วิธีติดตาเขียว
|
1.ใช้เศษผ้าทำความสะอาดบริเวณโคนต้น 2.ใช้ปลายมีดกรีดเปลือกของต้นตอในแนวดิ่ง 2 รอย ห่างกันประมาณ 1 เซนติเมตร 1 ใน 3 ของลำต้น รอยกรีดมีความยาว 5-7 เซนติเมตร โดยให้รอยกรีดด้านล่างชิดพื้นดินมากที่สุด 3.ตัดขวางรอยกรีดทั้งสองที่ปลายสุดด้านบนให้ต่อถึงกัน แล้วค่อยๆ ลอกเปลือกที่ตัดออกเบาๆ ลงข้างล่างจนสุดรอยกรีด ตัดเปลือกที่ดึงออกให้เหลือลิ้นยาวประมาณ 1-1.5 เซนติเมตร 4. ทำความสะอาดกิ่งตาแล้วใช้ใบมีดคมๆ เฉือนแผ่นตา เริ่มจากปลายกิ่งไปหาโคนให้ติดเนื้อไม้บางๆ และสม่ำเสมอ ยาวประมาณ 7-8 เซนติเมตร 5.แต่งริมแผ่นตาทั้งสองข้างให้เล็กกว่ารอยแผลที่เตรียมไว้เล็กน้อย 6.ค่อยๆ ลอกแผ่นตาออกจากเนื้อไม้ จับแผ่นตาให้แน่นพยายามอย่าให้แผ่นตาโค้งหรืองอเพราะจะทำให้แผ่นตาช้ำ 7.ตัดบริเวณส่วนโคนของแผ่นตาออกเล็กน้อย รีบสอดแผ่นตาลงในรอยแผลบนต้นตอที่เตรียมไว้ โดยสอดลงในลิ้น ตรวจดูแผ่นตาที่สอดลงไป จะต้องให้ตาอยู่เหนือก้านใบและอยู่ตรงกลางรอยแผลด้วย 8.ใช้พลาสติกใสพันทับจากด้านล่างขึ้นด้านบน และพันขึ้นเรื่อยๆ รอยที่พันจะต้องให้ส่วนของพลาสติกทับกัน พันขึ้นจนเกือบถึงรอยแผลด้านบน ใช้มีดตัดแผ่นตาส่วนที่เกินจากรอยผลทิ้ง โดยให้ต่ำจากรอยแผลด้านบนเล็กน้อย จากนั้นพันพลาสติกต่อไปจนเลยรอยแผลประมาณ 2-3 รอบ จึงทำเงื่อนผูกโดยสอดปลายพลาสติกเข้าไปในห่วงรอบสุดท้ายแล้วถึงให้แน่น |
การตรวจผลการติดตา
|
1. หลังจากการติดตาแล้ว 3 สัปดาห์ ให้ทำการตรวจดูผล ถ้าแผ่นตายังมีสีเขียวอยู่แสดงว่าติดตาเป็นผลสำเร็จ 2. ใช้ปลายมีดคมกรีดลงบนพลาสติด้านข้างของต้นตอ แกะพลาสติกออก 3. ต้นที่มีแผ่นสีคล้ำแสดงว่าการติดตาไม่เป็นผลสำเร็จ ใช้ปลายมีดคมกรีดบนพลาสติกด้านหน้าแผ่นตา ส่วนอีกด้านของต้นตอไว้สำหรับติดตาซ้ำได้อีกครั้ง |
การนำต้นตอตาไปใช้ประโยชน์
|
1. หลังจากกรีดพลาสติกออกควรทิ้งไว้ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนตัดยอด 2. ตัดยอดต้นตอตาเหนือรอยที่ติดตาขึ้นไปประมาณ 5 เซนติเมตร 3. ให้รอยตัดลาดเอียงลงทางด้านตรงข้ามแผ่นตา 4. ถ้าตัดยอดในแปลงปลูก ตาจะแตกออกมาภายใน 15-30 วัน 5. ถ้าถอนต้นตอตาไปปลูกที่อื่นตาจะแตกออกมาภายใน 1-2 เดือน ุ6. ถ้าติดตาสำเร็จแล้วไม่ตัดยอดสามารถปล่อยทิ้งไว้ในแปลงได้ประมาณไม่เกิน 1 ปี |
|
ข้อควรระวังในการติดตาเขียว
|
1. มีดต้องคมอยู่เสมอ 2. ต้นกล้าและกิ่งตาจะต้องสมบูรณ์ 3. หลีกเลี่ยงการติดตาในระหว่างที่ฝนกำลังตก 4. ความสำเร็จขึ้นอยู่กับความเร็วและความชำนาญูของผู้ติดตา 5. แสงแดดมีผลต่อความสำเร็จในการติดตาเขียวจึงต้องใช้พลาสติกใสพัน 6. อย่าใช้แผ่นตาช้ำ ตากุ้ง ตาบริเวณกลุ่มใบที่ไม่มีไข่ตา แผ่นตาสกปรก และแห่ง ึ7. พันแผ่นตาให้แน่น 8. อย่าติดตาในเวลาอากาศร้อนจัด |
การติดตาแบบตัวที (T. budding)
|
|
การติดตาแบบตัวที (T. budding) สิ่งที่ต้องพิจารณาในการติดตาต้นพืชแบบตัวที ๑. ต้นตอจะต้องมีเปลือกล่อนสามารถลอกเปลือกต้นตอได้ง่าย
๒. ต้นตอไม่ควรมีขนาดโตเกินไป ควรจะมีขนาดเท่าดินสอดำหรือมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณไม่เกิน ๑/๒ นิ้ว
๓. ไม่เป็นพืชที่มีเปลือกบาง หรือเปลือกเปราะ หรือมีเปลือกหนาเกินไป
๔. เป็นวิธีที่ใช้ในการติดตาต้นพืชทั่ว ๆ ไป เช่น ใช้กับกุหลาบ พุทรา ส้ม เป็นต้น วิธีติดตาแบบตัวที
ก. การเตรียมแผลบนต้นตอ
๑. เลือกต้นตอบริเวณที่เป็นปล้องแล้วกรีดเปลือกให้ถึงเนื้อไม้เป็นรูปตัวที (T) โดยให้หัวของตัวทีที่กรีดยาวประมาณ ๑/๒ นิ้ว และความยาวของตัวทียาว 1 -1.1/2 นิ้ว ทั้งนี้แล้วแต่ขนาดของต้นตอ
๒. ใช้ปลายมีดแงะบริเวณหัวตัวทีให้เปลือกเผยอเล็กน้อย แล้วล่อนเปลือกของต้นตอด้วยปลายเขาที่ติดอยู่ที่ด้ามมีด
ข. การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี
๑. เฉือนกิ่งพันธุ์ดีเป็นรูปโล่ให้ติดเนื้อไม้เล็กน้อย ในกรณีที่พืชนั้นมียางควรจะลอกเนื้อไม้ทิ้งเพื่อให้มีบริเวณของการเกิดรอยต่อมากขึ้น
ค. การสอดกิ่งพันธุ์ดีบนต้นตอ
๑. สอดแผ่นตาลงบนแผลรูปตัวทีที่เตรียมไว้ แล้วค่อย ๆ กดแผ่นตาลงไปในแผลให้สนิทและลึกราว ๑/๒ นิ้ว เหนือตา
๒. ถ้าเปลือกแผ่นตายังเหลือเลยหัวตัวทีให้ตัดส่วนที่เหลือออกพอดีกับหัวตัวที
๓. ใช้ผ้าพลาสติกที่ตัดเป็นชิ้นขนาดกว้าง ๑-๑.๕ ซม. ยาวราว ๒๐-๒๕ ซม. พันทับแผ่นตาให้แน่น และควรพันจากข้างล่างขึ้นข้างบน
๔. หลังจาก ๑๐ วัน จึงตรวจ ถ้าตาใดยังสดก็แสดงว่าติด จึงเปิดผ้าพันตาแล้วพันใหม่ให้คร่อมตา |
การติดตาแบบชิพ (chip budding)
|
|
การติดตาแบบชิพ (chip budding) สิ่งที่ต้องพิจารณาในการติดตาแบบชิพก็คือ ๑. เป็นวิธีที่ใช้ในการติดตาต้นพืชที่ลอกเปลือกไม่ได้ เป็นพืชพืชที่มีเปลือกบางหรือเปลือกหนาหรืออยู่ในระยะพักตัว
๒. มักใช้กับพืชที่ไม่มียาง และมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางของต้นตอประมาณ ๒/๓ -๑/๒ นิ้ว
๓. มักใช้ในการติดตา องุ่น ชบา ฯลฯ วิธีติดตา ปฏิบัติดังนี้ (modified chip)
ก. การเตรียมแผลบนต้นตอ
๑. เลือกต้นตอที่เปลือกติด หรือที่ชะงักการเจริญ
๒. เฉือนต้นตอเฉียงลงให้เข้าเนื้อไม้เล็กน้อย และยาวประมาณ ๑ นิ้ว
๓. เฉือนตัดขวางให้จดโคนแผลที่เฉือนครั้งแรก โดยให้รอยเฉือนนี้ทำมุม ๔๕ องศา กับลำต้นแล้วแกะชิ้นส่วนของพืชที่เฉือนออก
ข. การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี
เฉือนแผ่นตาบนกิ่งพันธุ์ดีให้มีความยาวเท่ากับรอยแผลที่เตรียมบนต้นตอ โดยกะให้ตาอยู่ตรงกลางพอดี
ค. การสอดแผ่นตา
๑. ประกอบแผ่นตาบนต้นตอ โดยให้เยื่อเจริญด้านใดด้านหนึ่ง หรือทั้งสองด้านสัมผัสกับเยื่อเจริญของต้นตอ
๒. ใช้ผ้าพลาสติกพันตา เช่นเดียวกับการติดตาแบบตัวที |
การติดตาแบบเพลท (Plate budding)
|
|
การติดตาแบบเพลท (Plate budding) สิ่งที่ต้องพิจารณาในการติดตาแบบเพลท คือ ๑. มักใช้กับต้นตอที่มีขนาดโต คือ มีเส้นผ่านศูนย์กลางราว ๑/๒ - ๑ นิ้ว
๒. ต้นตอต้องลอกเปลือกได้หรือมีเปลือกล่อน
๓. เป็นพืชที่มีเปลือกหนาและเหนียวพอสมควร
๔. นิยมใช้กับพืชมียาง เช่น มะม่วง ขนุน ยางพารา หรือพืชบางชนิดที่เกิดเนื้อเยื่อช้า เช่น มะขามหรือน้อยหน่า เป็นต้น วิธีติดตาแบบเพลท
ก. การเตรียมแผลบนต้นตอ
๑. เลือกต้นตอบริเวณที่จะทำแผลให้เป็นปล้องที่เรียบและตรง
๒. กรีดเปลือกต้นตอถึงเนื้อไม้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าฐานเปิดดังภาพ
๓. เผยอเปลือกต้นตอออกจากเนื้อไม้ ทางด้านบนหรือด้านล่างของรอยกรีด แล้วลอกเปลือกขึ้นหรือลงตามรอยกรีดที่เตรียมไว้แล้ว
ข. การเตรียมกิ่งพันธุ์ดี
เฉือนแผ่นตากิ่งพันธุ์ดีให้เป้นรูปโล่ ยาวประมาณ 1 นิ้ว แล้วแกะเนื้อไม้ออก
ค. การสอดแผ่นตาบนแผลของต้นตอ
๑. ประกบแผ่นตาลงบนแผลของต้นตอ จัดแผ่นตาให้อยู่กลางแผลแล้วประกอบแผ่นเปลือกของต้นตอทับแผ่นตา แต่ถ้าใช้ตาอ่อนจะต้องตัดแผ่นเปลือกต้นตอตอนบนออก ๓ ส่วนเหลือไว้ ๑ ส่วน
๒. พันผ้าพลาสติกเช่นเดียวกับการติดตาแบบตัวทีหรือแบบชิพ และต้องใช้พลาสติกใส เมื่อใช้ตาอ่อน |
|