นับว่าเป็นครั้งที่๒ ที่แม่ต้อยได้ใช้เวลาช่วงหนึ่งเดินทางไปประเทศอินเดียเพื่อตามรอยแดนพระพุทธภูมิ ดินแดนอันศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธทั่วโลก
เครื่องบินของการบินไทยใช้เวลาการบินราวสามชั่วโมงกว่าๆ ก็พาพวกเราถึงท่าอากาศยานนานาชาติที่เมืองคยา
แต่เราใช้เวลาค่อนข้างนานในการเข้าเมืองของที่นั่นด้วยระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวด ทุกคนต้องเตรียมเอกสารทุกอย่างให้พร้อมเลยที่เดียว แม่ต่อยว่าเป็นการทดสอบบารมีขั้นแรกเลยทีเดียว
ที่เมืองคยานี้เป็นจุดสำคัญที่สุดที่ชาวพุทธต่างก็มีความประสงค์ที่จะได้มาแสวงบุญ ให้ด้มาถึงสถานที่ที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ประทับตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ มีถาวรวัตถุที่สำคัญคือองค์มหาพุทธคยา บุญสถานที่ชาวพุทธทั่วโลกให้ความเคารพบูชาอย่างสูงสุด
ระหว่างเส้นทางสู่พุทธคยา หรือถนนรอบๆองค์มหาเจดีย์ เราจะเห็นชาวเมืองอินเดียใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย บ้านเรือนข้างๆทางที่รถเราแล่นผ่านไป สร้างจากก้อนดิน มีชาวบ้านนั่งจิบน้ำชาเป็นกลุ่มๆ
ร้านขายขนม แบบง่ายๆเห็นได้ตามถนนทั่วๆไป
บ้างก็นั่งขายพืชผักผลไม้ตามฤดูกาล เด็กเล็กๆวิ่งไล่เล่นกันตามประสาของเด็ก แต่เมื่อเห็นนักท่องเที่ยวหรือคนแปลกหน้าก็จะมามุงดู หรือเข้ามายื่นมือขอเงินเอาดื้อๆ
“ มาอินเดีย ให้มองอินเดีย.. อย่างที่เขาเป็น”
“ อย่ามองอินเดีย..ตามความคิดที่เราอยากให้เขาเป็น..”
เสียงพระวิทยากร เตือนสติ ราวกับจะล่วงรู้ความคิดของแม่ต้อย ว่าคิดอะไรอยู่..
มาคราวนี้โชคดีมากที่เรามีพระที่มีความรู้ระดับดอกเตอร์ และมีประสบการณ์อยู่ที่ประเทศอินเดียมานานเกือบ๒๐ ปีมาให้ความรู้ทั้งทางด้านสังคม วัฒนธรรมและ ด้านศาสนา รวมทั้งการปฏิบัติธรรม
“ มาคราวนี้ เรามาเพื่อฝึกฝนตนเอง..ให้มาละ มาวาง ลดตัวตน..แต่การละวาง ต้องมีปัญญากำกับเสมอ..”
“ ทุกๆสิ่งที่เราได้เห็น ... เราได้เรียนรู้อะไร”
แม่ต้อยชอบนั่งข้างหน้าต่างและถ่ายรูปชีวิตความเป็นอยู่ เสียงพระอาจารย์ ดังผ่านไมค์มาแว่วๆ..
“ มองข้างทางแล้ว..ให้ทอดสายตากลับมารักษาตน..”
คำพูดสั้นๆ แต่ความหมายช่างลึกล้ำยิ่งนัก
คนอินเดียใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย สมถะ ลดความอยากได้ ปลุกบ้านเรื่อนแบบไม่ต้องมีพันธนาการใดใด ใช้ดินเหนียวสร้าง เพื่อป้องกันความหนาวเย็นเท่านั้น ไม่มีห่วง และไม่มีใครอยากได้ของใคร เพราะไม่มีอะไรที่ทำให้อยากได้ เครื่องประดับบ้านคือขี้วัวปั้นจากสตรีแม่บ้านชาวอินเดียเท่านั้นที่มีมูลค่า
ที่พุทธคยา แม่ต้อยได้สัมผัสถึงความยิ่งใหญ่ ความปิติและอิ่มเอบใจ ในการที่เราได้มีโอกาสได้มานั่งเจริญสติ และสวดมนตร์ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์แห่งนี้ ชาวพุทธ จากทุกชาติศาสนามารวมกันณ แห่ง อย่างสงบ เรียบร้อย และเอื้อเฟื้อต่อกัน
และอยากจะบอกว่า การนั่งสวดมนตร์ ภาวนาจิตใจใต้ต้นพระศรีมหาโพธ์นั้น มีความปิติ จริงๆ จนน้ำตาคลอเลยทีเดียวแล
ในบริเวณพุทธคยาจะประกอบไปด้วย มหาเจดีย์พุทธคยา พระพุทธรูปหลวงพ่อพุทธเมตตา ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และสถานที่พระพุทธองค์ ทรงเสวยวิมุตติสุข ทั้ง๗ สัปดาห์
ในวันที่๒ แม่ต้อยและเพื่อนตื่นนอนประมาณตีสามเพื่อมารับรุ่งอรุณ และความสว่างของเช้าวันใหม่ ที่มหาเจดีย์ โดยมาปฏิบัติธรรมบูชา แม่ต้อยรู้สึกว่าทำให้จิตใจปลอดโปร่งและเบิกบาน มีความสงบเงียบเกิดขึ้นจากจิตใจจริงๆ
เช้าตรู่ที่เมืองอินเดียทำให้ผิวกายสั่นสะท้าน ลมเย็นๆ พัดผ่านมากระทบตามตัว เมื่อแม่ต้อยนั่งสามล้อถีบ จากพุทธคยาเพื่อกลับมาที่โรงแรม
แม้ว่าจะเป็นยามเช้าอย่างนั้น แต่ก็มีชายหนุ่ม ขี่จักรยานไล่กวดรถสามล้อ ที่เบาะท้ายมีผ้ามัดใหญ่ๆๆ
“ สวัสดีครับ.. มีพัสมีน่า( ผ้าคลุมไหล่ จากขนแกะ) คร้าบบบ..” ส่งเสียงเรียกร้องให้ นักช้อบอย่างแม่ต้อยต้องแอบชำเลืองมองว่าเขาขายอะไร?
เพื่อนที่นั่งมาด้วยกัน รีบสะกิดแม่ต้อยว่า
“ อย่ามองนะ..อย่ามอง .. หากยังไม่อยากซื้ออย่าเพิ่งมอง”
“ อ้าว..ทำไมละ.. แม่ต้อยส่งเสียงคัดค้าน..ทำไม มองไม่ได้”
พอเรามอง แปลว่าเราสนใจ.. พอเราสนใจ แปลว่าเราอยากซื้อ ...พอเราอยากซื้อ แปลว่า จะต้องมีคนมารุมล้อมเรา
พอคนมารุมล้อมเราเริ่มจากหนึ่งคน ..จะกลายเป็นสิบหรือยี่สิบคน”
“ เธอจะ เอาไหมละ?”
เพื่อนแม่ต้อยอธิบายร่ายยาว ราวกับผู้ชำนาญการ
แต่คงจะจริงของเธอ เพราะเมื่อแม่ต้อยกลับมาถึงโรงแรมโดยปลอดภัย ก็ปรากฎว่ามีพ่อค้า ขี่จักรยานตามมาเป็นพรวน ฮ่าๆๆ
ร้อนถึงยามต้องปิดประตู( ขนาดนั้นเลยเชียว)
ทีนี้ใครจะซื้อขายก็ต้องต่อรองกันข้ามรั้ว..
แต่ขนาดนี้แม่ต้อยก็แอบเห็นว่าเขาขายของได้มากมายเชียวและคะ อิอิ
การจาริกบุญของแม่ต้อยในแห่งแรกที่พุทธคยา ก็ได้เจริญจิต ภาวนา ตามสมควร
รวมทั้งได้เห็นวิถีชีวิตตามแบบฉบับของชาวอินเดีย อย่างแท้ๆ
ขอให้บุญกุศลเผื่อแผ่มาให้สำหรับกัลยาณมิตรทุกท่านที่อ่านจนจบ
นมัสเตคะ
สวัสดีคะ
อนุโมทนาบุญด้วยค่ะ แม่ต้อย
สวัสดีค่ะ
คิดถึงจังค่ะ ตอนแรกก็อินเดียอยู่ในรายการไปเที่ยวค่ะ ตอนนี้รู้สึกว่าอยู่บ้านน่าจะดีกว่า ขอพักเรื่องเที่ยวก่อนค่ะ
ขอร่วมอนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
“ มองข้างทางแล้ว..ให้ทอดสายตากลับมารักษาตน..”
ใช่ค่ะ ช่วงนี้ก็พยายามสวดมนต์เช้า- เย็นทีบ้านค่ะ หลังจากมีโอกาสไป
ปฏิบัติธรรมมาค่ะ