กรุงราชคฤห์


บัณทิต ย่อมพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส

วันนี้เราออกเดินทางจากเมืองคยาเพื่อไปกรุงราชคฤห์  อีกเมืองแห่งประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนา ตลอดเส้นทางที่ไปนั้นข้างทางเป็นทุ่งนา บางแห่งก็ปลูกต้นมัสตาสออกดอกสีเหลืองสวยสดเต็มทุ่งนา แม่ต้อยเอี้ยวตัว หันไปคุยกับเพื่อน คุณ สุภา ปิยะจิตติ รองปลัดกระทรวงการคลังที่นั่งไปด้วยกันว่า

“ เราชอบบรรยากาศนอกเมือง มากกว่าในเมืองนะ เพราะว่าอากาศดีกว่า ไม่มีฝุ่นมากมายนัก บางครั้งมีความรู้สึกคล้ายๆชนบทของเมืองไทย ในสมัยก่อนๆ

 

การเดินทางแบบนี้ทำให้แม่ต้อยรู้สึกว่าเราได้ สัมผัสชีวิตและเรื่องราวจริงๆ ได้เห็นความอดทนของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน บางครั้งเด็กๆเมื่อเห็นรถแล่นผ่านก็โบกมือให้พวกเราอย่างมีไมตรีจิต

พระมหาดร.ปรีชา เล่าให้พวกเราฟังว่า คนอินเดียนั้น นิยมตั้งวงสนทนากันในยามเช้า จิบน้ำชารสหวานหอมผสมเครื่องเทศ ใช้เงินไม่มากในการดำรงชีวิต เพราะว่าสามารถปลุกผักผลไม้กินเองได้ ไม่ทานเนื้อ และไม่ทานหมู

“ อาหารส่วนใหญ่จึงเป็นมัสวิรัติ เช่น ข้าวกับแกงถั่ว หรือแกงถั่วกินกับข้าว...”

มีเงินเพียงแค่ ๑ รูปี ก็ซื้อผักจากเพื่อนบ้านกินได้แล้ว

อืมม.. เรียบง่ายดีจัง..แม่ต้อยมองไปตามบ้านเรือน และคิดตาม..

วันนี้เราจะไปที่เมืองราชคฤห์  ปัจจุบันอยุ่ในแคว้นพิหาร เพื่อไปแวะเยี่ยมชมสถานที่สำคัญ  เมืองนี้ในสมัยพุทธกาลเป็นแคว้นที่เจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจมาก เป็นแหล่งชุมนุมของพวกพ่อค้าและลัทธิต่างๆ พระพุทธองค์ได้เลือกเมืองนี้ประกาศพระพุทธศาสนา หลังจากได้ตรัสรู้แล้ว โดยมีพระเจ้าพิมพิสาร ให้การอุปถัมภ์อย่างเต็มที่

ที่แห่งแรกที่ไปคือเขาคิชกูฎ  การขึ้นเขาคิชกฎนี้สามารถทำได้สองแบบคือเดินไปตามทาง จนถึงยอดเขา หรือ จะนั่งเสลี่ยงไปก็ได้

แม่ต้อยเลือกที่จะเดิน เพราะว่าในสมัยโบราณ กล่าวว่า เส้นทางนี้เองที่พระเจ้าพิมพิสารได้ใช้เป็นเส้นทางในการพระราชดำเนินเพื่อไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าบนยอดเขาที่พระคันธกุฎี ก็เลยอยากจะตามรอยเสด็จดูบ้าง คงไม่เหนื่อยมากมายนัก

เพื่อนๆแม่ต้อยหลายคน ถอดใจ ขอนั่งเสลี่ยงขึ้นไปแทน อิอิ

แม่ต้อยอดที่จะหัวเราะไม่ได้เพราะว่า การนั่งเสลี่ยงขึ้นไปนั้นหมิ่นเหม่ต่อการตกลงมาเสียจริงๆ ดูท่าทางการนั่งแล้ว ไม่น่าเรียกเสลี่ยง น่าจะเรียกว่าหามขึ้นมากกว่า ฮ่าๆๆ

ตลอดเส้นทางเดินขึ้นเขาไป เป็นถนนกว้างๆ เดินสบาย เรียกกันว่า “ ถนนพระเจ้าพิมพิสาร”

 จะมีร่องรอยที่พระเทวทัตกลิ้งหินมาเพื่อทำร้ายพระพุทธองค์ ตามประวัติที่เราได้เคยเรียนมาตอนเด็กๆ ด้วย

ที่จริงแม่ต้อยว่าเดินขึ้นไปได้บรรยากาศที่ดี เพราะว่า อากาศเย็นสบาย ท้องฟ้าแจ่มใสเหลือเกิน มองเห็นหมู่มวลเมฆลอยระเรี่ยไปตามทาง สบายๆ

ข้างๆทางเดิน มีพ่อค้าแม่ค้า นั่งขายของที่ระลึก ผลไม้ และแน่นอน มีขอทานมากมาย นั่งเรียงรายตลอดแนว

“ มหาราณี..มหาราณี.. ไอแอมพัว ( I am poor ) ดังเซ็งแซ่ตลอดเส้นทาง พร้อมกับยกมือไหว้

มหาราณีทั้งหลาย ก็เลยใจอ่อน ไหนๆก็ได้เป็นทั้งที อิอิ แต่ที่ดีคือที่นี่ไม่มีการวิ่งตาม หรือมารุมล้อม มีการจัดระเบียบพอสมควร

มหาราณี ทั้งหลายจึงค่อยกล้าในการให้เงินเล็กๆน้อยบ้าง ฮ่าๆๆ

บนเขานี้มีสถานที่สำคัญมากมาย เช่นกุฏิพระอานนท์  กุฏิพระพระมหาโมคคัลลานะ และถ้าสุกรขาตาที่พระสารีบุตรได้สำเร็จพระอรหันต์

ในทุกๆแห่งเราได้มีโอกาสสวดมนตร์ และนั่งสมาธิ เพื่อบูชาพระพุทธเจ้า

บนยอดเขาคือพระคันธกุฏี ที่ประทับส่วนพระองค์ของบรมศาสดาเป็นสิ่งที่เป็นที่สุดของการเดินขึ้นมาบนเขาคิชกูฏนี้นั่นเอง เราจึงได้มีการถ่ายรูปหมู่ไว้เป็นที่ระลึก

ตอนเดินลง แม่ต้อยเห็นเพื่อนที่นั่งเสลี่ยง ถูกแขกตัวโตๆ แบกวิ่งลงจากเขาอย่างรวดเร็ว มิสนใจเสียงตะโกนโหวกเหวกว่า Slowly please .. Slowly please เสียเลย  ฮ่าๆ

หลังจากนั้น เราไปไหว้พระที่วัดเวฬุวันมหาวิหาร อันเป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา และเป็นที่แสดงโอวาทปาฏิโมกข์ในวันเพ็ญเดือนสาม หรือที่เราเรียกกันว่า วันมาฆบูชา ที่พระอรหันต์จำนวน ๑๒๕๐ รูปมาประชุมโดยมิได้นัดหมายกัน

วัดนี้ร่มรื่นด้วยป่าไผ่ ซึ่งกรมโบราณคดีของอินเดียได้ปลูกเพิ่มเติมจากเดิมด้วย

เมื่อแม่ต้อยได้มาเวียนเทียนที่นี่ และร่วมสวดมนตร์ ก็อดที่จะย้อนไปในสมัยครั้งกระโน้นที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดงโอวาทแก่พระภิกษูสงฆ์ เพื่อนำไปเผยแพร่พระศาสนาในเมืองต่างๆต่อไป โดยให้ยึดหลักสามประการคือ ละเว้นความชั่ว ให้ทำความดี และทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว

จึงนับได้ว่าวัดเวฬุวันนี้เป้นที่เกิดของพระพุทธ พระธรรม และพระสงฆ์ ครบเป็นแก้วสามประการ

พวกเราได้รับ การฝึกปฏิบัติสมาธิที่วัดนี้คือการฝึกให้มี” ขันติ”

หลังจากนั้นเราก็ได้ไปแวะชมเมืองนาลันทา อันเป็นเมืองเล็กๆแต่มีความสำคัญที่เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก แต่ได้ถูกทำลายหลายครั้งหลายคราว กล่าวกันว่าพระถังซำจั๋งก็เคยมาเล่าเรียน ที่นี่

ที่จริงแล้วซากสลักหักพัง ยังมีร่องรอยความเจริญมากมาย และขุดค้นพบเพียงแค่ ๑๐ % เท่านั้นเอง   แม่ต้อยยังสัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ของมหาวิทยาลัยแห่งนี้   จากการบรรยายตำรา หรือคัมภีร์ศาสนาพุธ ถูกเผาทำลายเป็นจำนวนมหาศาล

 

พระสารีบุตรอัครสาวกก็ถูกสันนิษฐานว่าเกิดที่เมืองนี้ด้วย

สุดท้าย เราได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อองค์ดำซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่งดงามและมีความสมบูรณ์ที่สุด ชาวบ้านมีความเชื่อว่าหลวงพ่อองค์ดำนี้ศักดิ์สิทธิ์ สามารถรักษาลูกหลานให้หายจากการเจ็บป่วยได้

เราต้องเดินเป็นขบวนผ่านทุ่งนาของชาวบ้านเข้าไป โดยมีเด็กๆเดินตามมาเป็นขบวน บ้างก็สวดบทอิติปิโส  ตามแบบพวกเรา เพื่อขอขนม หรือเงินจากเล็กๆน้อยๆ

พระวิทยากร บอกว่า ต้องฝึกในการเรียนรู้ความเป็นจริง และเราไม่สามารถช่วยเหลือคนได้ทั้งหมด แหละภาพที่เราเห็นเป็นสิ่งปกติของชาวบ้านในอินเดีย จากการที่มีการแบ่งคนออกเป็นวรรณะต่างๆ จึงยังมีคนที่ขาดโอกาสในสังคมมากมาย

ดังนั้นการที่เราได้ฝึกขันติ มาในช่วงเช้าจึงเอามาปฏิบัติจริงได้ในตอนนี้แหละ อิอิ

ดูว่าระหว่างเรากับเด็กๆ ที่เดินตาม ใครจะอดทนกว่ากัน ฮ่าๆ

แต่อย่างว่า พวกเราเห็นเด็กๆ หน้าตามอมแมมเราก็อยากให้ขนมหรือพวกดินสอ ปากกา บ้าง

พอจะขึ้นรถจึงมีการแอบยื่นให้แบบรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ

อืมม... อยากจะให้ก็ยังต้องลำบากเลยนะ

นึกถึงคำสอนของพระวิทยากร ที่มักจะมีข้อคิดดีดีให้พวกเราเสมอ ตลอดระยะที่เราเดินทาง

ท่านบอกว่า

“ บัณทิต  ย่อมพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส..”

“ นักปราชญ์.. ย่อมทำโอกาสไม่ให้เกิดวิกฤติ..”

เอาเป็นว่า  วันนี้แม่ต้อยขอเล่าเรื่องกรุงราชคฤห์ไว้แค่นี้นะคะ

นมัสเต

สวัสดีคะ

 

 

คำสำคัญ (Tags): #nalunta
หมายเลขบันทึก: 424273เขียนเมื่อ 5 กุมภาพันธ์ 2011 18:20 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (6)

สวัสดีค่ะ..คุณแม่ต้อย

   ทั้งโชคดีและมีบุญมากเลยนะคะที่ได้มีโอกาสไปสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้

   ยินดีมากๆ  ค่ะ

  

  • สวัสดีค่ะ อาจารย์แม่ต้อย
  • อยากไปอินเดียมากค่ะ แต่ปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้อ
  • อ่านบันทึกแม่ต้อย เพลินทุกบันทึก น่าอ่านชวนติดตาม
  • ขอบคุณค่ะ  

Ico48

สวัสดีคะ น้องกุหลาบคนสวย

ขอบคุณคะ หากว่าได้ไปมาแล้วหนึ่งครั้งก็อยาก ไปอีกคะ

เอาบุญมาเผื่อแล้วนะคะ

Ico48

น้องแดงคะ

ขอบคุณคะ ที่ชม จนมีกำลังใจเขียนต่อไปเรื่อยๆคะ

สำหรับอินเดียยี่ต้องตั้งใจไปจริงๆคะ

แต่ไปแล้วดีมากๆคะ

เขารู้ได้ไงว่าเป็นมหารานีอะ เก่งจริงๆ

เป็นครั้งแรกที่เข้า blog นี้ ขอบพระคุณมากค่ะสำหรับสาระดีๆที่นำมาฝาก อ่านเพลินเหมือนได้มีส่วนร่วมเดินทางด้วยกัน ขออนุโมทนาบุญค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท