73. Japanification” เป็นอย่างญี่ปุ่น?


         ญี่ปุ่น คือตัวอย่างของประเทศหนึ่งซึ่งเกิดการพลิกผันของชะตากรรมเชิงเศรษฐกิจอย่างรุนแรงและยาวนานชนิดที่น้อยประเทศนักจะพบพานในประวัติศาสตร์โลกร่วมสมัย

       

          ครั้งหนึ่ง ญี่ปุ่น คือตัวอย่างของ “ความสำเร็จแห่งเอเชีย” ผู้คนจากดินแดนแห่งอาทิตย์ยามอุทัยแห่งนี้มีวิถีและรูปแบบของการใช้ชีวิต เป็นที่อิจฉา ริษยาของผู้คนทั่วโลก

 

          ทศวรรษ 1980 ญี่ปุ่นกลายเป็นชาติแรกจากเอเชียที่มีศักยภาพเกินพอต่อการท้าทายการครอบงำทั้งโลก ที่อยู่ในกำมือของชาติตะวันตกมายาวนาน

 

           ในปี 1991 นักเศรษฐศาสตร์หลายคนพากันคาดการณ์ว่า ภายในทศวรรษแรกของศตวรรษใหม่ นั่นคือในปี 2010 ญี่ปุ่นจะผงาดขึ้นเป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกแทนที่สหรัฐอเมริกา

 

         นักธุรกิจญี่ปุ่นยืดอกอย่างทะนงรับรู้นิยามที่ผู้คนในแวดวงเดียวกันจากทั่วโลกพาดพิงถึงว่า ยะโส โอหัง

 

         แต่แล้ว....ญี่ปุ่นในปีนี้ ไม่เพียงมีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงอย่างยิ่งกับเมื่อ 10 หรือ 20 ปีก่อนเท่านั้น สัตว์เศรษฐกิจตัวนี้ยังสูญเสียจิตวิญญาณของตัวเองไปโดยสมบูรณ์แบบ อีกด้วย

 

          ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของญี่ปุ่นในปี 2010 มีมูลค่า ณ อัตราแลกเปลี่ยนปัจจุบันอยู่ที่ 5.7 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่จีดีพีของสหรัฐอเมริกา เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในช่วงเวลาเดียวกันเป็น 14.7 ล้านล้านดอลลาร์

 

        เดือนสิงหาคมปี 2010 ญี่ปุ่นไม่เพียงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ยังถูก จีน แซงหน้าขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก เป็นอันดับ 2 แทน

 

        ญี่ปุ่นเต็มไปด้วยปัญหาการเมือง ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ตกอยู่ในสภาวะ “อัมพาต” ในห้วงเวลาดังกล่าวนี้ ญี่ปุ่นมีนายกรัฐมนตรีรวมทั้งสิ้น 14 คน ไม่มีผู้ใดเลย สามารถแม้เพียงแค่ “จุดประกาย” ให้ความหวังและแรงบันดาลใจกับสังคมญี่ปุ่นได้

 

         นาโอโตะ คัง นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของญี่ปุ่น และรัฐบาลญี่ปุ่นทำได้เพียงแค่การกระตุ้น.... กระตุ้น..... และกระตุ้นเศรษฐกิจ

 

        หว่านและอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบครั้งแล้วครั้งเล่า อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแทบเป็น 0 เปอร์เซ็นต์ มานานปีดีดัก ผลลัพธ์ที่ได้คือ ญี่ปุ่น กลายเป็นประเทศที่มีหนี้ภาครัฐสูงที่สุดในโลก  สูงถึง 200 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพี!

 

          สังคม เล่า? ประชากรญี่ปุ่นหดตัวลงอย่างรวดเร็ว ญี่ปุ่นกลายเป็นประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในโลก ระดับ “คนยากจน” เพิ่มขึ้นตามอัตราว่างงาน เช่นเดียวกับอัตราการฆ่าตัวตาย

 

         โดยเฉลี่ยแล้ว มีผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมในญี่ปุ่นมากกว่า 30,000 คนต่อปี มากถึงขนาดตามเส้นทางรถไฟในกรุงโตเกียว จำเป็นต้องติดไฟสีน้ำเงินนวลตาเอาไว้เรียงรายตลอดแนวราง

 

         โดยหวังว่ามันจะช่วยปลอบประโลม หรือเปลี่ยนการตัดสินใจของใครก็ตามที่มาที่นี่เพื่อปลิดชีวิตตัวเอง 

 

         สังคมญี่ปุ่นชราลงอย่างรวดเร็ว เป็นสังคมที่ “ชราภาพ” มากที่สุดในโลก ในข้อเท็จจริงเรื่องนี้ ยังมีอีกข้อเท็จจริงซุกงำอยู่อย่างชวนตกตะลึง

 

              “โซเง็น คาโตะ” มีชื่ออยู่ในบันทึกของเทศบาลนครโตเกียวว่าเป็นชายที่มีอายุยืนที่สุดในเขต เมืองหลวงของประเทศแห่งนี้ นับถึงตอนนี้ เขา “ควร” อายุ 111 ปี เจ้าหน้าที่พบเขาอยู่ในสภาพแห้งกรัง มวลเนื้อของร่างกายสูญสลายเหลือเพียงหนังหดแนบแนวกระดูก อยู่บนเตียงนอน มองปราดแรกชวนให้เข้าใจว่าเป็นมัมมี่

 

          บุตรีวัย 81 บอกกับเจ้าหน้าที่ว่า โซเง็น ทะเลาะกับหลานๆ แล้วก็สะบัดหน้าเดินเข้าห้องนอน ไม่ยอมออกมาอีกเลยนับตั้งแต่วันนั้น

  

         นั่นไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าหากว่า เหตุการณ์ตามคำบอกเล่าไม่ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน! ลูกๆ หลานๆ ทำอะไรอยู่ในช่วงเวลานานนักหนานั้น?

 

          คำตอบคือ ครอบครัวคาโตะ เก็บงำเรื่องทั้งหมดไว้ เพียงเพื่อให้ได้รับบำนาญและเงินช่วยเหลือพิเศษสำหรับผู้สูงอายุเกิน 100 ปี ของทางการได้ต่อไป

 

           นั่นยังไม่ชวนให้ช็อคเท่ากับอีกกรณี ของสุภาพสตรีชาวญี่ปุ่นอีกราย เธอ “ควร” มีอายุ 104 ปี ในปีนี้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจสอบพบเพียงแค่ “กะโหลก” ของเธอ เก็บไว้เป็นอย่างดีในเป้สะพายหลัง ที่บุตรชายอายุ 64 ปี เป็นเจ้าของ

 

           คำให้การของผู้ลูกสูงวัยก็คือ เมื่อมารดาเสียชีวิต เขาชำระศพอย่างดี จากนั้นชำแหละอย่างระมัดระวังเป็นชิ้นๆ สตัฟฟ์เก็บไว้ในเป้ใบนี้ เหตุผลง่ายๆ สั้นๆ ที่เขาให้กับเจ้าหน้าที่ก็คือ

 

“ผมไม่มีเงินค่าจัดการศพ”!

บันทึกนี้ยาวมากแล้ว....เอาไว้ต่อคราวหน้านะครับ

ขอขอบคุณ  ปิยมิตร ปัญญา, The Nation, 23 Nov. 2010

หมายเลขบันทึก: 430995เขียนเมื่อ 13 มีนาคม 2011 16:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:38 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)

   *** .... หลากมุมมองที่ต้องค้นหา....ซุกซ่อนอยู่ทั่วไปในสังคมทุกอารยประเทศ....  *** 

                              
                                         

  • สวัสดีค่ะ
  • เห็นภาพหนูน้อยเต้นได้น่ารักมาก ๆ  นึกถึงกัลยาณมิตรก็เลยนำมาฝากกัน ชมเพื่อความเพลิดเพลินค่ะ
  • ด้วยความระลึกถึงค่ะ
  • ขอบคุณค่ะ

                                   ภาพขนาดย่อ

คารวะท่านพี่

  • ฝากดอกไม้สวยๆไปเที่ยวด้วยนะคะ

สวัสดีครับ 

     ใช่ครับ....สิ่งที่เรามองเห็น...บางครั้งไม่ใช่สิ่งที่เราสัมผัสทางตา...

(เอ๊ะ...ชักจะงงเองซะแล้ว...) อ้อ..ผมตั้งใจจะบอกว่า...สิ่งที่เราเห็น อาจเป็นภาพลวงตา...

อย่างดอกไม้ในอ่างแก้ว....อาจเกิดในอ่างแก้ว หรือ อาจมีคนเอาดอกไม้ไปวางไว้ 

แต่...จะอย่างไรก็เถอะ...ขอขอบคุณดอกไม้แสนสวยครับ

 

 

สวัสดีครับ

โตขึ้นขอสนับสนุนให้เป็นดารา....

ขอบคุณครับ

ลุกขึ้น 

ฮ่า ฮ่า 555

ดอกอะไรละเนี่ย...คุณยาย เหมือนชะบา แต่ทำไมเป็นพุ่ม 

มีดอกไม้แปลกๆ เยอะเลยนะครับ

ฝากไปเที่ยว..ก็ยินดีรับฝาก...

ตอนนี้ลูกทัวร์กลัวสึนามิ ชักจะไม่อยากไปภูเก็ต แต่..หลายคนบอก..

"โชคดี...หากได้เจอ" 

ขอบคุณครับ


สวัสดีค่ะ

สิ่งที่ไม่รู้ยังมีอีกมากมาย

แวะมามองอีกมุมหนึ่งของญี่ปุ่นค่ะ

สวัสดีครับ

เห็นด้วยครับ....และเราไม่สามารถที่จะรู้ได้ในทุกๆ เรื่อง

พระท่านบอกว่า....ควรรู้..ในสิ่งที่ควรรู้....

ขอบคุณครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท