เมื่อฉันได้ศึกษาธรรมมาก ๆ เข้า ไม่ว่าจะเป็นการฟังหรือการอ่าน
บรรยายธรรม นำไปปฏิบัติบ้าง ไม่ได้ปฏิบัติบ้าง
ปฏิบัติแล้วแต่ไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็ตระหนักอยู่เสมอว่า
"ฉันคือพุทธศาสนิกชน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาหลักธรรม
ของพระพุทธเจ้า ให้เกิดความรู้ความเข้าใจ เพื่อจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
สิ่งหนึ่งคิดว่าหากทำได้คงจะเป็นบุญบารมีให้กับตัวเอง
นั่นคือทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าที่สอนให้
"ทำความดีด้วยตนเอง" และให้สูงถึงขั้นให้รู้จักตัวเรา
รู้ว่าในที่สุดแล้วตัวตนของเราเองก็ไม่มี คือเป็นอนัตตา
ฉันมีความรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ยากแต่หากคิดว่ายากแล้วไม่พยายามทำ
ก็จะไม่มีทางสำเร็จ
สำหรับฉันแล้วความพอใจไม่ได้อยู่ที่ความสำเร็จในเรื่องอนัตตา
ขอเพียงได้ลดความยึดมั่นในตัวตนให้น้อยลง
ละความโลภ โกรธ หลง ได้ ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขมากแล้ว
ซึ่งตอนนี้ฉันก็รู้สึกพอใจในการกระทำของตนเอง
รู้สึกมีความสุข โดยเฉพาะการทำเวบบล็อก "ใต้ร่มกาสาวพัตร์"นี้ ทำให้
ฉันมีความสุขมากขึ้นทุกวัน เหมือนกับว่า "ยิ่งให้ ยิ่งได้รับ"
ในเรื่องของอนัตตานี้ เคยได้อ่าน หนังสือ "เทสโกวาท" ของหลวง
ปู่เทสก์ เทพรังสี ใจความสำคัญตอนหนึ่งบอกว่า
..."ตัวของเราเป็นอนัตตา สิ่งสารพัดวัตถุทั้งปวงทั้งหมด
ก็เป็นอนัตตา คือมันไม่อยู่ในบังคับบัญชาของเรา
เช่น กายของเรานี้จะไม่ให้มันแก่ มันก็แก่
ไม่ให้มันเจ็บมันก็เจ็บ ไม่ให้มันตาย มันก็ต้องตาย
ไม่ให้พลัดพรากจากกัน มันก็พลัดพรากจากกัน
ทำอย่างไรมันก็ไม่ได้อยู่ในบังคับบัญชา
นี่แหละเรียกว่า อนัตตา"
สรรพสิ่งล้วน....รูป-นาม หลักแห่งธรรม....อนัตตา
กองทุกข์คือ....ขันธ์ห้า เกิดขึ้นมา ตั้งอยู่ สู่ดับไป
สังขาร....นั้นไม่เที่ยง เป็นแต่เพียง....ธาตุสลาย
ธาตุสี่ ดิน น้ำ ลม ไฟ ถึงสุดท้าย....กลายธุลี
อนัตตา....ปัญญาคิด อย่ายึดติด....กายอินทรีย์
ตัวเรา ตัวกู ตรองดูซี มีอะไรไหน...เรา - กู
หน้าตาแขนขาอะไรใช่ หัวตัวไซร้ไหนตาหู
ผม ขน เล็บ ฟัน หนังชั่งใจดู จิตแจ้งรู้รูป-นาม"อนัตตา"
ขอจดจำ และนำไปใช้นะคะ
"ขอเพียงได้ลดความยึดมั่นในตัวตนให้น้อยลง
ละความโลภ โกรธ หลง ได้ ก็ทำให้ชีวิตมีความสุขมากแล้ว"