ระวังกล้ายางตาสอยคืนชีพ
ช่วงนี้ มีนักเก็งกำไรปั่นราคาต้นกล้ายางตาเขียว ทำให้ราคาจากเดิมต้นละ 18 บาท ขึ้นมา 20-22 บาท แต่บางแห่งราคาสูงถึงต้นละ 32 บาท
ภาคใต้นั้น ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยใช้กล้ายางเพาะชำถุงเหมือนกับภาคอีสานหรือภาคเหนือไปปลูก แต่ซื้อกล้ายางที่ติดตาแล้ว หรือยางตาเขียวที่แตกใบ 1 ฉัตร ถอนขึ้นมา ตกแต่งรากเพียงเล็กน้อย สามารถนำไปปลูกในสวนได้เลย ปลูกเสร็จฝนตก 1-2 ครั้ง ต้นยางก็ไม่ตายแล้ว ทำให้ต้นทุนถูกกว่ากันเยอะ
ต้นกล้ายางตาเขียวปกติราคาไม่ถึง 20 บาทครับ แต่ถ้าเป็นกล้ายางพารา เพาะชำถุงราคาจะสูงกว่าเท่าตัว เพราะต้องจ้างคนถอน ตัดแต่งราก ตัดยอดเดิม แล้วต้องซื้อถุงดำมาใส่ดิน มาปลูกและไปอนุบาลในโรงเรือน หรือในเนิร์สเซอรี่อีกเป็นเดือนจนกว่าจะแตกใบ 2 ฉัตร ราคาจึงแพงขึ้น 50-80 บาท
ปัญหาขาดแคลนกล้ายางตา เขียว ทราบมาว่ามียอดสั่งจากนายหน้า และนายหน้าที่ว่านี้มีการมัดจำล่วงหน้าทั่วภาคใต้ต้นละ 2 บาท สั่งจองตั้งแต่ 1-3 แสนต้น จากปกติเดิมทีจะมีการสั่งจองเต็มที่อยู่ที่หลักหมื่นต้น แต่นี่หลักแสนต้น และสัญญาว่าจะถอนในช่วงเดือนเมษายน 2554
การสั่งจำนวนมากน่าเป็นห่วงครับ ผู้ประกอบการที่ซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพไม่มีปัญหา แต่บางคนเห็นแก่เงินแต่มีตาจากพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไม่เพียงพออาจอาจขุดวิชา มาร ด้วยการแทรกยางตาสอย
เพราะอย่าลืมว่า เดิมทีกล้ายางตา เขียวต้นละ 18 บาท ก็มีกำไรอยู่แล้ว เพิ่มมาอีก 5 บาท เป็น 22 บาท หาก 1 แสนต้นได้กินฟรีๆ ที่เป็นส่วนต่างจากเดิมถึง 5 แสนบาท ถ้า 3 แสนต้นได้เหนาะๆ 1.5 ล้านบาท
เรื่องกล้ายางตาสอย เคยเกิดขึ้นมาแล้วบางส่วนในปี 2547 เมื่อครั้งที่รัฐบาลดำเนินโครงการขยายพื้นที่ปลูกยางพารา 1 ล้านไร่ ในพื้นที่ 36 จังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน
(สรุปจาก "ดลมนัส กาเจ"http://www.komchadluek.net/detail/20110309/90941/) (10มี.ค.54)
...
ไม่มีความเห็น