งานศพ ควรเป็นโอกาสในการทำประโยชน์ส่วนรวม
"พี่ตาล....จัดการเรื่องพวงหรีดให้ด้วยนะ ในนามโรงเรียนบ้านพุตะแบก ชมรมครู สหกรณ์ออมทรัพย์ครู และก็ตามด้วยโรงเรียนต่าง ๆ ร่วมเป็นเจ้าภาพ" เสียงเจ้านายสาวของฉัน ส่งเสียงมาทางโทรศัพท์
เช้าวันที่ ๓๑ ตุลาคม ท่ามกลางฝนตกโปรยปราย ฉันจึงต้องทำหน้าที่ ซื้อพวงหรีด ไปเคารพศพคุณพ่อ รวม ๕ พวง เดินทางจากหาดใหญ่ไปสทิงปุระ(สทิงพระ) จนฉันและลูก ๆ ต้องสละพื้นที่รถเก๋งคันงามให้กับพวงหรีดดอกไม้สด จำนวนหลายพวง โดยใช้บริการรถตู้แทน
เมื่อไปถึงงานศพ ฉันพาลูก ๆ เข้าไปกราบคุณพ่อ พบว่าหน้าหีบศพมีพวงหรีดเฉพาะที่ฉันนำมาเท่านั้น เอาล่ะซี เกิดอะไรขึ้น ก็อยู่ที่ประจวบฯ ฉันเคยเห็นงานศพแต่ละงานมีพวงหรีดเต็มไปหมด จนแทบจะไม่มีที่แขวน
เมื่อสอบถามพี่น้อง ๆ ก็สรุปความได้ว่า งานศพของภาคใต้ไม่นิยมจัดงานศพด้วยพวงหรีด จัดเพียงดอกไม้เท่านั้น บางวัดถึงกับตั้งกฏกติกาว่า มิให้ใช้พวงหรีดที่เป็นดอกไม้แห้ง และโฟม โชคดีที่พวงหรีดที่นำไปเป็นประเภทดอกไม้สดทั้งหมด
ตอนเด็ก ๆ จำได้ว่า พิธีงานศพมักถูกจัดขึ้นที่บ้านผู้ตาย ขนบธรรมเนียมของภาคใต้เรื่องอาหารการกินเป็นเรื่องใหญ่ งานศพ ๗ วัน ฆ่าหมู ฆ่าวัวเป็น ๑๐ ตัว รู้สึกว่างานใดฆ่าหมูฆ่าวัยเยอะเท่าไหร ก็แสดงถึงความยิ่งใหญ่ของงาน นั่นคือประเพณีที่มิอาจเปลี่ยนแปลงเพราะยึดถือกันมาเช่นนั้น
"ถ้าพ่อตาย ไม่ต้องฆ่าหมู ฆ่าวัว พ่ออยากไปคนเดียวมากกว่า ไม่ต้องพาวัวพาหมูไปเลี้ยงเป็นฝูง ๆ " พ่อเคยพูดกับฉันเช่นนี้ ดังนั้นตอนงานศพคุณพ่อ จึงไม่มีการฆ่าหมูฆ่าวัวในงาน แต่ใช้วิธีการสั่งจากตลาดสดทั้งหมด และก็ใช้ปลาเข้ามาช่วยในการปรุงอาหาร ซึ่งต้องใช้งบประมาณที่สิ้นเปลืองอย่างมาก (ใช้หมู ๑๐ ตัว ปลาอีกครั้งละเป็น ๑๐,๐๐๐)
ปัจจุบันการจัดพิธีศพ เปลี่ยนไป ส่วนมากจะจัดกันที่วัด เพื่อความสะดวกในทุก ๆ ด้าน การจัดงานในวัด ทำให้เรื่องของการเล่นการพนันลดลงไปได้บ้าง แต่ก็มิใช่ไม่มีเสียทีเดียว เพียงแต่ยังมีความละอายต่อสถานที่อยู่บ้าง
จริง ๆ แล้ว มองว่า "งานศพ" น่าจะได้รับการประยุกต์ให้เหมาะแก่ยุคสมัย เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่ สิ่งที่ควรทำน่าจะเป็นเรื่องการทำบุญ เคยได้อ่านวารสารวัฒนธรรมไทย ฉบับหนึ่ง จำไม่ได้แล้วเหมือนกันว่าเป็นฉบับใด สรุปได้ว่ามีเนื้อหาในทำนองว่า
"สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามในการจัดงานศพ คือ การทำให้งานศพเป็นโอกาสในการทำประโยชน์แก่ส่วนรวม เช่น การบริจาคเงินในนามของผู้ตายสนับสนุน หรือช่วยเหลือผู้ยากไร้ สนับสนุนพระสงฆ์ การบวชหน้าไฟ ของลูกหลานก็ไม่ควรให้ระยะเวลาสั้นเกินไป และควรให้ลูกหลานที่บวชได้ปฏิบัติธรรม อาณาปาณสติภาวนาอุทิศให้ผู้ตาย ส่วนธรรมเนียมของงานศพที่จัดหลายวัน ทำให้สิ้นเปลืองไปกับพิธีกรรมที่ไม่จำเป็นก็ควรนำมาทบทวนกันบ้าง"
การจัดดอกไม้ประดับในพิธีและโรงศพ ไม่ควรให้มากเกินความจำเป็น สำหรับพวงหรีดที่มีผู้ร่วมงานนำมาเคารพ ที่มักนิยมใช้ผ้าขนหนูมาประดิษฐ์หรือดอกไม้สด ถ้ามากเกินไปก็จะกลายเป็นของเหลือใช้ เน่าเสีย หากให้เกิดประโยชน์เต็มที่ในการทำบุญ เจ้าภาพอาจสอบถามทางวัดว่าต้องการอะไรหรือเจ้าภาพตั้งใจจะนำของไปบริจาคใคร หรืออาจเขียนแจ้งในบัตรเชิญ หรือ ป้ายกำหนดการ เช่น "ขอเชิญบริจาคพันธุ์ไม้ถวายวัด แทนพวงหรีด" หรือ "ขอเชิญบริจาคหนังสือหรืออุปกรณ์กีฬามอบให้กับโรงเรียน แทนพวงหรีด" วิธีการแบบนี้ จะช่วยลด "ขยะพวงหรีด" ได้อย่างสร้างสรรค์
ของแจกในงานศพ ถ้าพิมพ์เป็นหนังสือธรรมมะก็จะเป็นสิ่งดี หรือไม่ อาจเปลี่ยไปพิมพ์หนังสือเกียวสุขภาพ หรืออาจพิมพ์เป็นพจนานุกรมแจกเด็กนักเรียน โดยใช้ภาพผู้ตายเป็นปก ก็เป็นการสร้างสรรค์
เจ้าภาพที่มีทุนน้อย อาจเขียนบรรยายความรู้สึกของการสูญเสียผู้ตายด้วยตนเอง รวมทั้งบรรยายวินาทีสุดท้ายของการเสียชีวิต ลงในกระดาษต้นฉบับ นำไปถ่ายเอกสารแจกในงานศพ ก็สร้างความแปลกใหม่ได้ไม่น้อย หากเจ้าภาพมีทุนมาก อาจแจกเป็นแผ่นซีดีธรรมะก็น่าสนใจ ได้ประโยชน์ไม่น้อย
สำหรับธรรมเนียมของงานศพที่ต้องเปิดฝาโลงให้ญาติได้เห็นผู้ตายเป็นครั้งสุดท้าย ให้ถือว่าเป็นโอกาสที่จะได้ทำมรณสติ ระลึกรู้ถึงความตาย เป็นเรื่องการภาวนาภายในที่ต้องเผชิญกับอารมณ์โศกเศร้าแห่งการพลัดพราก เป็นจังหวะเหมาะในการเรียนรู้ตัวเองอย่างมีสติภายใต้ความโศกเศร้านั้น ให้ถือเป็นปรกติวิสัยของมนุษย์ปุถุชน
งานศพสบโอกาส ตั้งธรรมาสน์เทศนา
เผยแผ่แพร่ธรรมา อนิจารักอาลัย
โอกาสดีผู้ที่มา มรณาสติใส่
เป็นบุญผู้จากไป ผู้อยู่ได้ใกล้ชิดธรรม
จริงแท้แน่สังขาร ไม่อยู่นานท่านจงจำ
ความดีมีควรทำ อย่าถลำเร่งทำบุญ
สวัสดีค่ะพี่อิงจันทร์
อ่านแล้วก็ได้ข้อคิดและความรู้ ถือโอกาสทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมในงานศพดีกว่า เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมและร่วมกันทำความดี
ทางอีสานเราก็เห็นลดขั้นตอนลงบ้างค่ะ จัดน้อยวันลง
ขอบคุณที่แบ่งปันค่ะ
โรงเรียนผมจะนำดอกไม้จันที่นักเรียนผลิต มอบเจ้าภาพ หรีดจะเป็นพัดลมครับ
สวัสดีค่ะนายวิโรจน์ พูลสุข
สวัสดีค่ะน้องชำนาญ เขื่อนแก้ว
สวัสดีค่ะน้องอุ้มถาวร
เป็นข้อคิดเห็นที่ดีมากครับ คุณครูลองเขียนถึงเรื่องปริศนาธรรมในงานศพลองดูได้มั้ย ไม่ทราบว่าที่ภาคใต้มีประเพณีในการทำศพอย่างไร ที่ว่าปริศนาธรรม ยกตัวอย่าง เช่น การเวียนศพรอบฌาปนสถาน โดยการเวียนซ้ายสามรอบ เรียกว่าอุตราวัฏ หรือทำเนียมการมัดตราสัง ถ้าจะมองสิ่งเหล่านี้ในทางธรรม จะหมายความว่าอย่างไร ..ที่อิสานนะ มีการโปรยข้าวตอก(ข้าวเปลือกที่คั่ว) ด้วย แต่ทุกวันนี้ปริศธรรมในงานศพ หรือเรื่องประเพณีเกี่ยวกับการทำศพ นี่ทุกวันเริ่มจะหายไปแล้ว เพราะความเจริญเข้ามาแทนที่ แต่บางสิ่งบางอย่างคนโบราณก็ทำไว้ดีมาก ท่านคงอยากจะสื่ออะไรสักอย่าง บางทีคนเราก็ทำสืบต่อกันมาโดยไม่รู้เรื่องก็มี ทำเพียงสักว่าเป็นพิธี แต่พิธีกรรมที่ดีควรจะต้องสื่อปัญญา เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะเกี่ยวเนื่องด้วยความเชื่อ คุณครูเป็นผู้หญิงคงจะมีความละเอียดอ่อน เชื่อแน่ว่าต้องทำได้ดี อาตมาเองก็คิดอยากจะทำในเรื่องนี้เช่นกัน แต่ยังยุ่งอยู่กับการเรียน เรื่องปริศนาธรรมในงานศพนี้อาตมาเองก็เคยศึกษาอย่างจริงจังอยู่ช่วงนึง ยังไงก็ฝากด้วยนะครับ "ปริศนาธรรมที่ปรากฏในประเพณีศพตามความเชื่อของคนใต้"
มางานศพพบอะไรใครรู้บ้าง เพียงเห็นร่างคนตายแล้วใจหาย
มองดีดีคิดให้ซึ้งถึงความตาย คือความหมายของ"ครู"ผู้แสดง
สวัสดีครับ...
ผมเขียนบันทึกที่เกี่ยวเนื่องกับงานศพพอดี
ได้มาอ่านบันทึกนี้ ได้รู้มากขึ้นในแง่
ความหมาย คุณค่า และคุณประโยชน์จากงานศพ
ขอบคุณมากครับสำหรับบันทึกที่พยายามอย่างยิ่ง
สวัสดีค่ะท่านผอ.พรชัย
นมัสการพระคุณเจ้าพระมหาวินัย ภูริปญฺโญ ทิวาพัฒน์
ปริศนาธรรมหลังความตาย