Alfalfa คืออะไร
Alfalfa (Lucene) จัดเป็นพืชจำพวกตระกูลถั่ว ซึ่งเป็นพืชพื้นเมืองของเอเชียตะวันตก และแถบเมดิเตอร์เรเนียนตะวันออก เป็นพืชชนิดแรกที่ใช้เพื่อการเพาะปลูก เติบโตได้ในแทบทุกอากาศทั่วโลก Alfalfa มีระบบรากที่มหัศจรรย์มาก ในบางพื้นที่รากของ Alfalfa สามารถชอนไชลงไปได้ลึกกว่า 130 ฟุต จึงมีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารได้มากกว่า และบริสุทธิ์กว่า อีกทั้งตัวของ Alfalfa เองก็ไม่สะสมพิษ ชาวอาหรับโบราณ รู้จักใช้ประโยชน์จาก Alfalfa มากกว่า 2000 ปีก่อนคริสตกาล โดยใช้เป็นพืชเลี้ยงสัตว์เพื่อเพิ่มความเร็วและความแข็งแรงให้กับม้า อีกทั้งยังใช้ใบมาตากแห้งชงเป็นชาดื่ม ด้วยคุณค่าทางอาหารที่มากมาย ชาวอาหรับจึงขนานนาม Alfalfa ให้เป็น AL-FAS-FAH-SHA หรือ “ราชาแห่งอาหารทั้งมวล”
Alfalfa ได้ถูกใช้เพื่อการรักษาทางการแพทย์มาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยแพทย์ชาวจีนได้ใช้ใบ Alfalfa อ่อนในการรักษาอาการย่อยไม่ปกติเช่นเดียวกับแพทย์ชาวอินเดียที่ใช้ใบ และดอกสำหรับรักษากระบวนการย่อยที่ทำงานได้น้อย แพทย์ที่ใช้สมุนไพรเพื่อการบำบัดในสหรัฐอเมริกาได้แนะนำให้ใช้ Alfalfa เป็นยาสำหรับย่อยไม่ปกติ ภาวะโลหิตจาง เบื่ออาหาร และอาการดูดซึมอาหารไม่ดี นอกจากนี้ Alfalfa มีส่วนกระตุ้นให้การหลั่งน้ำนมในแม่ดีขึ้น
ด้วยระบบรากที่มีประสิทธิภาพในการดูดซึมธาตุอาหารมากกว่าพืชชนิดอื่นๆ เป็นผลให้ Alfalfa เป็นพืชที่มีส่วนประกอบของสารต่างๆ มากมายมีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายถึง 8 ชนิด Isoleucine, Leucine, Lysine, Methionie เป็นต้น ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ร่างกายไม่สามารถสร้างขึ้นเองได้แต่จำเป็นต้องมีไว้เพื่อประโยชน์ในการสร้างเซลล์ใหม่อีกทั้ง Alfalfa ยังมีวิตามินอีกมากมาย รวมถึงวิตามิน A, B1 ,B6 ,B8 ,B12 ,C ,D ,E ,K ,P และ รวมทั้งยังประกอบไปด้วยเกลือแร่อีกหลายชนิด เช่น ฟอสฟอรัส โปรแทสเซี่ยม แคลเซี่ยม สังกะสี เซเลเนียม และแมกนีเซียม เป็นต้น และยังมีเอนไซม์หลักอีกถึง 8 ชนิด คือ ไลเปส อาเมเลล โคกุเลส อีมูลซีน อินเวอร์เคส เปอร์อ๊อกซีเดส เพดติเนส โปรตีน นอกจากนี้ Alfalfa ยังมีส่วนประกอบอีกเช่น Batacarotene, Bioflavinoids, Carotene, Chlorine ,Chloprophyll, Flavone, Isoflavone, sterol และ Ssponin เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นสารอาหารที่ให้คุณต่อร่างกายด้วยกันทั้งนั้น
ประโยชน์หลักของ Alfalfa ที่มีการใช้อย่างแพร่หลายคือ
- ใช้เพื่อสุภาพสตรีใกล้หมดวัยประจำเดือน
- ภาวะคลอเรสเตอรอลสูง
อย่างไรก็ตาม กรดอะมิโนจำเป็นที่อยู่ในใบของ Alfalfa จะช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี อีกทั้งยังเป็นยาระบาย และยาขับปัสสาวะทางธรรมชาติที่ดี มักใช้ Alfalfa เพื่อเป็นการบำบัดอาการติดเชื้อทางปัสสาวะกระเพาะปัสสาวะ และอาการเกี่ยวกับต่อมลูกหมากและยังช่วยขจัดพิษในร่างกายโดยเฉพาะในตับได้อีกด้วย Alfalfa มีเอ็นไซม์ เบต้าอีน ซึ่งเป็นเอ็นไซม์สำหรับย่อยและเอ็นไซม์อื่นๆ อีก 7 ชนิด ที่ส่งเสริมปฏิกิริยาเคมี ที่สามารถทำให้การดูดซึมสารอาหารภายในร่างกายเป็นไปอย่างถูกต้อง และเหมาะสม ร่วมทั้งการมีเบต้า – แคโรทีนในปริมาณสูงของ Alfalfa จะทำให้ผิวที่เคลือบกระเพาะอาหารแข็งแรง ซึ่งพบว่า Alfalfa สามารถช่วยโรคกระเพาะอาหารปวดท้องเพราะมีแก๊สมาก รักษาแผลในกระเพาะลำไส้ได้อย่างดี การรักษาโรคของหญ้า Alfalfa นี้ อาจจะเป็นลักษณะเดียวกับวิธีธรรมชาติเช่นเดียวกับที่สุนัข และแมวกินยาเพื่อรักษาโรคกระเพาะของมันได้ ปวดข้อ ข้อแข็ง รูมาตอยด์ แก้ไขได้ด้วย Alfalfa สารใน Alfalfa จะช่วยปรับสมดุลของกรด ด่างในร่างกาย ป้องกันการสะสมของกรดยูริค และกรดอื่นๆ ตามข้อต่างๆ ในหนังสือของแคทเทอรีน เอลวูล ชื่อ “fell like a million” ได้กล่าวว่า “ความมหัศจรรย์ของ Alfalfa เห็นได้อย่างชัดเจนมากขึ้นเมื่อมีคนไข้รูมาตอยด์ใช้ Alfalfa เพื่อรักษาอาการปวดตามข้อ ก็ได้รับรายงานจากคนไข้ว่าสามารถงอมือได้สะดวกยิ่งขึ้นและความเจ็บปวดก็หายไป” นอกจากนี้ Alfalfa ยังดีสำหรับมารดาที่กำลังให้นมบุตร ช่วยเพิ่มการหลั่งของน้ำนม Alfalfa ยังมีคุณสมบัติช่วยในการขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติ ฉะนั้น เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมนักโภชนาการจึงได้สมญานาม Alfalfa ว่าเป็น “หญ้ามหัศจรรย์” ที่ใช้เป็นยารักษาโรคต่างๆ ได้เป็นอย่างดี
หนังสืออ้างอิง
จากหนังสือ Alfalfa (อัลฟัลฟ่า) The Father Of All Food โดย เภสัชกรอมรเทพ กลิ่นสุคนธ์ และคณะ
ไม่มีความเห็น