ดื่มน้ำชา


       ผมอาจดูห่างเหิน G2K ไปบ้างในระยะหลัง ๆ นี้ ถ้าวิเคราะห์แล้วมีเหตุปัจจัยหลัก ๆ อยู่ 2 ประการ กล่าวคือ 1. วิชา 505 ที่ผมมีสอนอยู่ และมีการสอนผู้เรียนให้ใช้ G2K ด้วยนั้น ถูกตัดออกไปจากหลักสูตรแล้วครับ (ไม่ได้สอนแล้ว) 2. ถูก FB ดึงเวลาออนไลน์ส่วนใหญ่ไปแทน เพราะวิชาใหม่สอนแค่การใช้ FB ก็พอแล้ว 

      ข่าวดี! กำลังได้วิชาใหม่มาทดแทนคือวิชา 824 : KM&LO ซึ่งจะได้กลับมาสอนการใช้งาน G2K ใหม่ด้วย แต่เสียดายวิชานี้ได้สอนน้อยกลุ่มลง ไม่เหมือน 505 ที่ผมสอนทั้ง 19 ศูนย์ครับ

      ถึงแม้จะได้แวะมาเขียนใน G2K น้อยลง แต่ทุกครั้งที่มีประสบการณ์เข้ม ๆ ดี ๆ ก็จะนำมาเขียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ ทำนองว่า พูดน้อยต่อยหนัก  ประมาณนั้นครับ

      บันทึกนี้ก็เหมือนเคยกล่าวคือ มีประสบการณ์ธรรมใหม่ (ของมือใหม่) มาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ตามเคยครับ

------

      แต่ก่อนโน้น การเดินทางธรรมของผมจะประมาณว่า ยังแยกทางธรรมกับทางโลกออกจากกัน เดินทางธรรม 3 ก้าว ถอยหลังมาทางโลก 2 ก้าวประมาณนั้นครับ

      ใช้เวลาเพียรทำความเข้าใจ จนตอนนี้มั่นใจว่า ทางธรรมกับทางโลกนั้น คือทางเดียวกัน ในทางทฤษฏีก็พอเห็น แต่ในทางปฏิบัตินั้นหนทางยังยาวไกลนัก ด้วยความเป็นนักวิชาการ เป็นครู สิ่งที่ฝึกปฏิบัตินี้ นอกจากเพื่อตนเองแล้ว ก็เพื่อนำไปถ่ายทอดให้ลูกศิษย์ด้วย จึงมีความจำเป็นต้องทดสอบทดลองหลาย ๆ ทาง หลาย ๆ วิธีการ หาวิธีการบูรณาการทางธรรมกับทางโลกมั่ว ๆ อยู่เป็นนาน ไปหลายสำนักหลายพระอาจารย์ หลายตำรา

      จนเวลาผ่านมา พระอาจารย์ท่านผู้รู้ก็ให้คำชี้แนะมาหลายท่าน ประมาณว่า อย่ามัวแต่ทำเยาะ ๆ แยะ ๆ ให้เอาจริง เอาเป็น เอาตายกับเจ้ากิเลสตัณหาเลย

      ทำให้เริ่มรู้ทางว่า เรากับกิเลส ต้องตายกันไปข้างหนึ่งแน่ ๆ ก็เริ่มเดินมรรคเข้าประหารกิเลสอย่างต่อเนื่อง ประกาศสงครามกับเจ้ากิเลสตัณหา ไม่ยอมถอยให้กับเจ้ากิเลสอีกแล้ว ได้ผลจริง ๆ ครับ ดีวัน ดีคืน อย่างเห็นได้ชัด

      ถึงแม้จะดูเหมือนว่าเดินไปได้ไกลกว่าเดิมนัก แต่บางครั้งเผลอคราใด ก็โดนเจ้ากิเลสเล่นงานเหมือนเดิมที่เคยชิน จนบางทีเริ่มเบื่อเริ่มท้อ เริ่มรู้ว่าการอบรมขัดเกลาจิตใจนี้ไม่ง่ายเลย ยากส์สุด ๆ

      ไม่กี่วันมานี้โดนกิเลสตัณหาเข้าครอบงำ สร้างตัวตนกลับมาเหมือนเดิม และก็โดนเจ้าความทุกข์เข้ามาเกาะแบบเดิม ๆ เกิดอาการเบื่อจิตใจสุด ๆ กำลังจะยกธงขอยอมแพ้ให้กับเจ้ากิเลส จึงตัดสินใจขอเข้าไปดูลึก ๆ หน่อยเถอะว่า ไอ้เจ้าความทุกข์นี้มันอยู่ที่ไหนกันแน่ ค่อย ๆ พิจารณาอย่างช้า ๆ ลึกเข้าไปในใจ เริ่มสังเกตุเห็นว่า ข้างในได้หลงก่อตัวตนขึ้นมา เมื่อมีตัวตนเจ้าความทุกข์มันก็เข้าไปเกาะเป็นธรรมดา เมื่อเห็นดังนั้นก็ค่อย ๆ ปล่อยวางตัวตน เมื่อวางได้ถึงได้รู้ว่า จริง ๆ แล้วในจิตใจของเราไม่มีอะไรเลย มีแต่ "ความว่าง" แต่ถ้าหลงปรุงแต่งตัวตนขึ้นมาคราใด เอาล่ะที่นี้แตกกิ่งแตกก้านมั่ว ๆ ไปตามความหลง พร้อมกับเจ้าความทุกข์ก็จะเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างอัตโนมัติด้วยอำนาจแห่งกิเลสตัณหานั่นเอง

        เมื่อปล่อยวางตัวตนได้ เริ่มเข้าสู่ความว่าง (ชั่วคราว) ผมกำลังหาวิธีการรักษาสภาวะนี้ไว้ให้นานที่สุด โดยในครั้งนี้ได้ทดลองใช้ธรรมะจากหนังสือ "ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด" ของท่าน ติช นัท ฮันท์ โดยใช้ท่องบทที่ว่าด้วย "ดื่มน้ำชา"

  

หมายเลขบันทึก: 423820เขียนเมื่อ 2 กุมภาพันธ์ 2011 23:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 มกราคม 2014 13:25 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (13)

สาระในหนังสือของท่านติช  เล่มนี้ลึกซึ้งมาก

สวัสดีปีใหม่ครับคุณยาย

ขอให้คุณยายมีสุขภาพแข็งแรง ร่ำรวย ๆ นะครับ

ขอบคุณครับ

สวัสดีครับ ครูหยุย

     หลายปีก่อนผมยืมหนังสือเล่มนี้จากห้องสมุด เอาไปนั่งอ่านตอนรอซ่อมรถอยู่หลายชั่วโมง โดยปกติถ้ารออะไรนาน ๆ ผมจะกระวนกระวายใจ แต่ในครั้งนั้นกลับมีความสุขและจิตใจสงบยิ่งนักอย่างบอกไม่ถูก

     ปีที่แล้วเห็นหนังสือเล่มนี้อีกครั้งในร้านหนังสือ จึงได้ซื้อมาเก็บไว้ศึกษา

ยิ่งอ่าน ยิ่งพัฒนาตนเอง ยิ่งทำให้เห็นว่าหนังสือเล่มนี้ลึกซึ้งยิ่งนักครับ

 

 

สวัสดีค่ะ แวะมาเรียนรู้กับอาจารย์ค่ะ

อ่านเรื่องเล่าของอาจารย์ เลยอยากรู้รายละเอียดในหนังสือ กะว่าจะไปหามาอ่านบ้างค่ะ ขอบคุณมากๆ นะคะ

อ๋อ...มีอีกนิดค่ะ ตอนนี้ GotoKnow เชื่อมกับ FB ได้แล้ว อาจารย์กดปุ่ม Like ได้เลยนะคะ :)

หากเป็นไปได้ก็อธิบาย "ดื่มน้ำชา" โดยนัยที่ละเอียดขึ้นอีกหน่อยนะครับ จะรออ่านด้วยความหวัง


สวัสดีครับ

 

ดีใจมากที่น้องมะปรางเปรี้ยวแวะมาเยี่ยมครับ

      หนังสือ "ปัจจุบันเป็นเวลาประเสริฐสุด" งานเขียนของท่าน ติช นัท ฮันท์ แห่งหมู่บ้านพลัม ฝรั่งเศสครับ แปลโดย ท่าน ส.ศิวรักษ์ เป็นหนังสือเล่มเล็ก ที่อ่านง่าย ปฏิบัติได้ง่าย แต่ทรงพลานุภาพยิ่งนักครับ  ผมได้มาจากร้านหนังสือซีเอ็ดครับ

 

น่าอ่านอย่างยิ่งครับ

 

 

 

 

สวัสดีครับ ท่านอาจารย์โสภณ

ขอบคุณท่านที่กรุณาติดตามครับ จะนำไปเขียนเป็นบันทึกใหม่ให้เลยนะครับ

ชาเจียวกู่หลาน ดีต่อสุขภาพมากนะครับ

สุขสันต์วันครอบครัวครับ

อบอุ่นดีจังครับ

อยากปล่อยวางให้ได้บ้าง  คงเป็นสิ่งที่มีค่า

จริงด้วยครับ ผมว่า "การปล่อยวาง" จะทำให้จิตใจเราว่าง (สงบ)

แต่ยังไม่มั่นใจว่า คือ คำตอบสุดท้ายหรือไม่?

ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 13 ก.พ.54 เป็นต้นมา ตอนเดินทางกลับจากชัยภูมิมามหาสารคามนั้น

ผมได้อ่านและทดลองปฏิบัติตาม "วัชรเฉทิกปรัชญาปารมิตาสูตร" ซึ่งผมตีความไปว่า เป็นแนวทางในการฝึก...ปล่อยวาง..

พบว่า สามารถเข้าถึงการมีสติ สมาธิ และเกิดปัญญา สามารถว่างได้อย่างลึกซึ้งกว่าที่ผ่านมามากเลยครับ จนเดี่ยวนี้...

 

สวัสดีครับอาจารย์ ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่ชอบนั่งสมาธิเวลาหาทางออกไม่เจอ ก็เข้าไปลึกๆเหมือนอาจารย์ว่าไว้จริงๆครับ แ่กว่าจะไปถึงก็ใช่ง่าย หลงทางไปบ้าง แต่ก็ทำให้เราเข้าถึงเส้นทางแก้ปัญหาได้จริงๆ ปรอดโปร่ง โล่ง มองปัญหาออก ที่สำคัญถ้าใจเราพร้อมแล้วที่เหลือจะตามมา ไม่น่าเชื่อครับเคยดูหนังเขาบอกว่า ทุกกาล ย่อมมีทางออก และเป็นจริงตามนั้นครับ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท