....เป็นเรื่องของครูปอเองนั่นแหละ...กับการลดเงินเดือน ที่อาจจะทำให้ต้องเสียใจไปตลอดชีวิต....
......ทุกเดือนครูปอจะนำเงินส่วนหนึ่งไปให้แม่...ซึ่งหลาย ๆ คนก็คงทำเช่นนี้...นอกจากให้แม่แล้วครูปอยังให้พี่สาวด้วย...เพราะพี่สาวเป็นผู้ดูแลแม่.....ครูปอถือว่า..ใครที่ดูแลแม่.....ครูปอควรดูแลเขาด้วย...
มีอยู่ช่วงหนึ่ง เมื่อปี 2553 นี่เอง.....แม่วัย 83 ปี ต้องได้รับการรักษาโรคร้าย...ทั้งผ่าตัด ฉายแสง...และ..เคมีบำบัด...ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ สูงขึ้น.หลังการผ่าตัด..คนดูแลทั้งน้องสาว..พี่สาว....ต้องพาแม่ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ตามที่คุณหมอนัด...หมอนัดถี่มาก บางเดือนไป3-5 ครั้ง บางเืดือนไปเกือบทั้งเดือน....
ครูปอเองก็คิดว่า...น่าจะลดเงินเดือนแม่..แล้วมาให้พี่สาว เป็นค่าใช่จ่ายน่าจะดี...เป็นการช่วยค่าใช้จ่ายผู้พาแม่ไปหาหมอ...พอถึงสิ้นเดือน...ครูปอจะนำเงินไปให้แม่ก้บพี่สาวตามปกติ...แต่ก่อนจะไป ครูปอคุยกับพี่นพวรรณ...ซึ่งเป็นครูที่อยู่บ้านพักเดียวกัน เราอยู่กันหลายคน...ถึงการจะลดเงินเดือนแม่....พี่นพวรรณคัดค้าน...โดยให้เหตุผลว่า อย่าไปลดของเขาเลย.ให้เขาไปเถอะ.เขาอยู่กับเราได้อีกไม่นานหรอก...ให้เขาไปเถอะ. เดี๋ยวเขาเสียใจ..พอมีคนคัดค้านครูปอก็ไขว้เขว..และก็ไม่ได้ลด...
ไปถึงบ้านครูปอส่งเงินให้แม่....ซึ่งเป็นแบ้งค์พัน..ห้าร้อย...หนึ่งร้อย..ห้าสิบ ..และยี่สิบบาท...ปน ๆ กัน..เพื่อแม่จะได้ใช้จ่ายสะดวก....พร้อมกับหยอกล้อเล่นตามปกติ.."ลองนับดูซิ..ได้ครบหรือเปล่า" ครูปอหยอก..แม่กล่าวตอบ..เป็นคำตอบที่หัวใจของครูปอหล่นวูบ..."ไม่ต้องนับหรอก..คนนี้เขาไม่เคยให้เงินแม่ขาด..มีแต่เพิ่ม" แล้วแม่ก็หัวเราะพร้อมกับนำเงินใส่กระเป๋าเสื้อสายเดี่ยวคอกระเช้า..ใส่ผิด ๆ ถูก ๆ จนครูปอต้องช่วยเปิดกระเป๋าให้....แม่ยังพูดต่ออีกว่า.."เืดือนที่แล้ว...ทำบุญสร้างศาลาสวดศพเขาไป 1000 นึ่งแน่ะ.." ครูปอหัวเราะบอกกับแม่ว่า...ทำไปเถอะไม่ต้องเสียดาย...เงินไม่มีวันหมดหรอกเดือนเดียวเดี๋ยวเงินก็มา....พอดีเรือขายไอติม...ที่ขับแล่นผ่านในคลองหน้าบ้านผ่านมา..แม่บอกหลาน ๆ ให้ไปเรียกเรือไอติมพลางเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อที่ใส่สตางค์ไว้เมื่อตะกี้..พร้อมพูดว่า..."ไปเรียกไอติมไว้...เร็วววว....ย่าเลี้ยงไอติม..."หลาน ๆ รีบวิ่ง..ขาแทบจะไขว้กันไปเรียกเรือไอติม....เพราะย่าจะเลี้ยง...
เนี่ย...ถ้าครูปอลดเงินเดือนแม่ "หัวใจเหี่ยว ๆ ของแม่...คงหมองเศร้า...เพราะถูกลูกตัดเงินเดือน..."..คนแก่ ๆ ทุกคน...จำเป็นต้องมีเงินไว้ในกระเป๋า...เพื่อเป็นบารมีให้กับตนเองและแผ่ไปยังลูกหลาน..โชคดีหรือเกินที่ครูปอพูดให้เพื่อนฟัง...แล้วเพื่อนก็คัดค้าน....ไม่งั้นคงต้องเสียใจไปตลอดชีวิต...ที่.."ตัดเงินเดือนแม่"
ครู ป ขึ้นรถหมอชิตมาถึงตีไหนครับ
สวัสดีค่ะครูเด...สำหรับวันที่เขียน...ถึงตี 4 ค่ะ...เป็นคืนที่ลำตะคองสวยมาก ๆ (ตอนหัวค่ำ)...แต่พอมาถึง ขุขันต์...ขุนหาญ...มืดสนิทเลยค่ะ.....
แต่ถ้าขึ้นรถจากกรุงเทพ สัก 3 ทุ่ม..สมัยนั้นนะคะ....จะถึงประมาณ ตี 5 ถึง ตี 5ครึ่งค่ะ....แต่ปัจจุบันถนนหนทางคงดีกว่าแต่ก่อนอาจเดินทางได้สะดวก..เมื่อก่อนเป็นรถสีส้ม....กับรถทัวร์..วันนั้นตั้งใจไปรถทัวร์..แต่ดันไปขึ้นรถสีส้มค่ะ....
ความกตัญญูเป็นเครื่องหมายของคนดี
ครับครูปอ
หัวใจของแม่
ลูกต้องดูแล
และรับผิดชอบครับผม
ยินดีกับครูด้วยครับ
เล่าเรื่องเก่าต่อด้วยครับ