การพัฒนาการอ่านในเด็กปฐมวัย
จากงานวิจัยการอ่านของคนไทยในปี 2552 พบว่าการทำให้คนไทยอ่านหนังสือเพิ่มขึ้นต้องเริ่มตั้งแต่คนเรายังเป็นเด็กเล็กๆ คือต้องเริ่มตั้งแต่การเรียนการสอนในระดับปฐมวัย และผู้ที่อบรมเลี้ยงดูจะต้องมีความรู้ความเข้าใจในการปลูกฝังการรักการอ่านอย่างถูกต้องและเหมาะสมกับวัยของเด็ก ไม่ใช่การสอนเขียนอ่านอย่างเป็นทางการในตอนแรก เพราะเด็กเรียนรู้จากการเล่น กิจกรรมที่จัดให้กับเด็กต้องเป็นกิจกรรมที่ให้เด็กได้กระทำ หรือได้ลงมือปฏิบัติอย่างมีความสุข มีความสนุกสนานเพลิดเพลิน พร้อมกับการเรียนรู้ไปด้วย
จากคำบอกเล่าของ
อาจารย์ ดารารัตน์อุทัยพยักค์ กล่าวว่า
การให้เด็กได้มีพัฒนาการทางภาษา คือ เด็กเล็ก ๆ มีความพร้อมด้านการฟัง
พูด อ่าน เขียน ซึ่งเป็นเรื่องที่ครู
จำเป็นต้องเข้าใจพัฒนาการของเด็กและวิธีที่จะพัฒนาให้เด็กมีความพร้อมดังกล่าว
ดังนั้น การจัดประสบการณ์ทางภาษาแบบสมดุล หรือ Balanced Literacy
Approach มีความหมายง่าย ๆ คือ
เป็นการสอนภาษาที่ผสมผสานแนวคิดในการสอนภาษาที่สัมพันธ์กับลักษณะหน้าที่ของภาษา
และการสอนทักษะย่อยทางภาษาเข้าด้วยกัน
สำหรับลักษณะสำคัญของการจัดประสบการณ์ทางภาษาแบบสมดุล มีดังนี้
1.
การสอนอ่านเขียนภาษาไทย ในระดับปฐมวัยจะเป็นการสอนที่ไม่เคร่งเครียด
ไม่เป็นทางการ
แต่เป็นการสอนที่ให้เด็กได้ปฏิบัติกิจกรรมด้วยความสนุกสนานเพลิดเพลิน
และมีเจตคติที่ดีต่อการเรียนภาษา
2.
การใช้ภาษาอย่างมีจุดมุ่งหมาย
ครูเป็นผู้จัดเตรียมโอกาสให้เด็กได้อ่านเขียนผ่านกิจกรรมที่มีความหมายต่อเด็ก
ไม่ใช่กิจกรรมที่ตั้งใจฝึกทักษะย่อยทางภาษา
เด็กได้เลือกอ่านและเขียนอย่างอิสระตามความสนใจและตามศักยภาพของตน
3.
การมีส่วนร่วมกิจกรรมการเรียนรู้ทางภาษา
ครูต้องวางแผนการจัดการเรียนรู้สำหรับเด็กที่กระตุ้นให้เด็กต้องการมีส่วนร่วมในกิจกรรมการอ่านการเขียน
เพื่อให้เด็กได้เรียนรู้ภาษาแบบลงมือกระทำ เช่น
- เด็กได้อ่านวรรณกรรมสำหรับเด็กจริงๆ
ไม่ใช่อ่านหนังสือหัดอ่านที่แยกทักษะย่อยทางภาษา
- เด็กได้เขียนเพื่อการสื่อสารง่าย ๆ ไม่ใช่หัดเขียนเส้นต่าง ๆ
4.
ความรับผิดชอบ เด็กจะเป็นผู้รับผิดชอบการเรียนรู้ของตนเอง
ทั้งการทำงานตามที่ได้รับมอบหมายจากครู และงานที่เด็กริเริ่มขึ้นเอง
ทั้งที่ทำตามลำพังและทำร่วมกันกับเพื่อน โดยมีครูคอยให้คำแนะนำ
และเป็นแบบอย่างของความรับผิดชอบต่องานต่าง ๆ นั้น
5.
การทดลองกับภาษา ครูเป็นผู้กระตุ้นและให้กำลังใจแก่เด็ก
เพื่อให้เด็กกล้าคาดเดาหรือคาดคะเนคำที่จะอ่านและเขียน
โดยครูต้องสร้างให้เด็กเกิดความมั่นใจว่าจะไม่ถูกตำหนิ
ทำให้เด็กได้ทดลองกับภาษา
6. การเลือก
ครูจัดเตรียมโอกาสให้เด็กคัดเลือกหนังสือที่สนใจมาอ่าน
ได้เลือกทำกิจกรรมการเขียนที่ครูเตรียมไว้อย่างหลากหลาย
โดยเด็กจะต้องเป็นผู้ตัดสินใจเลือกด้วยตนเอง
ที่กล่าวข้างต้นเป็นลักษณะสำคัญกว้าง ๆ ของการสอนภาษาแบบสมดุล ครู
พ่อแม่ ผู้ปกครอง
หรือผู้เกี่ยวข้องต้องเข้าใจถึงลักษณะสำคัญทั้งภาพรวมทั้งหมดและภาพย่อยของภาษา
ที่จะทำให้เด็กได้มีความพร้อมก่อน ที่จะอ่านและเขียนอย่างเป็นทางการ
ถ้าเราเตรียมสภาพแวดล้อมและตัวเด็กไม่พร้อมแล้ว เด็กก็จะเกลียด
การเรียนภาษาในที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเด็กโตขึ้น
ซึ่งโอกาสที่จะปลูกฝังให้เด็กประทับใจในการเรียนภาษา
ย่อมมีน้อยลงไปทุกที เพราะความไม่ชอบภาษาจะเพิ่มอยู่ตลอดเวลา
ขณะเดียวกันผู้ใหญ่ก็ใช้วิธีเดิม ๆ และวิธีเดียวคือ
บังคับให้เด็กเอาหนังสือมานั่งอ่าน ทั้ง ๆที่เด็กไม่ชอบ
หรือให้นั่งเขียนหนังสือหรือนั่งทำการบ้าน ในขณะที่เด็กมีกิจกรรมอื่น
ๆ ซึ่งน่าสนใจมากกว่าเช่น การดูโทรทัศน์
ถ้ามีลักษณะหรือเหตุการณ์เช่นนี้ไป
เรื่อย ๆ เราก็จะประสบความล้มเหลวในการเรียนการสอนภาษา
ฉะนั้นเราควรที่จะต้องเริ่มให้เด็กรักการเรียนภาษาในแนวทางที่ทำให้เด็กประทับใจตั้งแต่เริ่มแรก
คือ ระดับปฐมวัยถ้าเป็นการอ่าน
เราสามารถนำวิธีการสอนภาษาแบบสมดุลมาใช้ในลักษณะการเตรียมความพร้อมในการอ่านเพื่อสร้างนิสัยรักการอ่าน
รู้จักหนังสือ ดังนี้
-
เล่านิทานให้เด็กฟังทุกวัน
-
อ่านหนังสือร่วมกับเด็ก
และสนทนาพูดคุยเกี่ยวกับเรื่องในหนังสือ
-
ฝึกอ่านคำกลอน
-
ฝึกให้รู้จักตัวพยัญชนะ สระ และคำโดยใช้เกม / กิจกรรม
-
ฝึกให้คุ้นเคยกับหนังสือ เปิดหน้าหนังสือ และเข้าใจเรื่องจากภาพ
ด้านการเขียนในเด็กปฐมวัย จะไม่เน้นให้เด็กเขียนให้ถูกต้อง
เพราะกระดูกข้อมือและนิ้วยังไม่พัฒนาเต็มที่
เพียงส่งเสริมให้เด็กเขียนเพื่อสื่อสารเท่านั้น ครูอาจให้เด็กวาด
หรือเขียนในลักษณะของสัญลักษณ์
สวัสดีค่ะ คุณครูไพรินทร์ มาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ค่ะ ขอบคุณนะคะ
สวัสดีค่ะคุณครูพรินทร์ได้มาร่วมแลกเปลี่ยนความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาการอ่านของเด็กปฐมวัยขอบคุณมากนะคะ
บทความน่าสนใจและเป็นประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณที่แบ่งปันความรู้ค่ะ ^_^