ข้อดีของการมีความหวังอยู่ที่จะทำให้เกิดแรงผลักดันทำให้เกิดความสำเร็จได้เร็วขึ้น  เพราะผู้ที่ทำอะไรด้วยความหวังจะมีจิตใจจดจ่ออยู่กับผลที่จะได้รับจากเจตนามากกว่าผู้ที่ทำโดยไม่คาดหวัง  แต่ข้อเสียของการมีความหวังคือต้องใช้กำลังแล้วออกแรงต่อเจตนาในการกระทำนั้น ๆ  สูงกว่าการที่ทำโดยไม่หวังมาก  ซึ่งการทำสิ่งใดโดยที่มีความหวังจึงก่อให้เกิดความเหนื่อยล้ามากกว่าการกระทำโดยไม่หวัง  การกระทำโดยหวังจึงมีลักษณะมีกำลังแรงตอนต้นแต่แผ่วตอนปลาย  เพราะเมื่อมีความหวังแล้วจะมีความท้อแท้แล้วสิ้นหวังเกิดตามมาได้  ความท้อแท้ที่ตามมากับความหวังนั้นเป็นเหตุให้ความมุ่งมั่นในเจตนานั้น ๆ  ลดลง

การทำสิ่งใดเพื่อตนเองและพวกพ้อง  คือการทำสิ่งใดไปด้วยแรงกระตุ้นของความอยากหรือกิเลส  กิเลสนี้เป็นเครื่องชี้วัดว่าเราทำสิ่งใดไปด้วยกิเลสหรือไม่  หากผู้ใดทำด้วยความหวังไม่ว่าจะหวังเพื่อให้ตนเองและพวกพ้องหรือหวังให้ผู้อื่นและส่วนรวมเป็นผู้ได้ดังหวังก็ตาม  หากผู้ใดยังมีความหวังอยู่แสดงว่าการกระทำนั้น ๆ  ถูกแรงกระตุ้นไปด้วยกิเลส  แต่หากผู้ใดทำไปด้วยการไม่คาดหวังคือการทำเพียงแต่สักว่าทำคือการกระทำต่าง ๆ  นั้นไม่ได้ถูกกระตุ้นด้วยกิเลส  ด้วยเหตุนี้การกระทำเพื่อตนเองและพวกพ้องจึงทำไปด้วยการมีความหวังทั้งสิ้น  เพราะการกระทำนั้นเกิดจากแรงผลักดันของกิเลส  ส่วนการทำเพื่อผู้อื่นและส่วนรวมจะทำไปได้โดยมีความหวังหรือไม่ก็ได้

กิเลสจึงมีประโยชน์เพียงอย่างเดียวแล้วมีประโยชน์เฉพาะช่วงแรก ๆ  เท่านั้น  คือกิเลสในการอยากทำดีหรือกิเลสในการอยากทำเพื่อผู้อื่นมากกว่าตนเอง  แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไป  ถึงแม้ว่าจะเป็นการทำความดีก็ต้องลดกิเลสลง  หากไม่ลดกิเลสลงจะทำให้เกิดความท้อแท้ขึ้นในการทำความดีนั้น  เพราะเมื่อเราสามารถลดความหวังลงได้หรือทำสิ่งใดไปด้วยความไม่หวังได้  แรงเจตนาที่เกิดขึ้นจะมาจากกำลังสมาธิในลักษณะของสมาถะกรรมฐานทางอ้อม  ไม่ว่าจะเป็นเมตตา  ไม่ว่าจะเป็นกรุณา  ไม่ว่าจะเป็นมุทิตา  ท้ายสุดคือการทำไปด้วยอุเบกขา  หากเรามีเจตนาอยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง  ถือว่าเป็นสมาถะทั้งสิ้น  แรงแห่งสมาถะนี้จะแปรผันไปตามกำลังสมาธิซึ่งจิตของเรามี  ยิ่งมีกำลังสมาธิมากยิ่งเร่งเจตนาได้มาก  การทำสิ่งใดโดยไม่หวังจึงเป็นการทำในลักษณะม้าแรงตีนปลาย  เพราะตอนแรก ๆ  จะช้าเพราะกำลังสมาธิเราน้อยทำให้แรงที่จะไปกระทำต่อเจตนาก็น้อยด้วย  แต่เมื่อกำลังสมาธิของเรามีกำลังแรงขึ้น  แรงกระทำของเจตนาจะถูกเร่งให้เป็นผลสัมฤทธิ์ได้เร็วขึ้นตามกำลังสมาธิที่เพิ่มขึ้นด้วย

เหตุนี้เองการทำชั่วหรือการทำเพื่อตนเองและพวกพ้องแล้วทำไปด้วยความหวัง  จึงมีลักษณะของม้าแรงตีนต้น  นั่นหมายความว่าผู้ที่ทำเพื่อตนเองและพวกพ้องแล้วทำไปโดยมีเจตนาสร้างความเดือนร้อนให้ผู้อื่น  จึงเป็นแรงที่ทำให้เกิดผลได้อย่างรวดเร็วโดยอัตราเร่งที่เร็วแล้วเป็นผลได้เร็ว  จึงเป็นผลให้แรงกระทำจากผู้หนึ่งไปยังผู้หนึ่งด้วยความชั่วเช่นการกระทำด้วยความพยาบาท  เช่นนาย ก.  สาปแช่งนาย ข.  ทุกวันจึงเป็นผลส่งถึงนาย ข.  ได้ในเวลาที่รวดเร็วในขณะที่ใช้เวลาอันสั้นก็เห็นผล  นี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในสังคม  เพราะการทำชั่วแล้วทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยเจตนา  ใช้ระยะเวลากระทำไม่นานแต่ส่งผลเป็นที่ประจักษ์โดยเร็ว

ในขณะการกระทำเพื่อผู้อื่นและส่วนรวมโดยไม่หวังผลจะให้ผลที่ช้ากว่า  แต่เมื่อให้ผลแล้วจะให้ผลที่มั่นคงกว่า  เพราะไม่มีเหตุแห่งความท้อแท้สิ้นหวังมารบกวนใจ    แล้วกำลังสมาธิของผู้ทำไปโดยไม่หวังนี้จะเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ  และมีความมั่นคง  ด้วยเหตุนี้เองพลังคุณงามความดีจึงเอาชนะพลังแห่งความชั่วได้ยากในตอนต้น  เราจึงเห็นว่าคนชั่วทำชั่วทำแล้วเห็นผลชั่วแล้วสร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่นอยู่ดาษดื่นซ้ำแล้วซ้ำอีก  กว่าพลังแห่งคุณงามความดีจะเร่งกำลังมาหักล้างความชั่วได้นั้นต้องใช้เวลา  แต่ว่าการทำชั่วแล้วทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยเจตนา  ถึงแม้จะมีอัตราเร่งให้เป็นผลได้เร็วด้วยการมีความหวังแล้วสัมฤทธิ์ผลโดยเร็ว  แต่ในขณะที่ทำไปนั้นจะถูกแรงแห่งความท้อแท้เป็นแรงต้านให้อัตราเร่งในการทำชั่วนั้นถูกต้านให้ช้าลง

ในขณะที่การทำดีโดยไม่หวังผล  อาจจะประสบกับความลำบากในการใช้พลังอำนาจแห่งความชั่วในตอนต้น  ด้วยเหตุซึ่งผู้เขียนอธิบายมาแล้ว  ปรากฏการณ์นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นอยู่แล้วในสังคม  ดังนั้นผู้คิดที่จะทำดีหรือเพื่อผู้อื่นและส่วนรวมมากกว่าตนเองและพวกพ้อง  จึงต้องทำไปโดยที่ไม่หวังแล้วไม่สร้างความหวังขึ้น  เพราะถ้าหวังเมื่อใดจะเกิดความท้อแท้เกิดแรงเสียดทานในการทำดีเช่นกัน  แล้วการทำชั่วโดยไม่หวังผลจะมีโอกาสเกิดขึ้นยากกว่าทำชั่วโดยหวังผล  ในขณะเดียวกันทำดีโดยไม่หวังผลจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ง่ายกว่าการทำดีโดยหวังผล

ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้การทำดียากกว่าการทำชั่วด้วย  เหตุผลข้อนี้จึงเป็นเหตุให้การทำดีต้องใช้ความพยายามที่มากกว่า  เพราะต้องทำให้ผู้อื่นและส่วนรวมมากกว่าตนเองและพวกพ้องซึ่งทำได้ยากแล้ว  ยังทำให้ความหวังสิ้นไปในขณะที่มีเจตนานั้นอีกด้วย การทำดีจึงจะสามารถเอาชนะการทำความชั่วได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสมบูรณ์  แล้วทำให้การทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่วเปล่งพลังประสิทธิภาพออกมาให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมในสังคม