดจะมีขอจํากัดของพื้นที่ ซึ่งจำนวนของผูรอตรวจพิสูจนมีจํานวนมากเกินกวาเรือนจําจะรองรับไดและเนื่องจากไมมีสถานที่อื่นรองรับ จึงจําเปนตองอยูอยางแออัด สําหรับในสวนของการจัดกิจกรรมที่จะแกไข ฟนฟูนั้นยังไมพบขอมูลหรือนโยบายในการจัดทําหลักสูตรบําบัดในระยะสั้นของเรือนจําที่ชัดเจน -ในกระบวนการของระบบบังคับบําบัดไมวาจะเปนแบบควบคุมตัว และไมควบคุมตัว ตองมีครอบครัวเปนหลักในการเขารวมกิจกรรม ในการอบรมปฐมนิเทศ จะตองมีครอบครัวมาดวยทุกราย เพราะถือวาครอบครัวเปนจุดเริ่มตนที่สําคัญในการแกปญหา -เมื่อเสร็จสิ้นกระบวนการบําบัดตามกําหนดเวลาคือ ๑๒๐-๑๘๐ วันผูปวยมักจะไมตองการใหติดตาม ซึ่งตองมีการชี้แจงใหผูปวยฟงวาการติดตาม ไมใชการจับผิด แตคือการไปติดตามดูแลเพื่อชวยเหลือ ซึ่งผลการศึกษาพบวาสํานักงานคุมประพฤติแตละจังหวัดที่ศึกษานั้น มีจํานวนผูเสพมากกวา ๑,๐๐๐ รายที่จะตองดําเนินงานติดตามดูแล ซึ่งในการติดตามจะใชงบประมาณจํานวนมหาศาล และมีขอจํากัดมากมาย ทั้งในการเดินทางติดตาม สภาพพื้นที่และความหางไกลของระยะทาง โดยเฉลี่ยใน ๑ ราย ตองใชงบประมาณในการติดตามดูแล ๕๐๐ บาทตอครั้ง ซึ่งเปนขอจํากัดที่เกิดขึ้น -สํานักงานคุมประพฤติไดมีความพยายามในการแกไขปญหาดังกลาว โดยประสานงานใหอาสาสมัครคุมประพฤติหรือเครือขายผูนําชุมชนผูใหญบานกํานัน ที่มีอยูในหมูบาน-ชุมชนหรือหนวยงานที่ทําหนาที่บําบัดอยูแลวใหเขามามีสวนรวมในกระบวนการนี้ ซึ่งก็สามารถดําเนินการติดตามไดสวนหนึ่ง แต่วิธีนี้ยังมีขอจํากัด ในการที่จะสรางใหอาสาคุมประพฤติเหลานั้นมีทักษะในการติดตามผูติดยา หรือผูเลิกยาเสพติด เพราะการทำงานตองมีทักษะเทียบเทากับเจ้าหน้าที่คุมประพฤติ
|
ประเด็น |
ข้อค้นพบ |
|
ชาวบานหรืออาสาสมัครคุมประพฤติหรือเครือขายที่จะทําหนาที่ตรงนี้ไดตองไดรับการฝกอบรม เพราะถาผูติดตามไมไดรับการอบรมหรือฝก จะไมสามารถทํางานไดและเมื่อเวลาเกิดปญหาขึ้นในระหวางการติดตามก็อาจจะสงผลถึงความปลอดภัยของผูติดตามเอง ดังนั้นจึงตองมีกระบวนการในการติดตามที่มีคุณภาพใหสามารถมีขอมูลชี้ชัดไดวาผูที่ผานการบําบัดแลวสามารถกลับสูสังคมไดดีหรือไม -ขอเสนอแนะจากผลการวิจัย ๑) ใหมีหน่วยงานบําบัดโดยเฉพาะทําหนาที่เปนหนวยงานรับผิดชอบการดําเนินงานตามกระบวนการบําบัดเพราะทรัพยากรการบริหารที่มีอยูในขณะนี้ไมสามารถดําเนินงานใหบรรลุผลสําเร็จ ทำไดเพียงการประคับประคอง ๒) การสงเสริมใหหนวยงานที่รับผิดชอบการดําเนินงานดานการบําบัดฟนฟูในระดับจังหวัด ทุกระบบ ทั้งระบบสมัครใจ ระบบบังคับบําบัด และระบบเรือนจํา มีการบูรณาการการทํางานและงบประมาณรวมกัน ๓) ควรมีการศึกษาความเปนไปไดในการตั้งเปาหมายจํานวนผูเสพที่จะเขาสูระบบการบําบัดรักษาแบบสมัครใจ วามีความสอดคลองหรือไมเพียงใดกับสภาพการณของปัญหาในพื้นที่และควรเปดโอกาสใหหนวยงานในพื้นที่ไดมีสวนรวมในการกําหนดเปาหมายตางๆ เหลานี้ดวย ทั้งนี้เพื่อใหการดําเนินงานสามารถตอบสนองตอ นโยบายจากสวนกลางและสามารถแกไขปญหาในพื้นที่ไดอยางแทจริงควบคูกันไป ๔) การปรับปรุงระบบเครือขายฐานขอมูลและการบันทึกใหมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมทั้งการสรางความรูความเขาใจใหกับเจาหนาที่ผูรับผิดชอบถึงความสําคัญและความจําเปนในการบันทึกขอมูล -ข้อสังเกต[2] ๑) แม้ว่า พรบ.ฟื้นฟูฯ มีเจตนารมณ์เพื่อช่วยให้ผู้เสพหรือติดยาเสพติดได้รับการปฏิบัติแบบผู้ป่วย ไม่ใช่อาชญากร แต่ในทางปฏิบัติผู้ป่วยที่เข้าสู่ระบบบำบัดในระบบบังคับบำบัดแบบควบคุมตัวยังขาดการปฏิบัติตามสิทธิของผู้ป่วย เช่น ไม่มีสิทธิเลือกรูปแบบการบำบัด ไม่มีสิทธิแสดงความเห็นกับแผนการบำบัด ผู้เข้ารับการบำบัดในศูนย์เดียวกันต้องผ่านวิธีการบำบัดแบบเดียวกัน ทั้งนี้ การใช้กระบวนการวิเคราะห์และประเมินผลอย่างละเอียดเพื่อกำหนดวิธีปฏิบัติและมาตรการ
|
ประเด็น |
ข้อค้นพบ |
|
แก้ไขที่สอดคล้องกับความต้องการของผู้รับบริการ จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการบำบัด ๒) กรมคุมประพฤติควรทบทวนนโยบายการควบคุมตัวบุคลในเรือนจำเป็นเวลา ๔๕ วัน เพื่อรอการตรวจพิสูจน์ เนื่องจากข้อจำกัดของสถานที่ นอกจากนี้ไม่ควรควบคุมตัวในเรือนจำ แต่อาจควบคุมตัวในสถานบริการสุขภาพ หรือการปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างรอการตรวจพิสูจน์ ทั้งนี้เนื่องจากการควบคุมตัวในสถานที่ ที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลา ๔๕ วัน เป็นเหมือนการลงโทษผู้กระทำผิดคดียาเสพติดทั้งๆ ยังไม่มีการไต่สวนความผิด ผลการดำเนินงานตามระบบบำบัดสมัครใจ[3] -ด้านสถานที่บำบัด ระดับหมูบาน-ชุมชน มีการจัดตั้งศูนยบําบัดภาคประชาชน ในบริเวณศาสนสถาน เชน วัดและมัสยิด โดยการนําผูเสพ/ผูติดเข้าคายบำบัดฯ ที่มัสยิด มีการละหมาดรวมกันระหว่างพอแม/ผูปกครอง ใชศาสนาเปนเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจของผูปวยที่เขารับการบําบัด มีการทํากิจกรรมรวมกัน -การบำบัดระดับจังหวัด พบว่ายังไมมีคายบําบัดยาเสพติดที่เปนสถานที่สําหรับการบําบัดยาเสพติดจริงๆ ในพื้นที่ ซึ่งการดําเนินงานในการบําบัดรักษาฟนฟูฯ ในปจจุบันดําเนินการโดยใชคายบําบัดของหนวยงานราชการตางๆ ในจังหวัดหรือพื้นที่ใกลเคียงแทน เชน คายทหาร คาย อส.จังหวัด คายทหารบก คายทหารอากาศ เปนตน โดยเฉลี่ยมีระยะเวลาในการบําบัดรักษาประมาณ ๗-๙ วัน -ในสวนของหนวยงานสาธารณสุขนั้น ไดใช้วิธีการนําเขาบําบัดตามสถานพยาบาล สถานีอนามัยในพื้นที่หมูบาน-ชุมชนดวยกระบวนการ Matrix Program หรือ “จิตสังคมบําบัด” ซึ่งเปนลักษณะของการปรับเปลี่ยนทัศนะคติของผูเสพ/ผูติดใหเกิดความรักในตัวเองและคนรอบขางหรือบอกเลาปญหาของตนเองที่ไดประสบ -ขอคิดเห็น ๑) สวนกลางควรวางระบบการบําบัดคือไมใชยึดที่ Matrix Program เพียงอยางเดียวแตควรที่จะมีการบูรณาการโดยดูปญหาของแตละจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดที่มีคนไขจำนวนมาก ควรวิเคราะห์จุดอ่อนของรูปแบบการบำบัด Matrix Program ว่าควรเพิ่มเติม ปรับเปลี่ยนอย่างไร และส่วนกลางวางระบบโดยการพัฒนาศักยภาพของบุคลากรใหมีความเชี่ยวชาญ ๒) เรื่องการสนับสนุนสื่อและอุปกรณที่ใชประกอบในการบําบัดซึ่งเปนเรื่องจําเปน ปัจจุบันสาธารณสุขจังหวัดตองแกปญหาดวยตนเอง |
ประเด็น |
ข้อค้นพบ |
|
๓) การสงเสริมใหความรู/ความเขาใจใหกับประชาชนทั้งประชาชนทั่วไป และผูที่เกี่ยวของกับยาเสพติดในเรื่องกระบวนการชุมชน ประชาสังคม และมาตรการสมัครใจในการนําผูเสพยาเสพติดเขารับการบําบัดรักษา และสงเสริมการสรางวิทยากรชุมชนใหเขามามีบทบาทในภารกิจเหลานี้เพื่อสรางความมั่นใจใหกับพอแม ผูปกครองที่จะนําบุตรหลานของตนเขารับการบําบัดรักษาและเพื่อปรับเปลี่ยนใหประชาชนมีทัศนคติในเชิงบวกตอการดําเนินงานดังกลาว |
การเพิ่มประสิทธิภาพการนำผู้ป่วยเข้าสู่กระบวนการบำบัดตามระบบสมัครใจ[4] |
จากการทบทวนวรรณกรรมของต่างประเทศพบว่าปัจจัยที่มีผลต่อการเพิ่มจำนวนผู้เข้าถึงบริการและอยู่ครบกำหนดการบริการบำบัดฯ แบบสมัครใจ ได้แก่ ปัจจัยด้านตัวผู้เสพ/ผู้ติด -ทัศนคติของชุมชน เช่น ทัศนคติด้านลบของชุมชนที่มีต่อคุณภาพการดูแล ความตระหนักถึงความสำคัญของนโยบายที่เกี่ยวข้อง การยอมรับจากชุมชน -ทัศนคติของผู้เสพ/ผู้ติด เช่น ทัศนคติต่อพฤติกรรมการเสพ การรับรู้ต่อปัจจัยเหตุที่ทำให้ตนเองมีพฤติกรรมการติด การรับรู้ความรุนแรงของโรค ระยะเวลาที่มีพฤติกรรมเสพติด การรับรู้ต่อคุณภาพการบริการของสถานบริการ รวมทั้งการรับรู้ประสิทธิภาพของการบำบัดของสถานบำบัด การยอมรับเคารพผู้ให้การบำบัด ความพร้อมในการเข้ารับการบำบัด ความต้องการการเปลี่ยนแปลงมากกว่าต้องการความช่วยเหลือ เป็นต้น ปัจจัยด้านสถานบริการ -ปัจจัยด้านระบบบริการสุขภาพ เช่น ความแพร่หลาย (Availability) ของสถานบริการ หรือการบริการ รวมถึงการเชื่อมโยงระบบและการบริการ ความสามารถเข้าถึงสถานบริการของผู้ป่วย ราคาการรับบริการที่สามารถจ่ายได้ -ปัจจัยด้านการบริการ เช่น คุณภาพการบริการ รูปแบบการบำบัด (การเตรียมความพร้อม การเพิ่มความร่วมมือในการบำบัดรักษา การเพิ่มการเข้าถึงบริการโดยครอบครัว สถานศึกษา ชุมชน รัฐบาล การจัดรูปแบบองค์กรเพื่อเพิ่มจำนวนผู้มาใช้บริการ (การสร้างความเป็นเจ้าของ โครงสร้างภายในองค์กร มาตรฐาน การให้บริการ การจัดรูปแบบการดูแลกฎระเบียบ เป็นต้น ตัวอย่างการดำเนินงานในระดับพื้นที่ -การใช้ชุมชนเป็นฐาน การเสริมสร้างชุมชนเข้มแข็ง โดยวิทยากรกระบวนการกระตุ้น ให้การปรึกษา ร่วมดำเนินงาน งานประชุมประชาคมเพื่อค้นหาผู้เสพ/ผู้ติด สร้างช่องทางสื่อสารในชุมชน นำกลุ่มเยาวชนที่ผ่านการบำบัดมาจัดตั้งกลุ่มเยาวชนแกนนำเพื่อเฝ้าระวังดูแลเยาวชนในชุมชน -การใช้แนวคิดนักเรียน นักศึกษาเป็นฐานเพื่อเข้าถึงกลุ่มผู้เสพ/ผู้ติดที่เป็นนักเรียน นักศึกษา การอาศัยสถานศึกษาเป็นพื้นที่เป้าหมาย การใช้โครงการหมู่บ้าน |
ประเด็น |
ข้อค้นพบ |
|
ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงเป็นพื้นที่บำบัด การฟื้นฟูผู้เสพผู้ติดภายใต้บรรยากาศครอบครัวอบอุ่น การใช้โต๊ะข่าว (ทุกสัปดาห์) ในการบริหารนโยบาย การกำกับติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน และบูรณาการระดับจังหวัด -ปัจจัยความสำเร็จ ประกอบด้วย การดำเนินงานเน้นผู้เสพ/ผู้ติดเป็นศูนย์กลาง สร้างกระบวนการทำงานรูปแบบเครือข่าย ระบบการประสาน กำกับติดตาม และประเมินผลการดำเนินงาน ขั้นตอนการดำเนินงานที่เป็นระบบ อันประกอบด้วย การเตรียมการ การพัฒนาทีมวิทยากร การทำความเข้าใจหลักสูตรการบำบัด การคัดกรองกลุ่มเป้าหมาย โดยการให้เจ้าหน้าที่หรือผู้คัดกรองเข้าใจวิธีการคัดกรอง มีการเตรียมความพร้อมผู้เข้ารับการบำบัด การปฐมนิเทศ การจัดกลุ่มเพื่อสร้างแรงจูงใจ อย่างไรก็ตาม การบำบัดควรยึดพื้นที่และวิถีชุมชนเป็นหลักเพื่อให้การแก้ไขปัญหายาเสพติดเหมาะสมกับบริบทและมีประสิทธิภาพ |
[1] การสํารวจวิจัยการดําเนินงานเพื่อการพัฒนาระบบบังคับบําบัด, ดร.นพดล กรรณิกา และคณะ,๒๕๕๓ เข้าถึงได้จาก http://www.nccd.go.th/upload/content/1.2(1).pdf วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
[2] การบังคับบำบัดในประเทศไทย ข้อสังเกตต่อพระราชบัญญัติฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด พ.ศ. ๒๕๔๕,Richard Pearshouse Canadian HIV/AIDs Legal Network,2009 ,แปลจาก Compulsory Drug Treatment in Thailand : Observations on the Narcotic Addict Rehabilitation Act B.E. 2545 (2002), พิภพ อุดมอิทธิพงศ์,๒๕๕๑
[3] การสำรวจวิจัยการดำเนินงานในระบบการนำผู้เสพ-ผู้ติดยาเสพติดเข้าบำบัดรักษาด้วยกระบวนการชุมชน ประชาสังคม และมาตรการสมัครใจ,ดร.นพดล กรรณิกา และคณะ,๒๕๕๓ เข้าถึงได้จาก http://www.nccd.go.th/upload/content/011.pdf, วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔
[4] ปัจจัยความสำเร็จด้านการเพิ่มจำนวนผู้เสพ/ ผู้ติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดฟื้นฟูระบบสมัครใจ ในการปฏิบัติงานระดับพื้นที่, ดร.ดรุณี ภู่ขาว และคณะ (อยู่ระหว่างดำเนินโครงการวิจัย)
ไม่มีความเห็น